HUAWEI WATCH D สมาร์ตวอตซ์ที่เกิดมาสำหรับด้านสุขภาพโดยเฉพาะ ซึ่งมาพร้อมจุดเด่นการวัดความดันโลหิต (Blood Pressure) ได้ในตัว ซึ่งใช้การวัดผ่านถุงลม (Air Bag) ที่ติดตั้งซ้อนมากับสายนาฬิกา (Strap) อีกที จะให้ฟิลลิ่งในการวัดเหมือนเวลาที่เราไปตรวจวัดที่โรงพยาบาลเลยครับ จะรู้สึกบีบตุบๆ ที่ข้อมือ
และนอกจากเรื่องของการวัดความดันแล้ว ในด้านสุขภาพอื่น ๆ ทางหัวเว่ยใส่คุณสมบัติ Health Metric มาให้ครบทุกด้านเหมือนเดิม เช่น ECG Analysis, Sleep Tracking รวมไปถึงโหมดออกกำลังกายต่าง ๆ ที่อยู่บน Huawei Watch Series รุ่นอื่นของหัวเว่ย ก็นำมาใส่ให้ครบเลย
DESIGN : งานออกแบบ
หน้าปัดนาฬิกาของ HUAWEI WATCH D เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ตัวหน้าปัดจะเป็นจอแสดงผล AMOLED ชนาด 1.64 นิ้ว ความละเอียด 456x280 พิกเซล รองรับการแตะสัมผัส ในขณะที่ขอบของตัวเรือนจะมีความหนามากกว่าสมาร์ตวอตซ์ทั่วไปที่เราคุ้นเคยสักหน่อย โดยมีความหนามากถึง 13.6 มิลลิเมตร
บริเวณขอบด้านซ้ายของตัวเรือน มีปุ่มกดสองปุ่ม ประกอบด้วย ปุ่ม Health สำหรับเข้าสู่หน้าโหมดการวัดความดันโลหิต และใช้เป็นแป้นสแกนนิ้วในโหมด ECG ด้วยในตัว อีกปุ่มจะเป็นปุ่ม Home เมื่อกดแล้วจะเข้าหน้าเมนูการใช้งาน
มุมมองด้านขวาตัวเรือน มุมมองด้านซ้ายตัวเรือน ด้านหลังตัวเรือนนาฬิกา จะเป็นตำแหน่งศูนย์รวมของเซ็นเซอร์การตรวจจับและตรวจวัดทั้งหมด และมีแถบแม่เหล็กสำหรับใช้แปะกับที่ชาร์จ Magnatic ที่ให้มาในกล่อง
ตัวสายรัดข้อมือจะแปลกตาสักหน่อย เพราะ HUAWEI WATCH D จะมีสายรัดข้อมือซ้อนกันสองชั้น โดยชั้นนอกสุดจะเป็นสายรัดข้อมือแบบปกติทั่วไป วัสดุเป็น Fluoroelastomer สามารถเลื่อนปรับระดับความยาวได้ด้วยหมุดยึด
ส่วนตัวยึดสายจะเป็นแบบหมุดกดล็อค ในขณะที่สายที่ซ้อนมาข้างในอีกเส้นจะเป็นสายถุงลม (Air Bag) ใช้สำหรับวัดความดันโลหิต โดยจะติดมากับสายรัดฝั่งเดียวเท่านั้น
ตอนปกติ ตอนถุงลมทำงานในโหมด Blood Pressure - - HUAWEI WATCH D พร้อมสายรัดไซส์ L และสายถุงลมไซส์ L
- - สายรัดสำรองไซส์ M
- - สายรัดข้อมือสำรองไซส์ L
- - สายรัดถุงลมสำรองไซส์ L
- - สายรัดถุงลมสำรองไซส์ M
- - Wrist circumference ruler x 1
- - Independent cover สำหรัเชื่อมต่อกับสายรัดถุงลม
- - สาย Guideline สำหรับแนะนำการสวมใส่
- - สายชาร์จแบบแม่เหล็ก
รายละเอียดสเปกของ HUAWEI WATCH D
- ขนาดตัวเรือน : 51 x 38 x 13.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรวม : 40.9 กรัม
- Wrist Size :
- สีดำ
- วัสดุ Fluoroelastomer
- กว้าง 30 มิลลิเมตร
- L Size : ยาว 90 - 133 มิลลิเมตร
- M Size : ยาว 90 - 118 มิลลิเมตร
- หน้าปัด / จอแสดงผล : ขนาด 1.64 มิลลิเมตร พาแนล AMOLED ความละเอียด 456x280 พิกเซล
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Optical heart rate sensor, Ambient light sensor Temperature sensor, Differential pressure sensor, Hall sensor
- รองรับการใช้งานร่วมกับ : Android OS 6.0 ขึ้นไป, iOS 12.0 ขึ้นไป และ HarmonyOS 2 ขึ้นไป
- การชาร์จ : รองรับการชาร์จไร้สาย (Wireless Charge)
- ระดับการกันน้ำ : IP68
- การเชื่อมต่อ : NFC, Bluetooth 5.1, GPS
เริ่มต้นด้วย Health Application
การเริ่มต้นใช้งาน HUAWEI WATCH D จะเหมือนกับสมาร์ตวอซต์รุ่นอื่นของหัวเว่ย จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น "Health" มาไว้บนสมาร์ตโฟนให้เรียบร้อยก่อนนะครับ สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งสมาร์ตโฟน Android OS ผ่าน Google Play Store และ iOS ผ่าน App Store ซึ่งแอปพลิเคชั่นตัวนี้จะเป็นตัวกลางในการทำงาน และใช้มอนิเตอร์ผลการวัดค่าต่าง ๆ จากตัวสมาร์ตวอตซ์ด้วย
อินเทอร์เฟซ (UI) แอปพลิเคชั่น Health
Blood Pressure ไฮไลต์เด็ดของรุ่นนี้
เริ่มกันที่ความสามารถแรกที่เป็นไฮไลต์เด็ดของ HUAWEI WATCH D เลย กับการวัดค่าความดันโลหิต หรือ Blood Pressure ได้ในตัว โดยจะใช้ตัว mini pump ที่ถูกติดตั้งอยู่ในบอดี้ของตัวสมาร์ตวอตซ์ ปั้มลมเข้าสู่ถุงลม Air Bag ที่อยู่ที่สายรัดข้อมือ (Highly-compact) เพื่อวัดค่าความดันโลหิต
และนำมาประมวลผลด้วยอัลกอริธึม Huawei TruBP ของหัวเว่ยเอง จนได้ค่าความดันโลหิตที่สามารถบอกค่าความดันสูงและต่ำ รวมถึงค่า PUL หรือค่าอัตราการเต้นของหัวใจได้ ซึ่งทางหัวเว่ยเคลมว่า ค่าความดันโลหิตที่ได้จากการวัดผ่าน Huawei Watch D จะมีความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ประมาณ + - 3 mmHg ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้
สำหรับขั้นตอนการวัดค่าความดันโลหิตด้วย HUAWEI WATCH D นั้น ผู้ใช้งานจะต้องนั่งนิ่ง จากนั้นให้ยกแขนข้างที่ใส่สมาร์ตวอตช์ขึ้นมาวางบริเวณหน้าอก โดยให้สมาร์ทวอทช์อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ พร้อมกับเอามืออีกข้างประคองข้อศอกที่ใส่สมาร์ทวอทช์ไว้เพื่อรักษาระดับ วางเท้าให้ราบไปกับพื้น นั่งหลังตรง ปล่อยตัวตามสบาย พิงเก้าอี้ และเพื่อให้ผลการวัดออกมาถูกต้องมากที่สุด ขอให้นั่งพัก 5 นาทีก่อนการตรวจวัดความดันโลหิต
ข้อควรรู้เรื่องความดันโลหิต
ความดันโลหิต (Blood Pressure) คืออะไร?
คือ ค่าความดันภายในหลอดเลือดแดง ซึ่งเกิดจากการบีบตัวหรือการเต้นของหัวใจ ในการส่งเลือดออกไปยังหลอดเลือด เพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมีตัวเลข 2 ค่า ที่ใช้บ่งชี้สถานะ คือ
- - ค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic blood pressure) : ค่าความดันขณะที่หัวใจบีบตัว ค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 120 mmHg
- - ค่าความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic blood pressure) : ค่าความดันขณะที่หัวใจคลายตัว ค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 80 mmHg
ECG Analysis วิเคราะห์รูปแบบการเต้นของหัวใจด้วย ECG
HUAWEI WATCH D นอกจากจะมีความสามารถในด้านการวัดค่าความดันโลหิตได้แล้ว "ECG Analysis" หรือ การตรวจวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อใช้ประเมินโรคหัวใจรูปแบบต่าง ๆ ในระดับเบื้องต้นจากจังหวะการเต้นของหัวใจว่า เป็นไปอย่างสม่ำเสมอหรือไม่
ซึ่งวิธีการใช้งาน ECG Analysis สามารถทำได้ด้วยการเรียกเมนู 'ECG Analysis' ขึ้นมา จากนั้นให้แตะนิ้วลงบนปุ่มที่ด้านข้างตัวเรือนค้างไว้ ยกแขนทั้งสองข้างให้อยู่ในแนวระดับอก และนั่งนิ่ง รอจนกว่า WATCH D จะวิเคราะห์เสร็จ โดยกราฟที่ได้จากการวิเคราะห์ด้วย ECG จะบอกให้เราทราบถึงความสัมพันธ์ในการทำงานของหัวใจห้องบนและห้องล่างของเราได้ว่า ปกติ หรือ ผิดปกติ ครับ
Health Metric ที่ครบเครื่อง (SpO₂ | Sleep | Skin Temp)
HUAWEI WATCH D ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของการวิเคราะห์หัวใจอย่างเดียวนะครับ เพราะเป็นสมาร์ตวอตซ์อีกรุ่นของตลาดที่นับว่ามีความครบเครื่องในการมอนิเตอร์ปัจจัยด้านสุขภาพประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นนอกจากคุณสมบัติการวิเคราะห์ด้านหัวใจแล้ว การวัดองค์ประกอบสุขภาพในด้านอื่น ๆ ทางหัวเว่ยก็จับมาใส่ให้ครบไม่แพ้ใครเหมือนกันครับ เช่น
การวัดระดับออกซิเจนในเลือด SpO₂
การวัดระดับออกซิเจนในเลือด เป็นคุณสมบัติที่อาจเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาเลือกซื้อสมาร์ตวอตซ์ของแต่ละคนไปแล้วในตอนนี้ เพราะสามารถนำผลวิเคราะห์ที่ได้ไปประเมินอาการเบื้องต้นของการติดไวรัส Covid-19 ได้ด้วยนั่นเอง
โดยค่าระดับออกซิเจนในเลือดที่ได้จากการตรวจวัดนี้ จะสามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจและปอดของตัวเราได้ว่ามีประสิทธิภาพหรือปกติหรือไม่
ส่วนตัวผมจะใช้โหมดนี้วิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของปอดตัวเอง เพื่อรีเช็คผลตรวจจาก ATK อีกที โดยผมจะวัดระดับออกซิเจนในเลือดด้วยโหมดนี้ทั้งหมด 2 ครั้ง ในครั้งแรกจะตรวจวัดตามปกติและดูค่าที่ได้ พร้อมกับบันทึกไว้ก่อน
หลังจากนั้นให้ลองออกกำลังกายอะไรก็ได้เช่น ปั่นจักรยานอากาศ, วิ่งอยู่กับที่ หรือวิดพื้น ประมาณ 3 นาที และทำการวัดอีกรอบ ถ้าค่าระดับออกซิเจนในเลือดที่ได้อยู่ในระดับ 96-100% ก็จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ
การติดตามรูปแบบและการนอนหลับ
HUAWEI WATCH D มีความสามารถในการติดตามการนอนหลับได้เหมือนกับสมาร์ตวอซต์รุ่นอื่นของหัวเว่ย โดยใช้ซอฟต์แวร์ HUAWEI TruSleep 5.0 ซึ่งสามารถตรวจจับการนอนหลับของเราได้อัตโนมัติ
รวมถึงติดตามรูปแบบการนอนของเราได้ไม่ว่าจะเป็น การหลับลึก, การตื่นขึ้นมาการดึก การหลับแบบฝัน (Light Sleep) เป็นต้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้ดีขึ้น หรือต้องการจัดการเวลาพักผ่อนเป็นอย่างมาก
การวัดอุณหภูมิบนผิวหนัง
Skin Temperature เป็นโหมดที่ใช้วัดอุณหภูมิบนผิวหนัง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบนผิวหนังหลังออกกำลังกาย ซึ่งการที่เราทราบการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบนผิวหนัง จะช่วยทำให้เราลดโอกาสการเกิด Heat Stroke จากการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไป
รวมถึงสามารถนำไปใช้ประเมินการเป็นไข้ได้ด้วยนะครับ เพราะเมื่อเราไม่สบาย และมีไข้ตัวร้อน อุณหภูมิบนผิวหนังของเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
การวางแผนด้านสุขภาพด้วยการแจ้งเตือน
เป็นลูกเล่นใหม่ที่ทางหัวเว่ยอัปเดทเข้ามาใน Health เวอร์ชั่นล่าสุด มีชื่อว่า "Healthy Living" เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้เราเห็นภาพรวมของการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพของตัวเราเองได้ในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ ซึ่งช่วยให้เราสามารถจัดการปัจจัยด้านสุขภาพของตัวเราได้ดีขึ้น
โดย Healthy Living จะรายงาน Health Metric ที่ควรทำใน 1 วัน เช่น การดื่มน้ำให้ครบ, ฝึกการหายใจ, จำนวนก้าวเดิน หรือชั่วโมงการนอน ว่าทำครบแล้วหรือยัง? ยังมีขาดอะไรไปบ้างหรือสิ่งไหนที่ยังทำได้ไม่ดี
การมีศูนย์รวมที่รายงาน Health Metric มาให้แบบก็จะช่วยให้เราเข้าใจไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ดีขึ้นว่า ควรปรับเปลี่ยนอะไร เพื่อสุขภาพที่ดีได้ด้วย ซึ่งตัว Metric เราสามารถเข้าไปปรับแต่งสิ่งที่เราอยากจะโฟกัสได้เพิ่มเติมด้วย ครบเครื่องมาก ๆ
แบตเตอรี่อึดใช้งานติดต่อกันได้นานสูงสุดถึง 7 วัน
ในเรื่องของแบตเตอรี่หรือการใช้งานติดต่อกันโดยที่ไม่ต้องชาร์จ สมาร์ตวอตซ์ของหัวเว่ยไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย เพราะทุกรุ่นที่ผ่านมือผมมา รวมถึง HUAWEI WATCH D ตัวนี้สามารถใช้งานติดต่อกันยาว ๆ ได้นานถึง 5-6 วัน คลาดเคลื่อนจากที่ทางหัวเว่ยเคลมไว้ 1 วัน (หัวเว่ยเคลมไว้ 7 วัน)
ซึ่งรูปแบบการใช้งานของผมก็จะใช้งานเหมือนสมาร์ตวอตซ์ทั่วไป ใช้ดูเวลา เปิด Always on Display มีใช้โหมดออกกำลังกายวันละ 40-60 นาที สัปดาห์ละ 4 วัน มีการตรวจวัดค่าต่าง ๆ และมีการวัดความดันโลหิตวันละ 2-3 ครั้ง จากแบตเตอรี่ 100% ใช้ต่อเนื่องโดยไม่ชาร์จได้นานถึง 5 วัน เช้าวันที่ 6 แบตเตอรี่ก็จะแจ้งเตือน 5% พอดีครับ อึดได้ใจไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ
บทสรุป (Conclusion)
อยู่กันมา 2 สัปดาห์กับ HUAWEI WATCH D สำหรับตัวผมรู้สึกว่า สมาร์ตวอตซ์ตัวนี้มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนว่า เขาเป็นสมาร์ตวอตซ์ด้านสุขภาพโดยเฉพาะ ซึ่งเด่นชัดกว่า
HUAWEI WATCH FIT 2 และ
HUAWEI WATCH GT 3 PRO ที่ผมเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ชัดเจน
ตัว WATCH FIT 2 จะถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ใส่ออกกำลังกายได้คล่องตัว และยังมีดีไซน์น่ารักทำให้สามารถใส่ไปทำงานได้ ส่วนเจ้า WATCH GT 3 PRO ก็จะยกระดับขึ้นมาอีกขั้น มีความพรีเมี่ยม ช่วยเสริมยกภาพลักษณ์ให้ดูลุคนักธุรกิจมากขึ้น
แต่สำหรับ HUAWEI WATCH D จะมีการออกแบบดีไซน์ที่ดูกลาง ๆ ไม่ได้หวือหวาหรือวัยรุ่นมาก ตัวเรือนหนา และมีน้ำหนัก เมื่อใส่ไปออกกำลังกายในยิมแล้วจะรู้สึกได้เลยว่า ความคล่องตัวในการออกกำลังกายจะมีน้อยกว่าใส่ HUAWEI WATCH FIT 2
ดังนั้นผมคิดว่า HUAWEI WATCH D น่าจะถูกวางให้เป็นสมาร์ตวอตซ์ที่เน้นในด้านการติดตามหรือมอนิเตอร์ปัจจัยด้านสุขภาพโดยเฉพาะ ไม่ได้เน้นเรื่องราวของงานออกแบบเหมือน WATCH FIT 2 และ WATCH GT 3 PRO
ถ้าซื้อแล้วจะใส่ไปออกกำลังกายในยิมได้ไหม? ก็ตอบได้เลยว่า "ได้ครับ" เพราะ WATCH D เองก็มีคุณสมบัติโหมดออกกำลังกายต่าง ๆ มาให้ครบไม่ต่างจากสมาร์ตวอตซ์รุ่นอื่นของหัวเว่ยเลย เพียงแต่อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับว่า ถ้าคุณไม่ได้ใส่ใจเรื่อง Design ที่ต้องดูหรูหรา หรือแฟชั่น เจ้า HUAWEI WATCH D รุ่นนี้ก็จะเป็นสมาร์ตวอตซ์ที่ครบเครื่องในเรื่องของ Health Metric มากที่สุดอีกรุ่นของตลาดในเวลานี้
การวางจำหน่ายและโปรโมชั่น (Price & Promotion)
HUAWEI ประเทศไทย วางจำหน่าย HUAWEI WATCH D ในราคา 14,990 บาท พิเศษ! รับทันที เครื่องชั่งน้ำหนัก HUAWEI Scale 3 มูลค่า 799 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าในช่วงพรีออเดอร์ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน - 7 กรกฎาคม 2565
ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI