คุณจำ Huawei P รุ่นไหนได้บ้าง? พบกันคืนนี้ 20.00 น. กับ Huawei P40 series
คุณรู้จักแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกอย่างหัวเว่ยมานานแค่ไหน หัวเว่ยกลายเป็นแบรนด์ยอดฮิตด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่าง P และ Mate Series ซึ่งสร้างปรากฎการณ์และทำให้แบรนด์กลายเป็นหนึ่งในสามของสุดยอดแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกได้อย่างไร ในขณะเรากำลังตั้งตารอชมโฉมของ Huawei P40 series สมาร์ทโฟนสุดหรู ซีรี่ส์ท็อป ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในอีกไม่กี่วันนี้ เราลองมาย้อนดูไทม์ไลน์รุ่นต่างๆ ของซีรี่ส์ระดับตำนาน P Series กันดีกว่า
Huawei Ascend P1
บางและงามสง่า Huawei Ascend P1 เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม ปี 2012 โดยได้สร้างความตื่นเต้นในเวลานั้น ด้วยความบางเพียง 7.69 มม. ของตัวเครื่อง
Huawei Ascend P2
Hisilicon Processor ที่พัฒนาขึ้นเอง หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสมาร์ทดีไวซ์มาอย่างช้านาน โดยได้ทุ่มเททรัพยากรไปกับการค้นคว้าและพัฒนา จนได้ผลลัพธ์เป็น Huawei Ascend P2 ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่โปรเซสเซอร์ Huawei K3V2 quad-core ซึ่งคิดค้นขึ้นเอง
Huawei Ascend P6 เรียบง่ายและหรูหรา เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 3 ใน P Series ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2013 นับเป็นหนึ่งในโทรศัพท์มือถือที่บางที่สุดในตลาดด้วยความหนาเพียง 6.18 มม. ตัวเครื่องเป็นโลหะเรียบและยังคงใช้โปรเซสเซอร์ Huawei K3V2 quad-core ของหัวเว่ยเอง
Huawei Ascend P7 เป็น Ascend รุ่นสุดท้าย เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 มีรูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นที่น่าสนใจคือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่เริ่มใช้ชิปเซ็ต Kirin 910T quad-core ของหัวเว่ย
Huawei P8 การค้นพบและปรับเปลี่ยน เปิดตัวในปี 2015 ไม่ใช้ชื่อ "Ascend" อีกต่อไป และรูปลักษณ์ภายนอกก็มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนๆ มีการใช้โลหะเป็นวัสดุในการทำตัวเครื่องและถือเป็นรุ่นแรกที่ใช้ชิปเซ็ต Kirin 930 octa-core หัวเว่ยลงทุนลงแรงอย่างมหาศาลในการปรับปรุงฟีเจอร์และอัลกอริทึมของกล้อง ซึ่งเป็นสัญญาณของความสำเร็จในการสร้างประวัติศาสตร์ในด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องสมาร์ทโฟนในรุ่นต่อๆ ไป
Huawei P9 กล้อง Leica เลนส์คู่ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2016 หัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงถึง 2 รุ่นใน P9 Series ได้แก่ Huawei P9 และ P9 Plus นอกจากจะเป็นรุ่นแรกที่มี 2 กล้องหลังแล้ว สุดยอดแบรนด์กล้องจากเยอรมนีอย่าง Leica ยังมีส่วนร่วมในการผลิตกล้องของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อีกด้วย หากพูดถึงความแตกต่างของ Huawei P9 และ P9 Plus แล้ว Huawei P9 มาพร้อมจอแบบ Full HD LCD ขนาด 5.2 นิ้ว ในขณะที่ Huawei P9 Plus ใช้จอแบบ Full HD Super AMOLED ซึ่งกว้างถึง 5.5 นิ้ว ในส่วนของ RAM นั้น Huawei P9 มีให้เลือกทั้ง 3GB และ 4GB ขณะที่ Huawei P9 Plus มีเพียง 4GB เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสำคัญของหัวเว่ยในฐานะผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เพราะเป็นรุ่นแรกที่ขายได้ถึง 10 ล้านเครื่องเลยทีเดียว
Huawei P10 series ภาพถ่ายบุคคล กับฟีเจอร์หน้าชัด หลังเบลอ เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 อัตลักษณ์ของ P Series ก็เริ่มเด่นชัดมากขึ้น โดยเน้นการดีไซน์ที่สวยหรูและความเป็นแฟชั่นไอเท็ม รวมถึงการมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือระดับให้กับผู้ใช้ กล้อง Leica เลนส์คู่ (ที่ประกอบด้วยเลนส์ RGB ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์โมโนโครม ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล) สร้างผลงานที่มีเอฟเฟ็กต์สวยงาม พร้อมความลึกของภาพที่คมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล แบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยโหมดการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ (Pro mode) ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขไฟล์ดิบได้ และมีตัวเลือกมากมายให้ได้เล่นกับฟีเจอร์ของกล้อง
ในด้านความการรักษาปลอดภัย การสแกนลายนิ้วมือได้ถูกย้ายมาไว้ด้านหน้า ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มความสะดวกที่เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อเพิ่มอีกขั้นของความสะดวกและความปลอดภัย สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Kirin 960 SoC 64-bit octa-core processor ที่หัวเว่ยผลิตเอง โดย Huawei P10 มาพร้อม RAM 4GB ส่วน Huawei P10 Plus มีให้เลือกทั้งแบบ 4GB และ 6GB
กล้อง Leica เลนส์คู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และความละเอียด 20 ล้านพิเซล นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของรุ่น และถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้หัวเว่ยได้เริ่มขยายขีดความสามารถในการถ่ายภาพในหลากหลายสถานการณ์ยิ่งขึ้น รวมถึงโหมดการถ่ายภาพบุคคล และเอฟเฟ็กต์แบบหน้าชัด หลังเบลอ
Huawei P20 ได้รับ 109 คะแนนจาก DxOMark หลังจากความสำเร็จของ P10 Series จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเมื่อ Huawei P20 และ P20 Pro เปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2018 โดยยังคงมาพร้อมฟีเจอร์กล้องชั้นเลิศและดีไซน์ชั้นหรูตามสไตล์ ด้าน Huawei P20 Pro ก็ไม่ทำให้ผิดหวังโดยได้รับคะแนนสูงถึง 109 คะแนน ด้านการถ่ายภาพสมาร์ทโฟนยอดเยี่ยมจาก DxOMArk Mobile (เว็บไซต์ชั้นนำระดับโลกด้านการรีวิวสมาร์ทโฟน และกล้องดิจิทัล)
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ดียิ่งไปกว่ากล้องคู่ในรุ่นนี้ หัวเว่ยตอบตามตรงได้ง่ายๆ เลยว่า กล้อง 3 ตัวนั่นเอง Huawei P20 Pro นับเป็นรุ่นแรกที่สร้างปรากฏการณ์กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (เลนส์ RGB, F/1.8 aperture) กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (เลนส์ telephoto, F/2.4 aperture) และ กล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (เลนส์โมโนโครม, F/1.6 aperture) ในยุคนี้ที่ภาพเซลฟี่เดี่ยวและกลุ่มกำลังเป็นเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย กล้องหน้าเองก็ได้รับการอัพเกรดให้มีความคมชัดถึง 24 ล้านพิกเซล (F/1.7 aperture) ด้วยเช่นกัน
นอกจากการใช้ AI การถ่ายในที่แสงน้อย การทำหน้าชัด หลังเบลอ และฟีเจอร์การถ่ายภาพมุมกว้างแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือความสามารถในการซูมแบบออพติคัลได้ถึง 3 เท่า และแบบไฮบริดถึง 5 เท่า ซึ่งได้ถูกนำมาพิสูจน์ความสามารถขั้นสุดด้วยการถ่ายภาพดวงจันทร์ ที่จะกล่าวถึงในลำดับต่อไป
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง Huawei P20 และ P20 Pro คือการมี 2 กล้อง และ 3 กล้อง ตามลำดับ Huawei P20 มีจอ แบบ Full HD+ (ความละเอียดในการแสดงผล 2240 x 1080 พิกเซล) LCD ที่กว้าง 5.8 นิ้ว และ RAM 4GB ในขณะที่ Huawei P20 Pro มีจอกว้างถึง 6.1 นิ้ว แบบ Full HD+ AMOLED และ RAM 6GB กับ 8GB ทั้งสองรุ่นใช้ชิปเซ็ต Kirin 970 ชาร์จได้เร็ว ให้พลังงานแบตเตอรี่ยาวนาน เพิ่มขีดจำกัดให้กับการใช้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม
Huawei P30 Pro จัดเต็ม SuperZoom 50 เท่า หากสงสัยว่าหัวเว่ยมั่นใจมากแค่ไหนกับ Huawei P30 Pro นั้น ดูได้จากการที่หัวเว่ยเปิดเกมส์ถ่ายภาพดวงจันทร์ด้วยสมาร์ทโฟน ด้วยความมั่นใจที่ว่า SuperZoom 50 เท่า สามารถเข้าประลองและเอาชนะคู่แข่งได้ รุ่นนี้ก็ไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ คือเปิดตัวออกมาพร้อมกันทั้ง 2 รุ่นได้แก่ Huawei P30 และ P30 Pro ในเดือนมีนาคม ปี 2019 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ระบบกล้องสไตล์เพริสโคป (Periscope-style camera) คือหนึ่งความสุดยอดของระบบกล้องหลังของ Huawei P30 Pro ที่มีตั้งแต่กล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้าง (เลนส์ wide-angle) กล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่ให้เก็บภาพมุมกว้างพิเศษ (เลนส์ ultra wide-angle) กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพจากระยะไกล (เลนส์ telephoto) และกล้องสามมิติ Time-of-Flight (ToF sensor) แน่นอนว่าพลาดไม่ได้ที่จะรวมอัลกอริทึมและฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือระดับยิ่งขึ้นจนใกล้เคียงมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมความคงที่ของภาพผ่านออพติคัล (OIS) และ AI (AIS) โปรแกรมตัดต่อวีดีโอด้วย AI การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาก การใช้ 2 เลนส์ถ่ายพร้อมกัน และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนั้น Huawei P30 Pro ยังใช้เซนเซอร์ RYYB (Red Yellow Yellow Blue) แทนเซนเซอร์ RGB (Red Green Blue) ทำให้กล้องสามารถรับแสงได้มากกว่าเดิม และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในที่แสงน้อย ด้วยระบบกล้องที่ทรงประสิทธิภาพ ทำให้ Huawei P30 Pro กลายเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเดียวในตลาดที่สามารถซูมแบบออพติคัลได้ถึง 5 เท่า แบบไฮบริด 10 เท่า และแบบดิจิทัล 50 เท่า การเปิดตัวครั้งนี้ มีข้อแตกต่างอีกในส่วนของดีไซน์ คือ Huawei P30 มาพร้อมจอแบน ส่วน Huawei P30 Pro มาพร้อมขอบจอโค้ง ทั้งสองรุ่นใช้จอแบบ Full HD+ OLED
กล่าวโดยสรุป Huawei P30 มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว RAM 6GB และความจุ 128GB ขณะที่ Huawei P30 Pro มีขนาดหน้าจอ 6.47 นิ้ว RAM 6GB หรือ 8GB มีความจุให้เลือก 128GB, 256GB และ 512GB เรียกได้ว่าเป็นสเปคที่แตกต่างจากรุ่นบุกเบิกของ P Series ที่ RAM 1GB มากโข เมื่อเทียบแล้วยิ่งเห็นความน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะรุ่นปัจจุบันใช้สุดยอดชิปเซ็ท Huawei Kirin 980 64-bit octa-core processor ไม่เพียงเท่านั้น สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมความทนทานของแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟได้แบบ SuperCharge อันเป็นมาตรฐานของหัวเว่ยแล้วนับแต่นี้ไป รวมถึงการอัพเกรด EMUI ใหม่อีกด้วย
เราจะได้พบกับอะไรบ้างใน Huawei P40 Series
ใครๆ ที่ติดตามข่าวสารก็คงทราบดีว่าเมื่อปีที่ผ่านมาหัวเว่ยได้ประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาอีกว่าคราวนี้หัวเว่ยจะนำเสนอสิ่งใดเมื่อการเปิดตัว P Series รุ่นใหม่มาถึง หากลองมองกลับไปในยุคก่อนๆ ของ P Series จะเห็นได้ว่า P Series เติบโตและพัฒนาขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์เดียวกันคือ การนำโทรศัพท์มือถือที่ก้าวล้ำนำเทรนด์ที่สุดมานำเสนอแก่ผู้ใช้ P Series เริ่มจากรูปลักษณ์ตัวเครื่องเรียบหรูที่ปรับให้สวยขึ้นเรื่อยๆ จนถึงฟีเจอร์กล้องที่พัฒนาขึ้นในทุกรุ่น โดยได้ทดลองดีไซน์ใหม่ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุดของศิลปะและการออกแบบสมาร์ทโฟน
สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างจะมั่นใจได้แน่ๆ คือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของหัวเว่ยจะมาพร้อมกับระบบ Huawei Mobile Service (HMS) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันยอดนิยมต่างๆ ได้จาก Huawei AppGallery แอปสโตร์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ย ที่ได้รับความนิยมติดท็อป 3 ของโลก มีผู้ลงทะเบียนใช้งานกว่า 400 ล้านคนต่อเดือนจากทั่วโลก จึงไม่ต้องพูดถึงความจัดเต็มของแอปพลิเคชันใน Huawei AppGallery ซึ่งแบ่งประเภทแอปออกสูงถึง 18 ประเภท ได้แก่ เกม, การเงินและการธนาคาร, การสื่อสาร, ท่องเที่ยว, อาหารและเครื่องดื่ม, สื่อและความบันเทิง, ช้อปปิ้ง, การถ่ายภาพ ฯลฯ และสำหรับแอปไหนที่ยังไม่มีให้ดาวน์โหลด Huawei AppGallery ก็มาพร้อมฟีเจอร์ Wish List ที่ให้ผู้ใช้กดรีเควสและเมื่อแอปพร้อมให้บริการ ก็จะมีการแจ้งเตือนกลับไปยังผู้ใช้ ในขณะที่มีข่าวลือ และภาพหลุดมากมายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ Huawei P40 Series เราก็ยังคงตั้งตารอคอยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ รวมถึงความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของหัวเว่ยในด้านเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน