หัวเว่ย ชวนสัมผัส Huawei Mate X สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ชูความเป็นผู้นำโครงข่าย 5G แบบครบวงจร
Huawei ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเทคโนโลยี 5G ระดับโลก นำเสนอข้อมูลนวัตกรรม 5G แบบครบวงจรทั้งชิปเซ็ต
Balong 5000 ชิปเซ็ต 5G แบบมัลติโหมดรุ่นแรกของโลก พร้อมอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ
5G CPE Pro อุปกรณ์รับส่งสัญญาณซึ่งรองรับการรับส่งข้อมูลแบบ 5G ชิ้นแรกที่ทำงานโดยใช้ชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าว และเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอให้สมบูรณ์ขึ้นด้วย
Huawei Mate X สมาร์ทโฟน 5G แบบพับหน้าจอได้ที่เร็วที่สุดในโลก
Huawei เผยโฉมสมารืทโฟนที่ร้อนแรงที่สุดในโลกตอนนี้ Huawei Mate X สมาร์ทโฟน 5G แบบพับหน้าจอได้ที่เร็วที่สุดในโลก ให้ผู้สื่อข่าวชาวไทยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรก พลภัทร์ สายบัวทอง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า "Huawei Mate X คือจุดเริ่มต้นของสมาร์ทโฟนแห่งยุคอนาคตที่ผสานทั้งเทคโนโลยี 5G แนวคิดสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอพับได้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และส่วนต่อประสานผู้ใช้แบบไม่เหมือนใครเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ จากสมาร์ทโฟนแนวคิดใหม่ หัวเว่ยผสานพาเนลจอแบบ OLED ที่ยืดหยุ่นได้เข้ากับบานพับกลไกแบบฟัลคอนวิง (Falcon Wing Mechanical Hinge) ผสานข้อดีของทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตไว้อย่างลงตัว หน้าจอ FullView OLED แบบยืดหยุ่นได้และชิปเซ็ต Balong 5000 ชิปเซ็ตโมเด็ม 5G ที่มีความเร็วสูงที่สุดในปัจจุบันนำเสนอประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่และความสะดวกในการพกพา
Huawei Mate X คือเครื่องมือสร้างสรรค์งานที่ยอดเยี่ยมที่สุดเมื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ต และการสลับการทำงานระหว่างแอพพลิเคชั่นก็เป็นไปโดยง่ายขึ้น ผู้ใช้งานสามารถทำงานโดยใช้หน้าจอ 2 หน้าจอพร้อมกันเพื่อการทำงานหลายงานพร้อมกัน สร้างความรู้สึกเหมือนใช้งานเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ พร้อมกล้องถ่ายภาพ ที่เยี่ยมยอด โดยหน้าจอที่พับได้ทำให้กล้องถ่ายภาพเป็นได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังตามต้องการ แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีความจุ 4,500 mAh อีกทั้งยังรองรับ Huawei SuperCharge ชาร์จแบตได้อย่างรวดเร็วสอดรับกับยุค 5G"
อิงมาร์ หวาง ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า "หัวเว่ยถือเป็น ผู้บุกเบิกกระบวนการรับส่งข้อมูลแบบ 5G โดยเริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาด้านนี้มาตั้งแต่ปี 2009 และเป็นบริษัทเดียวในปัจจุบันที่มีอุปกรณ์โครงข่าย 5G จำหน่ายแบบครบวงจรทั้งชิปเซ็ต อุปกรณ์ ระบบคลาวด์ และอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ปัจจุบันหัวเว่ยมีวิศวกรที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาด้าน 5G จำนวน 5,700 คน ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการรับส่งข้อมูลแบบ 5G จำนวน 500 คน และมีศูนย์ R&D ด้าน 5G รวม 9 แห่งทั่วโลก โดยในปี 2018 หัวเว่ยใช้งบประมาณลงทุนด้าน 5G กว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อทำการพัฒนานวัตกรรม 5G อย่างต่อเนื่อง และผลักดันให้แนวคิดที่ทุกสมาร์ทดีไวซ์เชื่อมโยงกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใกล้เป็นจริงยิ่งกว่าที่เคย ซึ่ง 5G ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติเข้าสู่ยุคแห่งการเชื่อมต่อ ที่จะทำให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และสุขภาพดีขึ้น"
ล่าสุดหัวเว่ยได้เปิดตัวชิปเซ็ต Balong 5000 ชิปเซ็ต 5G แบบมัลติโหมดรุ่นแรกของโลก ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่จะเปิดศักราชใหม่สู่ยุค 5G เนื่องจากชิปเซ็ตนี้สามารถรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน อุปกรณ์รับส่งสัญญาณบรอดแบนด์ภายในบ้าน อุปกรณ์ภายในรถยนต์ และโมดูล 5G ประเภทต่างๆ อีกทั้งช่วยให้กระบวนการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสำหรับอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ เป็นไปได้ ผู้บริโภคจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ของการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วในระดับ 5G ได้ทุกที่ และหัวเว่ยยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปเซ็ตนี้ ได้แก่ Huawei Mate X สมาร์ทโฟน 5G แบบพับหน้าจอได้ที่เร็วที่สุดในโลก และอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ Huawei 5G CPE Pro สำหรับใช้ในบ้าน
หัวเว่ยต้องการเน้นย้ำว่า 5G จะมายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก และยืนยันว่าความเป็นผู้นำของหัวเว่ยด้านเทคโนโลยี 5G รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะช่วยให้หัวเว่ยนำเสนอประสบการณ์ 5G ที่เป็นเลิศ และเปี่ยมประสิทธิภาพสู่ผู้บริโภคทั่วโลกในทุกจังหวะของชีวิต