Huawei Watch GT 3 Pro สมาร์ตวอซ์ตที่ทาง Huawei ประเทศไทย วางตำแหน่งทางการตลาดไว้ให้เป็น High-End SmartWatch ของแบรนด์ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านการจัดการสุขภาพ และ Fitness ชั้นนำที่ทางหัวเว่ยพัฒนาขึ้นมา ไปพร้อมกับประสบการณ์การใช้งานในระดับพรีเมียมด้วยการออกแบบตัวเรือนจากวัสดุคุณภาพดี ดังนั้น Watch GT 3 Pro จึงเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ให้กับกลุ่มคนที่สนใจด้านสุขภาพ ชอบการเดินทางเพื่อผจญภัยอะไรใหม่ ๆ และต้องการสมาร์ตวอซ์ตที่ใช้งานได้ยาวนาน
DESIGN : งานออกแบบ
Huawei Watch GT 3 Pro รอบนี้ทาง Huawei จะแบ่งชื่อเรียกออกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น Titanium Edition หน้าปัดขนาด 46 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับผู้ชาย และรุ่น Ceramic Edition หน้าปัดขนาด 43 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับคุณผู้หญิง โดยรุ่นที่ผมได้มาทดสอบในครั้งนี้จะเป็นรุ่น Titanium Edition ครับ
สำหรับรุ่น Titanium Edition จะมาพร้อมตัวเรือนสแตนเลส หน้าจอแสดงผลหรือหน้าปัดนาฬิกามีขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466x466 พิกเซล (326PPI) ตัวพาแนลหน้าจอเป็น AMOLED รองรับการแตะสัมผัส และครอบทับด้วยกระจก Sapphire Glass กันรอยขีดข่วนได้ดี บริเวณขอบหน้าปัดจะมีการทำสัญลักษณ์สำหรับการหน่วยนาทีไว้ให้ด้วย
หน้าอินเทอร์เฟซการใช้งานบน Huawei Watch GT 3 Pro
ด้านข้างขวาของตัวเรือน จะเป็นตำแหน่งของเม็ดมะยมสามารถใช้หมุนเพื่อเลื่อนเมนูขึ้น - ลง หรือกดลงไปเพื่อกลับสู่หน้า Watch Face หรือกดเพื่อเข้าสู่หน้ารวมแอปพลิเคชั่น ขยับลงมาจะเป็นปุ่มกด ซึ่งตัวปุ่มนี้เราสามารถเลือกตั้งค่าได้ว่าจะให้เป็นโหมดอะไร โดยตัวปุ่มรองรับการแตะสัมผัสเพื่อวัดค่าคลื่นหัวใจ (ECG, SpO2) ได้ในตัว
ด้านหลังตัวเรือน จะเป็นตำแหน่งของโมดูลเซ็นเซอร์ทั้งหมดของรุ่นนี้ และครอบทับด้วยกระจก Sapphire เพื่อความทนทานต่อการใช้งาน ส่วนตัวเซ็นเซอร์มีทั้งหมด 8 ตัว แบ่งเป็น 4 LEDs และ 4 Photodiode ที่เป็นเซ็นเซอร์หลักในการวัดค่า โดยทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ตัวใหม่ HUAWEI TruSeen 5.0 + ในการรายงานผลด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย
ตัวสายรัดข้อมือเป็นวัสดุหนังสีเทามีความกว้าง 22 มิลลิเมตร และยาว 140-210 มิลลิเมตร ตามการปรับระดับใช้งาน ซึ่งตัวสายสามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยการโยกสลักล็อคที่ขั้วสายฝั่งที่ยึดกับตัวเรือนนาฬิกาด้านหลัง สำหรับใครที่ใส่ออกกำลังกายแนะนำให้เปลี่ยนเป็นสายซิลิโคนจะเหมาะสมกว่าครับ
รายละเอียดสเปกตัวเรือนของ Huawei Watch GT 3 Pro (Titanium Edition)
- มิติตัวเรือนนาฬิกา : กว้าง 46.6 x สูง 46.6 x หนา 10.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเรือนนาฬิกา : 54 กรัม
- ขนาดสายรัดข้อมือ : กว้าง 22 มิลลิเมตร (สายหนัง) ยาว 140-210 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือนนาฬิกา : ไทเทเนียม + ฝาหลังเซรามิก + กระจกหน้าปัดและกระจกครอบเซ็นเซอร์เป็น Sapphire Glass
- หน้าจอแสดงผล : AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466x466 พิกเซล (326 PPI)
- ปุ่มกด : 2 ตำแหน่ง (เม็ดมะยมและปุ่มกดทั่วไป)
- หน่วยความจำในตัว : RAM 4GB | ROM 32GB
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2 (BLE/BR/EDR), WiFi 2.4GHz, NFC
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Magnetometer sensor, Optical heart rate sensor, Barometer sensor, Temperature sensor
- มีลำโพงเสียงและไมค์สนทนาในตัว
- GPS : การระบุตำแหน่งแบบ Dual-band five- constellation (GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS)
- ระบบปฏิบัติการ : HarmonyOS
- รองรับการใช้งานร่วมกับ : Android OS 6.0 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป
- โหมดออกกำลังกาย : 100 โหมด
- มาตรฐานกันน้ำ : 5ATM
- ความจุแบตเตอรี่ 510 mAh (รองรับชาร์จไร้สาย)
HUAWEI TruSeen 5.0+ หัวใจหลักด้านสุขภาพ
HUAWEI TruSeen 5.0+ เป็นซอฟต์แวร์ด้านสุขภาพที่ทางหัวเว่ยพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นหัวใจหลักหรือเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพเลยก็ว่าได้ โดยจำเป็นต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชั่น "Health" บนสมาร์ตโฟนรองรับทั้ง Android และ iOS ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งานตัว Huawei Watch GT 3 Pro เพราะเราจะใช้แอปพลิเคชั่นตัวนี้เป็นสื่อกลางในการรายงานและตั้งค่าครับ ซึ่งบนตัวแอปพลิเคชั่นเราสามารถติดตามรายงานด้านสุขภาพของเราทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่าน Huawei Watch GT 3 Pro ไม่ว่าจะเป็น รายงานการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, รายงานการจังหวะการเต้นของหัวใจผ่าน ECG, ข้อมูลอุณหภูมิผิวหนัง รวมไปถึงเซ็ต Goal ในการออกกำลังกาย ติดตามการนอนหลับ รวมถึงดูตารางรอบออกกำลังกายผ่านปฏิทินได้ด้วย
หน้าตาอินเทอร์เฟซบนแอปพลิเคชั่น Health
โหมดออกกำลังกายที่ครอบคลุม และลงรายละเอียดลึกยิ่งขึ้น
ถ้าจะหาสมาร์ตวอซ์ตที่มีโหมดออกกำลังกายหลากหลาย ครอบคลุมการออกกำลังกายได้เกือบครบทุกชนิด และลงรายละเอียดการออกกำลังกายได้ลึกประมาณหนึ่ง Huawei Watch GT 3 Pro จะเข้าไปอยู่ลิสต์รายชื่อแน่นอนครับ เพราะตัว Watch GT 3 Pro รองรับโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมดเลยทีเดียว และในแต่ละโหมดหลักอย่างเช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ ก็จะมีการลงรายละเอียดลึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย
ยกตัวอย่าง โหมดวิ่งออกกำลังกาย เราสามารถกําหนดแผนการวิ่งให้มีประสิทธิภาพด้วย AI Running Coach ได้ โดยโหมดนี้จะมีไกด์ไลน์หรือแนวทางการวิ่งออกกำลังกายให้ตรงตามเป้าหมาย รวมถึงตัวเราเองสามารถวางแผนฝึกซ้อมแบบรายสัปดาห์ ที่สามารถเก็บสถิติ การวิเคราะห์ เพื่อนำไปปรับแผนการฝึกซ้อมให้อัตโนมัติในสัปดาห์ต่อไป ซึ่งเราสามารถนำข้อมูล Running Ability Index (RAI) หรือค่า VO2 max ประกอบการวางแผนฝึกซ้อม เพื่อให้เหมาะกับร่างกายเราได้ด้วย ชอบตรงนี้ล่ะครับ!
หรือถ้าใครชอบดำน้ำแบบ Free Driving เจ้า Huawei Watch GT 3 Pro ก็รอบรับการดำน้ำลึกถึง 30 เมตรทั้งในน้ำทะเล 1 และน้ำจืด โดยสามารถคำนวนระยะเวลาที่ควรขึ้นสู่ผิวน้ำ, ติดตามและจัดเก็บข้อมูลทั้งจำนวนครั้งการลงดำน้ำ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ, ระยะเวลาที่พักบนผิวน้ำ รวมทั้งบอกระดับความลึกแบบเรียลไทม์ ความเร็วในการดำน้ำ และสถิติความลึกสูงสุดที่ดำน้ำได้ เรียกว่าครอบคลุมทุกค่าที่ควรมีในการดำน้ำเลยทีเดียว
วัดค่าได้หลากหลาย! ทั้ง ECG, SpO2 หรือจะเป็นอุณหภูมิผิวหนังก็ได้
นอกจากโหมดการออกกำลังกายที่รองรับรูปแบบมากถึง 100 โหมดแล้ว ในส่วนของการวัดค่าที่เกี่ยวกับสุขภาพด้านอื่น อย่างเช่น การวัดค่า ECG ที่ใช้ประเมินการเต้นของหัวใจว่าผิดจังหวะหรือไม่, SpO2 วัดระดับออกซิเจนในเลือด ที่สามารถประเมินอาการหรือโอกาสการติดเชื้อไวรัส Covid-19 ในระดับเบื้องต้นได้
รวมไปถึงของเล่นใหม่ "Skin Temperature" หรืออุณหภูมิผิวหนัง เพื่อวิเคราะห์การเสียน้ำหรือใช้บอกอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของร่างกายในขณะนั้นได้ ซึ่งทั้งหมดที่ว่า Huawei Watch GT 3 Pro รองรับทั้งหมดเลยนะครับ จะมีเพียง ECG ที่ตอนนี้ทางหัวเว่ยบอกว่า ในเวอร์ชั่นวางจำหน่ายจริง น่าจะยังต้องรอการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการไทยอยู่ แต่ถ้าถูก Approve เมื่อไรก็จะรีบปล่อยอัปเดทให้ใช้งานได้ทันทีแน่นอน
แบตเตอรี่ที่อึดขึ้นอีก และดูช่วงเวลาดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ขึ้นและตกได้!
อีกหนึ่งลูกเล่นที่ถูกเพิ่มเข้ามา แต่จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับหน้า Watch Face ที่รองรับด้วย นั้นก็คือการดูช่วงเวลาดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ขึ้นและตกตามช่วงเวลาได้ ถ้าใครชอบถ่ายรูปน่าจะถูกใจฟีเจอร์นี้แน่นอน ส่วนอีกจุดเด่นที่ทำได้มากแล้วในรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มาในรุ่นนี้ทำได้ดีขึ้นอีกนิดก็คือ เรื่องของแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นอีกหน่อยจากรุ่นก่อน โดยทางหัวเว่ยเคลมว่าสามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 วันโดยไม่ต้องชาร์จ
แต่จากที่ผมลองเอาไปทดสอบดู มีการใช้งานโหมดออกกำลังกาย ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ วัดค่าต่าง ๆ ตามปกติในแต่ละวัน ตัวเรือนสามารถใช้งานติดต่อกันได้โดยไม่ชาร์จได้นานสุดที่ผมทำได้คือ 5 วันครับ เข้าสู่วันที่ 6 แบตเตอรี่ก็เหลือ 20% หน่อย ๆ แล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าต้องใช้งานไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ระบบปรับตัวด้วยหรือไม่ แต่จากที่ใช้งานมา 1 สัปดาห์ก็ถือว่าตอบโจทย์มากในเรื่องของแบตเตอรี่ เมื่อเทียบกับสมาร์ตวอซ์ตที่ใช้งานส่วนตัวอยู่อีกสองรุ่น โดยเฉพาะตอนเดินทางไปต่างจังหวัด บางครั้งลืมเอาที่ชาร์จไปด้วย การที่ตัวนาฬิกาสแตนบายได้นาน 5-6 วัน ก็ช่วยเราในเรื่องนี้ได้ดีมากเลย
ตัว Huawei Watch GT 3 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 292mAh รองรับการชาร์จไร้สายและเทคโนโลยีชาร์จเร็ว จาก 0% ถึง 100% ภายในเวลาเพียง 85 นาที และรองรับการชาร์จแบบ Reverse Charging โดยแตะ HUAWEI WATCH GT 3 Pro เข้ากับสมาร์ตโฟนที่รองรับเทคโนโลยีเดียวกัน
การวางจำหน่าย | โปรโมชั่น
Huawei ประเทศไทย วางจำหน่าย Huawei Watch GT 3 Pro ด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น คือ รุ่น Titanium Edition 46 มม. รุ่นนี้ที่อยู่ในบทความนี้ วางจำหน่ายในราคา 11,900 บาท และรุ่น Ceramic Edition 43 มม. วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท ซึ่งทั้งสองรุ่นจะได้รับฟรี! หูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 4i มูลค่า 2,799 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าในช่วงระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2565
ใครที่สนใจสามารถไปจับจองกันได้ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI