รีวิว HUAWEI WATCH FIT 2 สมาร์ตวอตซ์จอใหญ่ คมชัด ฟีเจอร์ด้านสุขภาพแน่น แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 10 วัน!

HUAWEI WATCH FIT 2 สมาร์ตวอตซ์เจเนอเรชั่นที่สองแต่เป็นรุ่นที่ 3 ของ "Fit Series" จาก Huawei ประเทศไทย ซึ่งการมารอบนี้เป็นการปรับรายละเอียดเพิ่มเติมจากรุ่นแรกให้ลงตัวยิ่งขึ้น พร้อมกับเสริมความสามารถในด้านการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ และการตรวจวัดและระบบการติดตามสุขภาพเข้ามา

จนทำให้ Watch Fit 2 กลายเป็นสมาร์ตวอตซ์ที่เหมาะสำหรับสวมใส่ออกกำลังกาย หรือเอาไว้ใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือด้าน Track Fitness เป็นอย่างมากครับ ถึงแม้ราคาจะขยับขึ้นจากรุ่นแรกมา แต่สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าลองไปรู้จักกับ HUAWEI WATCH FIT 2 ผ่านบทความรีวิวนี้ไปพร้อมกันครับ

HUAWEI WATCH FIT 2 ยังคงถูกออกแบบมาให้เป็นการผสมผสานระหว่าง "Smart Watch" และ "Band" โดยตัวเรือนใช้วัสดุโพลีเมอร์ขึ้นรูปบอดี้เป็นทรงสี่เหลี่ยม มีขนาดหน้าปัด 1.74 นิ้ว มีพื้นที่หน้าจอให้ใช้งาน 72.2% ใช้พาแนลของจอแสดงผลเป็น AMOLED มีความละเอียดในการแสดงผลที่ 336x480 พิกเซล (336PPI) รองรับการแตะสัมผัสและ Always on Display

ด้านข้างขวาของตัวเรือนมีปุ่มกดสำหรับเข้าสู่หน้ารวมแอปพลิเคชั่น หรือกดเพื่อกลับสู่หน้าโฮมเวลาอยู่ในโหมดการใช้งาน

ด้านหลังของตัวเรือนเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ Optical, เซ็นเซอร์ IMU แบบ 9 แกน (เซ็นเซอร์มาตรความเร่ง, เซ็นเซอร์ไจโรสโคป, เซ็นเซอร์แม่เหล็ก) และ Smart Pin สำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จ 

สายรัดข้อมือของ HUAWEI WATCH FIT 2 ตัวสายรัดเริ่มต้นที่ให้มาในกล่องจะเป็นสายซิลิโคนแบบปรับระดับได้ และตัวสลักสำหรับยึดสายเข้ากลับตัวเรือน ทางหัวเว่ยออกแบบใหม่ ให้สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย โดยเรียกตัวสลักใหม่ชื่อว่า "Link" สามารถกดตัวปลดล็อคที่อยู่ด้านหลังตัวเรือน แล้วดึงสายออกแบบตรงได้ทันที สะดวกกว่าของรุ่นก่อนเยอะเลย

ถึงแม้ HUAWEI WATCH FIT 2 จะทำงานด้วย HarmonyOS แต่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น "Health" เพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟน Android OS หรือ iOS ได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ถ้าหากใช้งานร่วมกับ iOS ฟีเจอร์บางอย่างจะไม่สามารถใช้งานได้ เช่น การควบคุมการเล่นเพลงจากตัวนาฬิกา, การใช้งานตัวนาฬิกาเป็นชัตเตอร์กล้องถ่ายรูป เป็นต้น ส่วนตัวแอปพลิเคชั่นสามารถดาวน์โหลดจาก Google Play Store และ App Store ได้เลย

ซึ่งแอปพลิเคชั่น Health จะเปรียบเสมือน Command Center สำหรับติดตามดูผลด้านสุขภาพของเรา ที่ HUAWEI WATCH FIT 2 ตรวจวัดได้ รวมไปถึงการตั้งค่าตัวนาฬิกาและการเชื่อมต่อการแจ้งเตือนต่าง ๆ จากสมาร์ตโฟน

HUAWEI WATCH FIT 2 มีขนาดหน้าปัดหรือหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อน มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 1.79 นิ้ว ตัวพาแนลหน้าจอเป็น AMOLED Display รองรับการแตะสัมผัส และสามารถใช้งานโหมด Always on Display (AOD) ได้ แต่ไม่มีลูกเล่น Wake up ที่พลิกข้อมือแล้วหน้าจอจะตื่นจากโหมด Sleep ให้อัตโนมัติ เราต้องแตะปลุกหน้าจอเองนะ 

สามารถเปลี่ยนหน้า Watch Face ได้ด้วยการแตะค้างหรือเลือกเปลี่ยนจากแอปพลิเคชั่น Health ได้เลย ซึ่ง ณ ตอนที่นำมาทดสอบ Watch Face ที่ให้มาพร้อมตัวเรือนจะมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 12 รูปแบบ 

อีกหนึ่งลูกเล่นที่หลายคนบ่นอยากให้มีตั้งแต่รุ่นแรกแล้ว กับการกดรับสายโทรเข้าบนสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อได้ในตัว ซึ่งรอบนี้ทางหัวเว่ยได้นำคุณสมบัติการโทรผ่านบลูทูธมาติดตั้งให้บน HUAWEI WATCH FIT 2 ให้เรียบร้อย โดยเราสามารถเลือกรับสายที่โทรเข้ามาบนสมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อพร้อมพูดคุยผ่านตัวนาฬิกาได้เลย

จากที่ทดสอบใช้งานทางปลายสายที่ผมทดสอบยืนยันว่าฟังรู้เรื่องไม่จมน้ำ ในขณะที่ฝั่งเราเสียงก็ฟังชัดสามารถพูดคุยบทสนทนาได้เข้าใจครับ ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกเวลากำลังยุ่ง ๆ หรือออกกำลังกายได้ดีเลย แต่แนะนำว่าอย่าลืมตรวจดูสภาพแวดล้อมเราก่อนด้วยนะครับ เพราะเสียงจากลำโพงดังพอให้คนรอบข้างได้ยินบทสนทนาอยู่เหมือนกัน

HUAWEI WATCH FIT 2 ยังคงเป็นสมาร์ตวอตซ์สายสุขภาพเหมือนเช่นเดิม โดยมาพร้อมโหมดการออกกำลังกาย 96 โหมด และภาพอนิเมชั่นในการนำ Warm up หรือ Relax กล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายที่เป็นไฮไลต์เหมือนรุ่นก่อนทุกประการ เพียงแต่ครั้งนี้ทางหัวเว่ยมีการตีบวกเพิ่มเข้าใหม่อีก 1 โหมด คือ โหมดกีฬาดำน้ำ (Scuba Driving) ที่สามารถตั้งเวลาในการดำน้ำไปพร้อมกับตรวจวัดระดับความลึกที่ดำลงไปและตั้งการแจ้งเตือนได้เมื่อถึงจุดความลึกที่เรากำหนดไว้ได้ 

และนอกจากการเพิ่มโหมดออกกำลังกายเข้ามาใหม่ 1 โหมดแล้ว ในด้านของการติดตามสุขภาพทางหัวเว่ยได้อัปเกรดแพลตฟอร์ม Huawei TruSeen 5.0 + เข้ามาบน Watch Fit 2 ด้วย โดยเป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ใช้อยู่บน HUAWEI WATCH GT 3 โดยจะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัด Photodiode จำนวน 8 ตัว

จัดเรียงแบบวงกลมจะแตกต่างจากของเดิมที่มีจำนวน 4 ตัว และจัดเรียงแบบไดมอนด์ รวมทั้งยังปรับปรุงในเรื่องของการลดสัญญาณรบกวนขณะตรวจวัด ทำให้ผลการวัดค่า Heart rate หรือ SpO2 ตลอดจนคุณสมบัติอื่น ๆ ออกมาแม่นยำมีความคลาดเคลื่อนต่ำ

- ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate)

- ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ได้แบบเรียลไทม์

- บันทึกเส้นทางการเดิน, การวิ่งด้วย GPS

- แสดง Heart Rate Zone ขณะออกกำลังกายในแต่ละโหมด

- ติดตามการนอนหลับ

- แจ้งเตือนเมื่อระดับความเครียดสูง

- ติดตามรอบประจำเดือน

"ระยะเวลาการใช้งาน" ที่ยาวที่สุดบนสมาร์ตวอตซ์จากแบรนด์มือถือก็ยังคงต้องยกให้ Huawei เหมือนเดิม เพราะจากที่ผมลองทิ้งสายชาร์จไว้ที่ทำงาน และนำตัวเรือนไปใช้งานตามไลฟ์สไตล์ตัวเองตามปกติก็พบว่า สามารถใช้งานได้นานถึง 7 วัน ตามที่หัวเว่ยเคลมไว้เลย!! เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ๆ เลยล่ะ เพราะสมาร์ตวอตซ์ส่วนตัวอีกสองแบรนด์ใช้งาน 2 วันแบตเตอรี่ก็ดับสนิทแล้ว

โดยไลฟ์สไตล์ของผม ที่ลองใช้งาน 7 วันก็จะเป็นไลฟ์สไตล์ปกติที่ใช้กับสมาร์ตวอตซ์ส่วนตัวเลย มีใช้โหมดออกกำลังกาย Indoor Run กับ Indoor Walk วันละ 40 นาที ใช้งาน 4 วันต่อสัปดาห์ มีเปิดวัด Heart rate และ SpO2 ไว้แบบเรียลไทม์, เปิดติดตามการนอน และเปิดซิงค์ข้อมูลทั้งการแจ้งเตือน, สายเรียกเข้าจากสมาร์ตโฟน นอกนั้นก็ใช้ดูเวลาเท่านั้น ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้แบตเตอรี่ของ HUAWEI WATCH FIT 2 บอกชิล ๆ เลย

HUAWEI WATCH FIT 2 ส่วนตัวหลังจากที่ได้ทดลองใช้งานจริงมา 1 สัปดาห์ สิ่งที่รู้สึกประทับใจที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของการจัดการพลังงาน ที่ทางหัวเว่ยทำได้ดีมากจริง ส่วนเรื่องถัดมาก็คงจะเป็นเรื่องของลูกเล่นในด้านออกกำลังกายและระบบการติดตามสุขภาพ ที่ใส่มาให้ครบเครื่อง และครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะโหมดออกกำลังกายแต่ละโหมดมีข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการออกกำลังกายประเภทนั้น ๆ ใส่มาให้ครบมาก หรือจะเรียกว่าซื้อมาใส่ แล้วใช้ เป็นอันจบ! ไม่ต้องหาอะไรเพิ่มอีกแล้วก็ได้ครับ

แต่ก็ยังมีข้อติอยู่หน่อยตรงสายชาร์จแบบ Smart Pin ที่พอใช้งานจริงแล้วกลับไม่สะดวกเอาเสียเลย เพราะตัว Pin เวลาแตะเพื่อชาร์จ พอเราขยับสายนิดเดียวตัว Pin ก็หลุดออกจากตัวเรือนนาฬิกาแล้ว หลุดง่ายมาก ส่วนอีกจุดก็น่าจะเป็นวัสดุตัวเรือนที่เป็นโพลิเมอร์ ซึ่งเกิดรอยขนแมวง่ายใส่สักอาทิตย์ก็มาเพียบ

ส่วนคำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยว่า ตกลงแล้ว HUAWEI WATCH FIT 2 เหมาะกับใคร? ส่วนตัวแนะนำว่า สมาร์ตวอตซ์รุ่นนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาสมาร์ตวอตซ์เอามาใส่ใช้งานเริ่มต้น และต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถใส่ได้ออกกำลังกาย ติดตามข้อมูลสุขภาพพื้นฐาน และใส่ไปทำงานหรือร่วมงานสังสรรค์ได้ โดยที่ไม่โฟกัสเรื่องของวัสดุตัวเรือน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะได้จาก HUAWEI WATCH FIT 2 ครับ!

Huawei ประเทศไทย วางจำหน่าย HUAWEI WATCH FIT 2 ในราคา 4,990 บาท มีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีชมพู Sakura Pink แบบในรีวิวนี้, สีดำ Midnight Black และสีฟ้า Isle Blue โดยถ้าสั่งซื้อในช่วงนี้จะได้รับของแถมเป็นเครื่องชั่งน้ำหนัก Huawei Scale 3 มูลค่า 799 บาท ฟรี! สามารถนำไปใช้งานร่วมกับ HUAWEI WATCH FIT 2 ได้เลย