เป็นอีกครั้งกับความน่าตื่นเต้นของผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อุปกรณ์เคสชื่อดังอย่าง CASETiFY ที่มารอบนี้ได้จับมือ Co-Lab กับศิลปินเกาหลีชื่อดังอย่าง aespa ที่มีแฟนคลับทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย โดยกลุ่มแฟนคลับจะมีชื่อด้อมว่า MY สำหรับวง aespa เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีคอนเซปต์ที่ไม่เหมือนใคร ชื่อวงมาจากคำว่า Avatar + Experience เพราะวงนี้เป็นวงแรกที่เปิดโลกเสมือน (Metaverse) ของค่าย SM Entertainment ในชื่อ Kwangya เป็นไอเดียที่อลังการมากๆเลยนะครับ ทำให้สาวๆเปิดตัวมาพร้อมตัวละครอวตารของตัวเอง ซึ่งมันน่าสนใจมากๆ เป็นวงที่เปิดตัวในช่วง COVID-19 และโด่งดังอย่างรวดเร็ว โดย aespa เดบิวต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 20 กับซิงเกิ้ล Black Mamba
คาริน่า, จีเซล, หนิงหนิง และ วินเทอร์
aespa ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ได้แก่ คาริน่า (ยู จีมิน), วินเทอร์ (คิม มินจอง), จีเซล (อุชินากะ เอริ) และ หนิงหนิง (หนิง อี้โจว) แต่ละคนล้วนโดดเด่นมากๆครับ และเมนผมแน่นอนว่าต้องเป็นคุณจีเซลเลยครับ แต่จริงๆก็ชอบหมดทุกคนเลยนะ ส่วนตัวผมก็เริ่มมาตามวงไม่นานนะครับ ก่อนนี้ก็ตามห่างๆ เพราะโดยส่วนตัวชอบทางฝั่งญี่ปุ่นมากกว่า แต่จริงๆผมก็ตามหมดละครับ
aespa และตัวละครอวตารของตัวเอง
สำหรับสินค้า
aespa X CASETiFY จะประกอบไปด้วยเคสสำหรับ Apple, Samsung และ Google นอกจากนี้ยังมี สายคล้องมือถือ, เคสสำหรับ AirPods Pro, AirPods Gen 3, Macbook Pro 16 นิ้ว, Macbook Pro 13 นิ้ว, iPad Pro, iPad Air, AirTag, สายนาฬิกาสำหรับ Apple Watch, Magnetic Wireless Charger, Laptop Sleeve, MagSafe Wallet, Grip Stand, Sling Bag ใครสนใจไปเลือกชม และสั่งซื้อกันได้ที่เว็บของ
CASETiFY นะครับ
ในส่วนของเคสของ CASETiFY จะมีให้เลือกหลายแบบครับ ได้แก่ เคสกระจกรองรับ Magsafe, เคสกันกระแทก (เลือกได้ว่าจะรองรับ Magsafe หรือเปล่า), เคสกันกระแทกพิเศษ (เลือกได้ว่าจะรองรับ Magsafe หรือเปล่า), เคสกันกระแทก Bounce รองรับ Magsafe และ เคสใสรองรับ Magsafe (เป็นเคสกันกระแทก) ส่วนตัวผมรอบนี้เลือก เคสกระจกรองรับ Magsafe มาครับ สามารถเลือกสีขอบเคสได้ 2 สี ได้แก่สีดำ และสีเงิน
aespa X CASETiFY จะมาพร้อมกล่องที่ออกแบบเป็นพิเศษ สวยงามมากๆ
ผมเลือกเคสรุ่น aespa Giselle Lyrics Case ก็ตามชื่อเลยครับ จะเป็นเคสที่มาพร้อมลายเซ็นต์ของเมมเบอร์ที่เราชื่นชอบ พร้อมความวิบวับของพื้นผิววัสดุ นอกจากรุ่นนี้แล้วยังมีเคสให้เลือกมากถึง 7 แบบ เลยทีเดียว ส่วนตัวผมอยากได้ Lyrics Case ครบทุกเมมเบอร์มากๆเลยครับ นอกจากเป็นเคสมือถือแล้ว ยังเป็นสินค้าที่ระลึกของศิลปินที่น่าสะสมมากๆเลย สวยงาม น่าเก็บสะสมมากๆครับ และอย่างรุ่น aespa Sticker Case ที่จะมาพร้อมตัวเลือกกันกระแทก 4 แบบ ผมว่าตัวนี้สวยมากๆเลย สำหรับสมาร์ทโฟนที่ผมใช้ส่วนตัวในตอนนี้จะเป็น iPhone 14 Pro Max ครับ
เคสกระจกรองรับ Magsafe ออกแบบมาให้ใส่ได้อย่างพอดี ไม่ดันกระจกกันรอยแน่นอนครับ
aespa Giselle Lyrics Case รุ่นนี้ เป็นเคสที่มีรายละเอียดชิ้นงานสวยงามมากๆ
นอกจากซื้อเคสแล้ว ผมยังสั่ง aespa Sticker MagSafe Wallet มาด้วย จะมีให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีน้ำตาล, สีชมพู, สีน้ำเงินเข้ม และสีครีม ผมอยากสั่งสีน้ำเงินเข้มนะครับ แต่วันที่สั่งสินค้าหมด (ขนาดสั่งวันแรกเลยนะ) ก็เลยเลือกสีดำมาแทน งานเนี๊ยบมากๆเหมือนเดิมครับ ใส่คู่กันแล้วสวยงามมาก
นอกจากสินค้า aespa X CASETiFY ที่ผมเพิ่งสั่งมา ก่อนหน้านี้ก็มีสินค้าชุด ONE PIECE X CASETiFY ที่ผมว่าทำออกมาดีมากๆครับ สวยตั้งแต่กล่องถึงตัวสินค้าเลย โดยที่ผมมีจะเป็นเคสชุด ONE PIECE Motif Case เป็นตัว เคสกันกระแทกรองรับ Magsafe และมี ONE PIECE Motif MagSafe Wallet ใช้คู่กันแล้วสุดเท่เลย ใครที่เป็นแฟน ONE PIECE ไม่ควรพลาดนะครับ
aespa X CASETiFY และ ONE PIECE X CASETiFY
มาถึงตรงนี้หลายๆคน คงสงสัยว่าเคสของ CASETiFY มีให้เลือกตั้งหลายแบบ แบบนี้จะเลือกเคสชนิดไหนดี จากการที่ได้ลองใช้งานมานะครับ เคสกระจกรองรับ Magsafe ใส่แล้วดูสวยงาม แต่ก็ดูทนทานน้อยกว่า ที่ผมชอบก็ตรงมันใส่ง่าย และถอดได้ไม่ยากนัก ส่วนพวกเคสกันกระแทกทั้ง 3 ชนิด รวมไปถึงเคสใส จะมีโครงสร้างที่แข็งแรงมาก ดูทนทาน และตัวเคสดูพรีเมี่ยมกว่าเคสกระจกอย่างชัดเจนเลยครับ แต่ก็มีข้อติติงตรงมันไม่ยืดหยุ่นเวลาใส่ เวลาถอดนะครับ ค่อนข้างใส่ยาก ถอดยาก น่าดูเลยต้องทำใจกล้าๆจริงๆครับ ถ้าชอบเปลี่ยนเคสบ่อยๆ ผมว่า เคสกระจกรองรับ Magsafe จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า
CASETiFY ออกแบบเคส และอุปกรณ์เสริมมาได้สวยงาม น่าใช้มากๆครับ แถมตอบสนองต่อความต้องการของแฟนคลับได้อย่างหลากหลายรสนิยม
สำหรับเคสและอุปกรณ์เสริมต่างๆของ CASETiFY มีความน่าสนใจหลายอย่างนะครับ แน่นอนคือเรื่องของดีไซน์ที่สวยงามดูสากลใครๆก็ใช้ได้ โดยที่ยังคงจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และเรื่องของการรักษ์โลก โดยวัสดุเคสของ CASETiFY สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทั้งสิ้น โดยในรุ่นกันกระแทกจะสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% และในรุ่นเคสกระจกจะนำไปรีไซเคิลได้ 50% ส่วนบรรจุภัณฑ์นั้นสามารถรีไซเคิลได้ 100% เลยครับ
ด้านหลังของเคสกันกระแทกรุ่นรองรับ Magsafe จะเห็นว่างานดีมากนะครับ มีโครงพลาสติกกันกระแทกรอบเคสเลย (ซึ่งนี่ละครับ ทำให้ใส่ยาก ถอดยากจัง5555) และด้านหลังของ MagSafe Wallet
aespa X CASETiFY ในส่วนของเคส (สำหรับรุ่น iPhone 14 Pro Max) จะมีราคาตั้งแต่ 2,290 - 3,099 บาท โดยรุ่นเคสกระจกรองรับ Magsafe ที่ผมซื้อจะมีราคาอยู่ที่ 2,499 บาท และ MagSafe Wallet ราคา 1,299 บาท ส่วนเคส
ONE PIECE X CASETiFY จะมีราคาเท่ากันครับ สำหรับเคสกันกระแทกรองรับ Magsafe ราคา 2,599 บาท ใครสนใจก็ไปสั่งซื้อกันได้ที่เว็บของ
CASETiFY ฟรีค่าจัดส่ง และมีส่วนลด 100 บาท (ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามีแถม Code ลดถึง 23% เมื่อซื้อสินค้า 2 ชิ้นด้วยนะครับ แต่น่าเสียดายที่ใช้กับสินค้าหมวด Co-Lab ไม่ได้ แต่สินค้าหมวดอื่นๆ โดยเฉพาะหมวดศิลปินผมว่าน่าสนใจมากๆ ไม่แพ้กันเลยครับ) หรืออยากไปเลือกด้วยตัวเองได้ของเลย ก็สามารถไปเลือกซื้อได้ที่
CASETiFY Pop Up Store Bangkok เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โซน Atrium
สำหรับสินค้าชุด aespa X CASETiFY ตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าที่ CASETiFY Pop Up Store Bangkok ของเข้าหรือยัง ผมเองสั่งผ่านเว็บครับ สั่ง 22 ธ.ค. 65 มาส่ง 5 ม.ค. 66 ก็ 14 วัน นานเหมือนกันนะ น่าจะเพราะติดปีใหม่ ใครสนใจไปสั่งกันได้นะครับ aespa Sticker MagSafe Wallet สีน้ำเงินเข้มมีของแล้วด้วยครับ ผมแอบเสียดายมากๆเลย เพราะอยากได้สีนี้