รีวิว vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ที่สุดของเรือธง สมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด Snapdragon 8 Gen 1 พร้อมกล้อง ZEISS T Coating + vivo Pro Imaging Chip V1+ ลำโพงคู่ และชาร์จไว 80W
7 มิ.ย. 65
9,531
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G สมาร์ตโฟนระดับสูงรุ่นใหม่ล่าสุดของ วีโว่ พัฒนากล้องร่วมกับ ZEISS ผู้ผลิตเลนส์คุณภาพสูงระดับโลกจากเยอรมัน (vivo X ZEISS Co-Engineered Imaging System) มาพร้อมสโลแกน “Cinematics Redefined”
ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ นอกจากที่จะจัดเต็มในเรื่องการถ่ายภาพแล้ว ยังจัดเต็มในเรื่องของการบันทึกวิดีโออีกด้วย โดยจะมาพร้อม vivo Pro Imaging Chip V1+ ชิป ISP ที่พัฒนาโดย vivo เอง ซึ่งรอบนี้มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นกว่าชิป V1 ในรุ่นก่อน (vivo X70 Series) ช่วยในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอในที่แสงน้อยให้ดียิ่งขึ้น และจุดขายที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ก็คือ ZEISS Cinematic Video ทำให้คลิปวิดีโอที่ออกมาดูมีมิติอย่างเป็นธรรมชาติสร้างโบเก้ได้อย่างชาญฉลาด ใครที่ชอบบันทึกวิดีโอ จะต้องประทับใจกันอย่างแน่นอนเลยครับ
และที่ผมชอบมากในรุ่นนี้ก็คือ เรื่องของดีไซน์ที่สัมผัสครั้งแรกผมร้องว้าว เพราะ วีโว่ ออกแบบ vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ได้สวยงามมากๆ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เห็นปุ๊บคุณจะรู้ปั๊บเลยว่านี่คือ vivo อย่างแน่นอน วัสดุพรีเมี่ยมกระจกและโลหะอลูมิเนียม รองรับ 5G SA/NSA, หน้าจอ LTPO3 AMOLED รองรับรีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500 nits,
ด้านชิปเซ็ต มาพร้อมตัวท็อปทั้งคู่ vivo X80 Pro 5G จะมาพร้อม Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (4 nm) และ vivo X80 5G มาพร้อม MediaTek Dimensity 9000 (4 nm) รองรับชาร์จไว 80W และชาร์จไร้สาย 50W รวมทั้งรองรับ Reverse Charging (ชาร์จย้อนกลับ)
ในส่วนของกล้องเป็นจุดขายสำคัญของ vivo X Series มาโดยตลอด ในรุ่นท็อปมาพร้อมกล้องหน้า 32MP และกล้องหลัง 4 เลนส์ ZEISS T Coating + vivo Pro Imaging Chip V1+ ความละเอียด 50MP + 8MP (Periscope Telephoto) + 12MP (Telephoto) + 48MP (Ultrawide) รองรับระบบกันสั่น Gimbal OIS และกล้องหน้าบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS และกล้องหลังบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 8K 30FPS ในรุ่น vivo X80 Pro 5G และ 4K 60FPS ในรุ่น vivo X80 5G โดยทั้ง 2 รุ่นจะรองรับ ZEISS Cinematic Video ถ่ายวิดีโอออกมาได้สวยจนน้องนางแบบชมว่ายังกะกล้องใหญ่ถ่ายงาน MV เลยนะครับ ซึ่งเป็นจุดขายที่ผมชอบมากๆ จนอยากแนะนำต่อเลยจริงๆ
รายละเอียดเสปคกล้องของ vivo X80 Series 5G
vivo X80 Pro 5G มาพร้อมกล้องหน้า Ultra O Screen ความละเอียด 32 MP F2.5, 26 มม. (Wide) บันทึกวิดีโอความละเอียด 1080P 30FPS และกล้องหลัง 4 เลนส์ ZEISS T Coating + vivo Pro Imaging Chip V1+ ความละเอียด
จากการทดสอบสมาร์ตโฟน 2 รุ่นนี้แบตอึดใช้ได้ครับ แต่ด้วยสเปคที่แรงมากทั้งคู่ ถ้าจะใช้งานอย่างเต็มที่ก็ควรพกที่ชาร์จ หรือ Power Bank นะครับ เพื่อการใช้งานต่อเนื่องที่ราบลื่นตลอดทั้งวัน แต่ถ้าใครที่เล่นมือถือไม่เยอะผมว่าก็อยู่ได้ครบวันสบายๆ
ดีไซน์ที่สวยงาม และโดดเด่นเหนือระดับ
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G มาพร้อมดีไซน์ที่เหมือนๆกันครับ แตกต่างที่รายละเอียด มาพร้อมดีไซน์ชุดกล้องแบบใหม่ชุดกล้องทรงกลม บนแผ่นกระจกขนาดใหญ่ ดูพรีเมี่ยมมากๆ ส่วนผิววัสดุมาพร้อมเทคโนโลยี Fluorite AG ผิวสัมผัสด้าน เนียนละเอียด ไม่เกิดรอยนิ้วมือ หรือคราบสกปรก เปร่งประกายสวยงามเหมือนประกายของหินแร่ หรือผ้ากำมะหยี่ สวยงามมากๆครับ ผมประทับใจงานดีไซน์ปีนี้ของ vivo มากๆนะครับ ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างน่าประทับใจจริงๆ
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G มาพร้อมกล่องขนาดใหญ่ที่ดูหรูหรา ใส่อุปกรณ์มาให้ครบไม่ต้องซื้อเพิ่ม โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีอุปกรณ์มาให้ในกล่องเหมือนๆกันนะครับ ภายในกล่องประกอบด้วย
ตัวเครื่องติด Film มาให้ตั้งแต่แกะกล่อง
อะแดปเตอร์
สาย USB Type-C
หูฟังแบบ In-Ear
จุกยางหูฟัง 3 ขนาด
เคส
เข็มจิ้มซิม
คู่มือ
vivo X80 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอ Ultra O Screen ชนิดจอ LTPO3 AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด QHD+ 1440 x 3200 pixels (517 ppi), Refresh Rate 120Hz, 1B colors, HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1500 nits
ส่วน vivo X80 5G หน้าจอ Ultra O Screen ชนิดจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2400 pixels (388 ppi), Refresh Rate 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500 nits
ส่วนด้านหลังอย่างที่กล่าวใว้ก่อนหน้านี้ ผมว่านี่คือดีไซน์ที่สวยที่สุดเท่าที่ vivo เคยออกแบบชุดกล้องมาเลยครับ มาพร้อมโลโก้ ZEISS T ดูเท่มากๆ
และแน่นอนครับว่าในตอนนี้ vivo คือหนึ่งในผู้พัฒนากล้องบนสมาร์ทโฟนระดับแถวหน้าของโลกไปแล้ว คุณภาพยอดเยี่ยมทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า รวมไปถึงเรื่องของวิดีโอ
สำหรับข้อแตกต่างของ 2 รุ่นนี้ นอกจากเรื่องกล้องที่เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า vivo X80 5G ไม่มีกล้อง Periscope Telephoto ก็คือเฉพาะรุ่นทHอป vivo X80 Pro 5G ที่จะรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ขอบตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะด้าน ด้านบนออกแบบเป็นแผ่นกระจกพร้อมสโลแกน "Professional Photography" มาพร้อมพอร์ท Infrared (ทำให้สามารถใช้งานสมาร์ตโฟนเป็นรีโมท สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆได้ครับ) และไมค์ตัดเสียงรบกวน สำหรับด้านล่างมีช่องใส่ซิม, ไมโครโฟน, พอร์ท USB Type-C และลำโพง (ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมลำโพงคู่ และระบบเสียง Hi-Fi Audio) ด้านขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power ส่วนด้านซ้ายจะเรียบๆ
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ทำงานบน Android 12 ครอบทับด้วย Funtouch 12 บนสเปค Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 (4 nm) และ MediaTek Dimensity 9000 (4 nm) หน้าตา UI สวยงาม ลูกเล่นต่างๆ ที่ใส่เข้ามาอย่างจุใจสมเป็น vivo แฟนๆ ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ลูกเล่นเยอะ ใช้งานง่าย มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้สูง
ระบบอัจฉริยะ Jovi Home ยังคงมีมาให้เช่นเคย สลับใช้งานกับ Google Smart Launcher รองรับ Always-On Display รวมทั้งสามารถปรับแต่ง Effect ต่างๆ ในเครื่องได้อย่างมากมาย, ฟีเจอร์ Clone App สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นที่รองรับ ได้พร้อมกันสองไอดีในเครื่องเดียว, Multi Windows ฟีเจอร์เปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน 2 หน้าจอ และฟีเจอร์เด่นๆ อีกมากมาย
จากการทดสอบใช้งาน vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ผมว่สาความลื่นไหลและรวดเร็วทำได้ดีไม่แพ้กันเลยครับ รวมทั้งคะแนนทดสอบจะเห็นว่าแทบจะเท่ากันเลยด้วย ไม่ว่าจะซื้อรุ่นไหนก็ได้รับประสบการณ์การใช้งานระดับเรือธงอย่างแน่นอน
vivo X80 Pro 5G สี Cosmic Black
vivo X80 5G สี Urban Blue
เกมและความบันเทิง
vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G มาพร้อม ฟีเจอร์ Ultra Game Mode และฟีเจอร์ Multi-Turbo และมีโหมด E-Sport ปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น และช่วยป้องกันสิ่งรบกวนต่างๆ เวลาเล่นเกม แถม 2 รุ่นนี้ยังมาพร้อมลำโพงคู่ และระบบเสียง Hi-Fi Audio ที่เพื่อนๆ หลายคนต่างพากันรอคอย ถามทุกครั้งที่รีวิวเลยนะครับ ว่ารุ่นนี้ลำโพงคู่หรือเปล่า ก็สมใจกันแล้วนะครับ สะใจทั้งการเล่นเกม และรับชมคลิปวิดีโออย่างแน่นอน
ณvivo Brand Shop ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำBaNANA, IT City, CSC, Jaymart, TG FONE, KINGKONG, BKK, Singer, Big C, Maxlink, Power Mall, Stamp และAdvice และผู้ให้บริการเครือข่ายAIS, True, Dtac รวมถึงvivo Official Store บนร้านค้าออนไลน์ชั้นนำทั้งLAZADA, Shopee, JD Central และThisshop
และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสมาร์ตโฟนระดับโลกที่พร้อมจะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้งานทั่วโลก ในปีนี้ vivo ยังคงเป็นผู้ร่วมผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกที่แฟนกีฬาต่างตั้งตารอคอยอย่าง FIFA World Cup เป็นสมัยที่ 2 ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงครั้งล่าสุด FIFA World Cup Qatar 2022 ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้แฟนฟุตบอล ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ และเชื่อมต่อ vivo fans ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง vivo ได้กลายมาเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่เจ้าหน้าที่ของฟีฟ่านำมาใช้งานเป็นสมาร์ตโฟนหลักอย่างเป็นทางการ (Official Smartphone) ตลอดการแข่งขันตั้งแต่ปี 2017
นอกจากนี้ vivo ประเทศไทย ยังเตรียมปล่อยภาพยนตร์สั้นเรื่องแรก "The Final Escape - ทางหนีไฟ" ที่ถ่ายด้วยสมาร์ตโฟน vivo X80 Series 5G ทั้งเรื่อง โดยฝีมือผู้กำกับชื่อดัง กอล์ฟ-ปวีณ ภูริจิตปัญญา และได้นักแสดงชายแถวหน้าของเมืองไทย บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ มาเป็นนักแสดงนำในเรื่องอีกด้วย โดย vivo จะมีการฉายภาพยนตร์สั้นดังกล่าวบนจอของโรงภาพยนตร์ ไอแมกซ์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์เป็นครั้งแรก ในงาน The Final Escape Gala Premiereวันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 นี้ รวมทั้งบนช่องทาง Facebook และ Youtube ของ vivo Thailand ในวันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565นี้