GURU Ratings คุ้มไม่คุ้ม เช็กก่อน! Samsung Galaxy S24+ สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นกลางของตระกูล S มาพร้อมจุดเด่น "Galaxy AI" มีการอัปเกรดเปลี่ยนหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X มาเป็น Dynamic LTPO AMOLED 2X ทำให้สามารถตัวเครื่อง S24+ สามารถปรับ Refresh rate ได้ยืดหยุ่นมากขึ้นตั้งแต่ 1 - 120Hz เช่น เมื่อหน้าจอยู่นิ่งก็จะปรับไว้ที่ 1Hz เพื่อประหยัดพลังงาน รวมถึงความละเอียดหน้าจอจาก FHD+ มาเป็น 2K เพื่อเพิ่มอถรรสในการรับชมความบันเทิงอย่างจัดเต็มมากขึ้น จุดเด่น | จุดสังเกต | - จอ Dynamic LTPO AMOLED 2X ที่ปรับ Refresh rate ได้ยืดหยุ่น
- ความละเอียดหน้าจอสูง 2K, 120Hz
- ชิป Exynos 2400 ที่แรงกว่าเดิม และรองรับ AI
- มี Galaxy AI
- ถ่ายวิดีโอ 4K@60fps ได้ทั้งกล้องหน้า/หลัง
- ถ่ายวิดีโอ 8K@30fps ได้
- มีกล้อง Telephoto ระยะ 3x
| - การถ่ายด้วยโหมดการปรับคุณภาพอัจริยะระดับสูงสุดในบางภาพอาจทำให้ภาพดูไม่คมชัด
- รองรับชาร์จไว 45W (น้อยกว่าเรือธงแบรนด์อื่นๆ)
- สไตล์ภาพถ่ายโทนธรรมชาติ (ขึ้นอยู่กับความชอบ)
- มุมภาพของกล้องหน้าไม่ได้กว้างมาก
| |
Check Price! ซื้อที่ไหนคุ้มสุด
รุ่น | ราคาเปิดตัว | Best Deal |
Samsung Galaxy S24+ (RAM 12GB + ROM 256GB) | ฿36,990 | |
Samsung Galaxy S24+ (RAM 12GB + ROM 512GB) | ฿41,990 | |
หลังจากที่เปิดตัว Samsung Galaxy S24 Series ก็เป็น "Talk of the town" มากๆ เพราะด้วยการมาของ Galaxy AI ที่นำมาพรีเซนต์เป็นจุดเด่นหลักของ Samsung Galaxy S24 Series ทำให้มีชื่อเล่นเรียกว่า "AI Phone" ด้วย ซึ่งก็มีการนำ AI เข้ามาเป็นฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะ แปลภาษา, สรุปเนื้อหา, ค้นหาข้อมูลจากภาพ, ลบ/เปลี่ยนวัตถุภาพ และอื่นๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้น
สำหรับบทความนี้ผู้เขียนจะหยิบพี่คนกลางอย่าง Samsung Galaxy S24+ ที่อยู่ระหว่าง S24 และ S24 Ultra มาแชร์ประสบการณ์การใช้งานให้ทุกคนกันครับ และรุ่นนี้มีอะไรอัปเกรดมาใหม่ ใช้งานดีไหม เหมาะกับใคร เราไปดูพร้อมกันเลยครับ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
สเปก Samsung Galaxy S24+
- หน้าจอ: 6.7" Dynamic LTPO AMOLED 2X (3120 x 1440px) Refresh rate 1-120Hz, HDR10+, 2600nits, AOD
- ชิป: Exynos 2400, GPU: Xclipse 940
- RAM: 12GB
- ROM: 256GB/512GB UFS 4.0
- กล้องหลัง: 50MP f/1.8, 1/1.56" Dual Pixel PDAF, OIS + Ultrawide 12MP f/2.2, 1/2.55" + Telephoto (3x) 10MP f/2.4, 1/3.94",OIS
- กล้องหน้า: 12MP, f/2.2
- VDO กล้องหลัง: 8K@30fps 4K@120fps
- VDO กล้องหน้า: 4K@60fps
- แบตเตอรี่: 4900mAh ชาร์จไว 45W, 15W Wireless, 4.5 reverse wireless
- วัสดุ Armor Aluminum
- Corning Gorilla Glass Victus 2
- สี Onyx Black, Marble Grey, Cobalt Violet, Amber Yellow
- สีพิเศษทาง Online: Sapphire Blue, Jade Green, Sandstone Orange
- รองรับ Samsung DeX, Wireless DeX
- สแกนนิ้วใต้จอ Ultrasonic
- รองรับ UWB (Ultra-Wideband)
- รองรับ Bluetooth 5.3
- รองรับ Wifi 6e
- USB 3.2 Gen 1
- น้ำหนัก 196 กรัม
- บาง 7.7 มม.
ด้านดีไซน์ Samsung Galaxy S24+
ด้านดีไซน์ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S24+ มาในสไตล์มินิมอล ดูคลีนๆ ไม่ได้มีลวดลายครับ ส่วนตัวทำให้รู้สึกว่าใช้งานได้ง่าย จับถือแล้วดูหรูหราครับ ฝาหลังจะเป็นกระจก เกิดรอยนิ้วมือได้ยาก ด้านข้างเป็นวัสดุ Armor Aluminum พรีเมียมแข็งแรง ด้านหลังจะมีกล้อง 3 ตัว วางเรียงกันแนวตั้ง ตามฉบับของ Samsung ซึ่งจะเหมือนกับรุ่น Samsung Galaxy S24 ตัวน้องเลยครับ แต่จะมีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่า โดยหน้าจอของ Samsung Galaxy S24+ จะอยู่ที่ 6.7 นิ้ว พาเนล Dynamic LTPO AMOLED 2X ความละเอียด 3120 x 1440 พิกเซล Refresh rate 1-120Hz, HDR10+, 2600nits, AOD ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 บริเวณกล้องหน้าเป็นแบบ Infinity-O Display (แบบเจาะรู)
สำหรับหน้าจอของ Samsung Galaxy S24+ จะปรับสีไปในโทนธรรมชาติมากขึ้นครับ ไม่ได้สีสดเหมือนกับรุ่นก่อนๆ ทำให้ตอนออกใหม่ หลายๆ คนคิดว่าจอมีปัญหา แต่ทางซัมซุงได้บอกว่าเป็นโทนสีที่ตั้งใจทำมาให้ธรรมชาติมากขึ้น สำหรับงานแต่งภาพและเพื่อความสบายตาของผู้ใช้งานมากขึ้นครับ แต่ทางซัมซุงก็ฟังฟีดแบคของผู้ใช้งานนะครับ จึงออกอัปเดตใหม่ ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับความสดของจอได้ตามความต้องการเลยครับ
ส่วนการใช้งาน Outdoor สามารถใช้งานได้ดีครับ ด้วยความสว่างสูงสุดที่ 2600nits ซึ่งตัวเครื่องจะปรับขึ้นไปสูงสุดให้หากเราใช้งานกลางแดด แต่สีสันของภาพหน้าจอจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยครับ
ด้านบนตัวเครื่อง
- ไมโครโฟนรับเสียง
- ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างตัวเครื่อง
- มีช่องใส่ซิมการ์ด
- ไมโครโฟน
- พอร์ต USB-C 3.2
- ลำโพง
ด้านข้างตัวเครื่อง Samsung Galaxy S24+ มีการปรับผิวให้มีความเรียบแบนมากขึ้นจากรุ่นก่อนที่มีความโค้งมนเล็กน้อย ทำให้จับถือได้ง่ายขึ้นครับ
ด้านข้างซ้าย
- ไม่มีปุ่มหรือพอร์ต
ด้านข้างขวา
- ปุ่มเปิด/ปิด
- ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
สีของ Samsung Galaxy S24+
- สีดำ Onyx Black (สีตัวเครื่องในบทความนี้)
- สีเหลือง Amber Yellow
- สีม่วง Cobalt Violet
- สีเทา Marble Grey
สีพิเศษทาง Online:
- สีเขียว Jade Green
- สีฟ้า Sapphire Blue
- สีส้ม Sandstone Orange
ด้านชิป
สำหรับด้านชิป Samsung Galaxy S24+ ใช้เป็นชิปใหม่ Samsung Exynos 2400 (4nm) มีทั้งหมด 10 คอร์ (1x 3.21 GHz – Cortex-X4 / 2x 2.9 GHz – Cortex-A720 / 3x 2.6 GHz – Cortex-A720 / 4x 1.95 GHz – Cortex-A520) ใช้การ์ดจอ Samsung Xclipse 940 (1109 MHz) ที่ร่วมมือพัฒนากับทาง AMD ค่ายการ์ดจอใหญ่ ตัวเครื่องมี RAM 12GB LPDDR5X และ ROM 256GB/512GB UFS 4.0
หลายๆ คน พอได้ยินชื่อ "Exynos' ก็คงส่ายหน้ากันแล้ว อาจเป็นเพราะด้วยประวัติการใช้งานของชิป Exynos ที่ขึ้นชื่อเรื่องของความร้อนและแบตเตอรี่หมดเร็ว จากที่ได้ลองใช้แล้ว Exynos 2400 รุ่นนี้พัฒนามาได้ดีขึ้นครับทั้งประสิทธิภาพความแรงทำได้มากกว่า Snapdragon 8 Gen 2 แต่ก็ยังสู้ Snapdragon 8 Gen 3 ไม่ไหว แต่ก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาดครับ และมาพร้อม "Galaxy AI" ตั้งแต่แรกด้วยครับ
ด้านความเสถียรถือว่าทำได้ดีมากครับ ไม่มีอาการกระตุก ค้าง หน่วง เวลาใช้งานเลย สำหรับการใช้งานทั่วไปเล่นโซเชียล, ดูหนัง/Netflix, เล่น Tiktok, เปิดแอปหลายๆ แอป บอกเลยครับว่าแรงเหลือๆ
ด้านกล้องก็สามารถเปิดกล้องได้เร็ว สลับกล้องได้ลื่นไหล สามารถได้กดถ่ายได้รัวๆ การถ่ายวิดีโอสามารถถ่ายได้ลื่นไหล อาจมีอาการหน่วงไปประมาณ 1 วินาที เวลาเราเข้าโหมดวิดีโอ แล้วเปิด 60fps ครับ ซึ่งจะเห็นว่าการแสดงผลจะได้ได้เริ่มจาก 60fps ตั้งแต่วิแรก ส่วนเรื่องความร้อนพอลองใช้งานถ่าย Outdoor ไปได้ประมาณ 30-40 นาที ก็รู้สึกว่าร้อนเลยครับ ต้องพักให้เย็นลงจึงจะเก็บใส่ประเป๋ากางเกงได้ครับ
===== ด้านการเล่นเกม =====
สำหรับการเล่นเกมทำได้ดีครับ ไม่ได้มีอาการกระตุกหรือหน่วงระหว่างเล่น โดยตอนที่เปิดตัวมาใหม่ๆ ต้องบอกก่อนว่า อย่างเกม ROV ยังเปิดโหมด 60fps ไม่ได้ครับเนื่องจากเป็นชิปใหม่ที่ยังไม่ได้ Optimize กับตัวเกม ทำให้เล่นได้เพียง 45fps แต่พอผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน ก็ปรับให้เล่น 60fps ได้ครับ
เกม ROV
ภาพ HD: สูงมาก
การแสดงผล: สูงมาก
พาร์ติเคิล: สูงมาก
FPS: สูง (60fps)
อุณหภูมิ: 36-37 องศา
เล่นไป 36 นาที แบตเตอรี่ลดไป 8%
PUBG Mobile
กราฟิก: ลื่นไหล
เฟรมเรท: Ultra Extreme (120 fps)
อุณหภูมิ: 32-43 องศา
เล่นไป 41 นาที แบตเตอรี่ลดไป 15%
สำหรับเกม PUBG Mobile ตอนนี้ก็สามารถเล่นที่เฟรมเรต 120fps ได้แล้วนะครับ แต่อาจมีแกว่งที่ 110-120fps ที่บางจังหวะครับ ส่วนอุณหภูมิจากตอนแรกที่อยู่หน้าล็อบบี้อยู่ที่ 32 องศา เมื่อเข้าเกมไปจะอยู่ที่ประมาณ 36-37 องศา หลังจากนั้นเล่นไปได้ 30-40 นาที อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 42-43 องศา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการเล่นครับ
===== ด้าน Galaxy AI =====
ด้าน AI อาจไม่ได้เจาะลึกทุกฟีเจอร์ในบทความนี้นะครับ เพราะมีบทความที่เจาะลึกไปแล้วสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ครับ แต่จะมาแชร์ประสบการณ์การใช้งานและฟีเจอร์ที่ใช้จริงกันครับ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ส่วนตัวฟีเจอร์ที่ค่อนข้างชอบและใช้งานบ่อยคือฟีเจอร์ Circle to Search, สรุปและแปลภาษาในเว็บไซต์, ช่วยการเขียนและแปลภาษาในแชทครับ และอีกหนึ่งอย่างที่ควรรู้ครับคือ หากต้องการใช้การแปลภาษา เราควรโหลดโมเดลภาษานั้นๆ ไว้ก่อนนำไปใช้งานต่างประเทศ เพราะจะได้ไม่ต้องพึ่งหาอินเทอร์เน็ตในการใช้งานในเวลาจำเป็นครับ
ฟีเจอร์ Circle to Search
ฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ง่ายครับเพียงกดที่ปุ่ม Home หรือขีด Swipe Gestures ค้างไว้ ก็จะเปิดฟีเจอร์ Circle to Search ขึ้นมา จากนั้นก็สามารถใช้นิ้วหรือปากกา S Pen วงวัตถุที่ต้องการค้นหา หรือสามารถเปิดกล้องแล้วส่องไปทางวัตถุในโลกจริงก็สามารถเปิดใช้งานได้เช่นกัน จากที่ได้ลองสามารถค้นหาได้รวดเร็ว ค่อนข้างแม่นยำหากเป็นสินค้าที่เป็นที่นิยม สามารถใช้หาสินค้าที่ของต่างๆ ได้หลายหลาย ซึ่งก็จะมีราคาต่างๆ แจ้งด้วย แต่ไม่สามารถค้นหาภาพบุคคลได้นะครับ
ฟีเจอร์สรุปและแปลภาษาหน้าเว็บ
สำหรับฟีเจอร์สรุปเนื้อหน้าและแปลภาษาหน้าเว็บ จะใช้ได้เฉพาะแอปเบราว์เซอร์ของ Samsung Internet ได้เท่านั้นครับ วิธีใช้เรากดไปที่รูปดาว Logo AI ที่ด้านล่าง ก็จะมีให้เลือกระกว่างสรุปหรือแปลภาษา ทำให้เราสามารถ อ่านคอนเทนต์ต่างประเทศได้ การแปลอาจไม่ได้ถูกต้อง 100% ครับ แต่ก็สามารถทำให้อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ส่วนฟีเจอร์สรุปเนื้อหา รู้สึกว่าสรุปออกมาสั้นไปหน่อย บางครั้งอาจทำให้รายละเอียดบางอย่างหายไป แต่โดยรวมทำได้ดีครับ
ฟีเจอร์ AI ในแชท
ฟีเจอร์นี้ใช้งานได้สนุกดีครับ ทำงานได้อย่างเลยครับ ทำให้เราสามารถพิมเป็นภาษาไทยแล้ว AI จะพิม Auto เป็นภาษาต่างประเทศให้ โดยมีแปลเป็นภาษาไทยข้างล่างเหมือนเป็นซับไตเติลให้ด้วย นอกจะแปลได้แล้วยังช่วยตรวจการสะกดและไวยากรณ์ของประโยค รวมถึงมีสไตล์การเขียนให้เลือกด้วยครับว่าอยากได้แบบทางการ, ไม่ทางการ, สไตล์โซเชียล และอื่นๆ จากได้ลองใช้ก็สามารถแปลได้ยังไม่ 100% อาจด้วยความต่างของภาษาครับ แต่ก็พอที่จะใช้สื่อสารได้ หากอนาคตมี Data ให้ AI มากขึ้น เจ้า Galaxy AI อาจเก่งขึ้นกว่านี้ครับ
ด้านกล้อง
ด้านกล้องของ Samsung Galaxy S24+ มีมา 3 กล้องครับ โดยกล้องหลัก 50MP f/1.8, 1/1.56" Dual Pixel PDAF, OIS + Ultrawide 12MP f/2.2, 1/2.55" + Telephoto (3x) 10MP f/2.4, 1/3.94",OIS สำหรับกล้องชุดนี้ก็เหมือนกับรุ่น Galaxy S23+ ครับไม่ได้มีเปลี่ยนแปลงอะไร เพียงจะใช้ AI เข้ามาช่วยเรื่องปารปรับภาพให้คมชัดขึ้น การที่มีกล้องหลัง 3 ระยะ ทำให้เราสามารถถ่ายภาพระยะต่างๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะภาพมุมกว้างสำหรับถ่ายวิว, ภาพหมู่หลายคน, แนวสตรีท, สไตล์ Portrait หรือซูมเจาะเข้าไปยังจุดต่างๆ ก็สามารถทำได้ครอบคลุม แต่อาจไม่ได้ซูมได้ชัดและไกลเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy S24 Ultra ที่ซูมได้ 100x นะครับ รุ่นนี้จะซูมได้เพียง 30x เท่านั้นครับในโหมดปกติ
ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 12MP, f/2.2 แม้ว่าตัวเลขพิกเซลจะดูน้อย พอใช้จริงถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดครับ แต่มุมภาพของกล้องหน้ารู้สึกว่าแคบไปเล็กน้อยครับ
สำหรับโทนภาพถ่ายของ Samsung Galaxy S24+ จะปรับให้เป็นโทนธรรมชาติมากขึ้นกว่ารุ่น Galxy S22, S23 Series จากเมื่อก่อนที่ถ่ายมาภาพและสกินโทนจะสด จากที่ได้ลองใช้งาน Samsung Galaxy S24+ ถ่ายออกมาจะออกไปทางสกินโทนขาวมากขึ้นรวมถึง White Balance โดยรวมของภาพด้วยครับ (หากใครที่ชอบสกินโทนสีสด ก็อาจต้องมาปรับเพิ่มเล็กน้อยทีหลังได้ครับ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S24+
===== ระยะ Ultrawide =====
===== ระยะ 1x =====
===== ระยะ 3x =====
===== โหมด Portrait ระยะ 3x =====
===== ระยะ 10x =====
สำหรับระยะ 10x หากดูแบบเต็มภาพไม่ได้ซูมก็จะดูชัดเพราะมี AI ช่วยปรับความคมและลบ Noise ให้ แต่ในส่วนที่เป็น ส่วนสว่าง Highlight จะดูฟุ้งๆ และถ้าซูมดูจะเห็นว่าวัตถุในภาพจะดูแบนๆ ครับ ซึ่งก็เข้าใจได้ครับ เพราะรุ่นนี้ไม่มี Telephoto Periscope เหมือนรุ่นพี่ S24 Ultra
===== กล้องหน้า =====
ระยะกว้างแบบถ่ายภาพหมู่ โดยรวมทั้งหล้องหน้าและกล้องหลังสามารถถ่ายสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ ด้านการถ่ายวิดีโอก็สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูง 8K@30fps / 4K@60fps (120fps ในโหมด Slow Motion) / 1080p@60fps (240fps ในโหมด Slow Motion) ส่วนกล้องหน้าจะถ่ายได้ที่ 4K@60fps / 1080p@60fps สามารถใช้ถ่ายทำคอนเทนต์ได้ดีมากเลยครับ
ด้านแบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S24+ มีความจุแบตเตอรี่ที่อัปเกรดขึ้นมาจาก 4700 mAh มาเป็น 4900mAh รองรับชาร์จไว 45W, 15W Wireless, 4.5 reverse wireless โดยรวมจากการใช้งานก็สามารถใช้งานได้ครบวันเช้า - ค่ำ 12 ชม. กว่าๆ ครับ ไม่ถึงกับ 24 ชม. ครับ
โดยเริ่มจากตอนเช้าออกจากบ้านประมาณ 8 โมงเช้า ใช้ 5G, เปิดบลูทูธ เชื่อมหูฟังฟังเพลง, เล่นโซเชียลต่างๆ พอถึงเวลาประมาณ 11.30 น. แบตเตอรี่ก็จะเหลือประมาณ 70-80 % ครับ ช่วงบ่ายมีการใช้ถ่ายภาพนิ่ง + วิดีโอบ้าง รวมถึงตอนเย็นกลับบ้าน เปิดบลูทูธ เชื่อมหูฟังฟังเพลง, เล่นโซเชียลต่างๆ เหมือนเดิม ถึงบ้านประมาณประมาณ 19.00 - 20.00 แบตเตอรี่ก็จะเหลือประมาณ 15-20% ครับ ถือว่าก็อึดพอตัว แต่ก็มีห่วงบ้างหากเราไม่ได้พกแบตสำรองหรือ Power Bank ไปด้วย
ความเร็วการชาร์จไว 45W อาจน้อยกว่าสมาร์ตโฟนเรือธงแบรนด์อื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะอยู่กันที่ 67-120W หรือมากกว่านี้กันแล้ว แต่ถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก ชาร์จไว 45W เพียงพอครับ โดยชาร์จจาก 0% - 60% ในเวลาประมาณ 30 นาทีครับ เพราะการใช้งานจริงเราคงไม่ได้ปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือ 0% กันบ่อยๆ แต่ถ้ารุ่นหน้าอัปเกรดไปได้สัก 65W ก็จะดีมากเลยครับ
สรุป
สรุปจากการใช้งาน Samsung Galaxy S24+ รู้สึกชอบนะครับ มีการอัปเกรดจาก Samsung Galaxy S23+ ขึ้นมาดีขึ้นบางอย่าง ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นมากขึ้น โดยอย่างแรกคือหน้าจอที่อัปเกรดขึ้นจาก FHD+ เป็น 2K ดูหนังหรือคอนเทนต์ต่างๆ ได้คมชัดสนุก แล้วใช้พาเนลเป็น LTPO AMOLED ทำให้ Refresh rate หน้าจอมีความยืดหยุ่นตั้งแต่ 1-120Hz ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
มี Galaxy AI ที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานต่างๆ ได้ เช่น การสรุปเนื้อหา, แปลภาษาทั้งแบบข้อความและเสียง, ปรับคำและประโยคให้ถูกต้องขึ้น, สามารถลบและสร้างวัตถุใหม่ในภาพได้ รวมถึงการถ่ายภาพที่มี AI เข้าไปช่วยปรับภาพให้คมชัดขึ้น ทั้งระยะ 1x และซูมหลายๆ เท่าให้ดูคมขึ้นและลด Noise ในภาพ
ด้านชิปใช้งานได้ลื่นไหลตลอด ไม่มีอาการช้า ค้างหน่วง แต่จะมีความรู้สึกร้อนถ้าใช้ถ่ายรูป/วิดีโอที่ Outdoor นานๆ ครับ
หากใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ครบจบทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งเพื่อความบันเทิง, สายคอนเทนต์ถ่ายภาพ/วิดีโอ และเล่นเกมได้ Samsung Galaxy S24+ สามารถทำได้ครบจบในตัวครับ (แต่ถ้าใครเน้นเล่นเกมจริงจังแนะนำให้ไปรุ่น Galaxy S24 Ultra ที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 เลยดีกว่าครับ)
สิ่งที่อยากให้อัปเกรดในรุ่นหน้า
- ชิปที่ใช้ถ่ายรูป/วิดีโอได้ร้อนน้อยลง
- รองรับความเร็วการชาร์จไวมากขึ้นเป็น 65W หรือมากกว่า
- กล้องหน้าถ่ายได้มุมกว้างขึ้น
- ลำโพงเสียงดัง มีมิติมากขึ้น
- ภาพที่ถ่ายซูมแล้ว AI ปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นไม่แบน
ตอนนี้ราคา Samsung Galaxy S24+ ก็มีปรับลงแล้วนะครับ ใครสนใจก็ไปจัดกันได้เลย
ความจุ 12GB+256GB ราคา 36,900 บาท
ความจุ 12GB+512GB ราคา 41,900 บาท