วันไหนพกโน้ตบุ๊กใส่กระเป๋าออกจากบ้านแล้วลืมพกสายชาร์จแบตฯ ไปด้วย หรือบางทีมีอุปกรณ์ครบพร้อม แต่ที่นั่งทำงานดันไม่มีปลั๊กไฟให้เสียบไปซะได้! เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเจอกับปัญหาเหล่านี้มาแล้ว หากไม่อยากให้แบตเตอรี่โน้ตบุ๊กหมดกลางคันในช่วงเวลาสำคัญ วันนี้เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่สำหรับคนใช้ ASUS มาแนะนำกันค่ะ
1. เปิดโหมดใช้งาน Battery Saver
หากใช้งานระบบปฎิบัติการ Windows 11 เพียงเปิดโหมดประหยัดแบตเตอรี่ ฟีเจอร์นี้จะปรับการตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติเพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงคลิกซ้ายที่ไอคอนแบตเตอรี่ทางด้านขวาของทาสก์บาร์ (Taskbar) เลือกไอคอนประหยัดแบตเตอรี่ (Battery Saver) นับเป็นวิธีที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการช่วยประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตามโหมดการทำงานนี้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานบ้างเล็กน้อย แต่หากต้องมีการทำงานระหว่างการเดินทาง การเลือกโหมดประหยัดแบตเตอรี่นี้ก็เป็นวิธีที่เหมาะทีเดียว
2. ตั้งค่า Power Settings
เราสามารถตั้งค่าพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊กเอซุส โดยคลิกขวาที่ไอคอนแบตเตอรี่ (Battery) บนทาสก์บาร์ เลือก Power and Sleep Settings และเริ่มด้วยการปรับการตั้งค่าหน้าจอและโหมดสลีป (Screen and Sleep) เลือกระยะเวลาที่ต้องการให้เครื่องโน้ตบุ๊กรอก่อนที่จะปิดหน้าจอและเข้าสู่โหมดสลีปเมื่อไม่ได้ใช้งาน จากนั้นไปที่โหมดพลังงาน (Power) เลือกฟังก์ชั่น Best Power Efficiency นอกจากนี้ ยังสามารถลองเลือกเมนูประหยัดพลังงานอื่นๆ เพิ่มเติมในเมนู Power and Battery ได้อีกด้วย
3. ปรับค่าแสงสว่างหน้าจอ
การลดค่าแสงสว่างหน้าจอลงจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานขึ้น คลิกที่ไอคอนแบตเตอรี่บนทาสก์บาร์เพื่อปรับค่าแสงสว่างให้เหมาะสม และถ้าโน้ตบุ๊กเอซุสสามารถใช้งานฟังก์ชั่นคีย์ (f4 และ f5) เพื่อปรับค่าความสว่างได้ ก็สามารถใช้งานปุ่มลัดได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยถนอมสายตาจากหน้าจอที่สว่างมากเกินจำเป็นอีกด้วย
4. หันมาใช้โหมด Dark
ยิ่งเราใช้งานหน้าจอสว่างมากเพียงใด ก็ยิ่งเป็นการเปลืองแบตเตอรี่มากขึ้นเท่านั้น การหันมาใช้งานโหมด Dark จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีประหยัดแบตเตอรี่ โดยสามารถปรับตั้งค่าบนระบบปฎิบัติการ Windows 11 เพียงเข้าไปที่เมนู Personalization และเลือกเมนู Dark โดยเรายังสามารถลองสำรวจแอปพลิเคชันที่เราใช้งานบ่อยๆ ดูได้ว่าสามารถตั้งค่าโหมด Dark นี้ด้วยได้หรือไม่
5. ถอดสายอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ไม่ได้ใช้งาน
อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ดึงพลังงานโน้ตบุ๊กของคุณอย่างมากโดยคาดไม่ถึง ดังนั้นควรถอดสายอุปกรณ์ต่อพ่วงเมื่อต้องการประหยัดแบตเตอรี่ โน้ตบุ๊กเอซุสนั้นมาพร้อมคีย์บอร์ดและทัชแพด ASUS ErgoSense ที่ให้เราพิมพ์ได้อย่างสะดวกสบายและเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์ ไม่จำเป็นต้องต่อพ่วงคีย์บอร์ดพกพาเพื่อลดการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ และอย่าลืมถอดสายอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างฮาร์ดไดรฟ์เมื่อใช้งานเสร็จแล้วทุกครั้ง
6. เช็กแอปพลิเคชันที่ใช้งาน
การใช้งานแอปพลิเคชันบางตัวอาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าที่คิด เราสามารถตรวจสอบเพื่อดูว่าแอปพลิเคชันใดสิ้นเปลืองพลังงานมากที่สุด และปิดแอปเหล่านั้นเมื่อไม่ใช้งาน เปิดเมนูพลังงานและแบตเตอรี่ (Power & Battery) ดูรายการการใช้แบตเตอรี่ (Battery Usage) ระบุแอปที่ใช้พลังงานมากที่สุด และคลิกจุดสามจุดถัดจากไอคอนเพื่อจัดการการใช้งานของแอปพลิเคชันนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเบื้องหลังของแอปขณะที่ปิดอยู่, การเข้าถึงตำแหน่ง, การตั้งค่าประสิทธิภาพพลังงาน
7. ปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การท่องโลกออนไลน์ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากทีเดียว การยกเลิกการเชื่อมต่อ หรือเปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) ก็จะช่วยให้เราใช้งานโน้ตบุ๊กได้นานขึ้น
8. ตั้งค่าการแสดงผลและกราฟิก : โหมดขั้นสูง
ยกระดับการประหยัดแบตเตอรี่ไปอีกขั้นด้วยการตั้งค่าการแสดงผลและกราฟิก เพียงไปที่ System เลือก Advanced Display หากโน้ตบุ๊กมีอัตราการรีเฟรชเรทอยู่ที่ 120Hz ให้ปรับลดลงเหลือ 60Hz จะช่วยประหยัดพลังงานในขณะที่ยังคงใช้งานได้ในระดับที่พึงพอใจ และหากเครื่องโน้ตบุ๊กมีการ์ดจอแยก (ซึ่งกินพลังงานมาก) เราสามารถปรับตั้งค่าเลือกการใช้พลังงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยเลือกการใช้งานกราฟิกที่แต่ละแอปพลิเคชันควรใช้ และเรายังสามารถเลือกตั้งค่าให้ Windows 11 เลือกปรับได้ตามเหมาะสม อย่างไรก็ตามโน้ตบุ๊กระบบปฎิบัติการ Windows 11 บางรุ่นเท่านั้นที่สามารถปรับค่าฟีเจอร์นี้ได้
9. จัดการหน่วยประมวลผล (สำหรับผู้ใช้งาน ROG และ TUF Gaming)
เราสามารถควบคุมคอร์ซีพียู เลือกจัดการประสิทธิภาพของโน้ตบุ๊กได้ด้วยตนเอง การปิดใช้งานคอร์ซีพียูบางตัว จะช่วยลดการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ และใช้งานโน้ตบุ๊กได้นานขึ้น โดยผู้ใช้เกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ROG หรือ TUF Gaming สามารถปรับตั้งค่าใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Armoury Crate
10. ตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กจะเสื่อมลงตามระยะเวลา หากลองทุกวิธีการข้างต้นนี้แล้ว แต่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ไม่นานเท่าที่ต้องการ อาจะเป็นสัญญาณของปัญหาแบตเสื่อม เราสามารถตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กได้โดยง่าย เพียงเปิดแอป MyASUS (ใช้ได้กับโน้ตบุ๊กเอซุสทุกรุ่น) คลิกฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support) เลือกไอคอนปัญหาแบตเตอรี่ (Battery Problems) เสียบอะแดปเตอร์จ่ายไฟแล้วคลิกตรวจสอบ (Checkup) หลังจากนั้นแอปจะวิเคราะห์สภาพแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊ก และรายงานผลอย่างละเอียด หากพบปัญหาใด สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเอซุสผ่านทางแอป MyASUS เพื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นขั้นตอนถัดไป นอกจากนี้ เรายังสามารถถนอมอายุแบตเตอรี่ไม่ให้เสื่อมก่อนเวลา เพียงปรับโหมดแบตเตอรี่เป็นโหมด Battery Care ผ่านแอป MyASUS โดยแบตเตอรี่จะทำการชาร์จสูงสุดที่ 80% เพื่อเป็นการยืดอายุแบตเตอรี่นั่นเอง
11. เลือกโน้ตบุ๊กอย่างชาญฉลาด
ประสิทธิภาพโน้ตบุ๊กแต่ละตัวย่อมแตกต่างกัน ถ้าให้ความสำคัญกับเรื่องการพกพา และมองหาโน้ตบุ๊กที่ใช้งานได้ยาวตลอดวัน เอซุสยังมีโน้ตบุ๊กหลากหลายรุ่นที่โดดเด่นด้านความบางเบา ประสิทธิภาพสูงแต่ยังประหยัดพลังงาน และมาพร้อมดีไซน์ระดับพรีเมียม ได้แก่
- ASUS Zenbook S 13 OLED (UM5302LA) โน้ตบุ๊กน้ำหนักเบาเพียง 1 กก. พร้อมความบาง 1.49 ซม. มาพร้อมดีไซน์พรีเมียม และหน้าจอคุณภาพสูงสุด ASUS Lumina OLED ขนาด 13.3 นิ้ว ให้ประสิทธิภาพทำงานระดับสูงด้วยโปรเซสเซอร์ใหม่ AMD Ryzen™ 7000 Series พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 67 Wh พร้อมระบบชาร์จเร็ว ใช้งานได้ตลอดวัน และน้ำหนักที่เบาเพียง 1 กก.
- ASUS ExpertBook B9 OLED (B9403CVA) โน้ตบุ๊กธุรกิจขนาด 14 นิ้ว ที่เบาที่สุดในโลก เพียง 990 กรัม พร้อมการอัปเกรดหน้าจอใหม่ ความละเอียด 3K อัตราส่วน 16:10 OLED Display ให้สีสวยสดใส ออกแบบมาสำหรับโน้ตบุ๊กธุรกิจโดยเฉพาะ เพิ่มความคล่องตัวและความปลอดภัยในการใช้งาน มาพร้อมฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยอย่างการสแกนใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ และชิป TPM 2.0 เป็นต้น รวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro สำหรับองค์กร ช่วยเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้ข้อมูล
ติดตามข้อมูลข่าวสารและผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่
www.facebook.com/ASUSTHAILAND ขอบคุณข้อมูลจาก ASUS ประเทศไทย