สิ้นสุดการรอคอย Thailand Mobile EXPO 2022 กลับมาจัดงานอีกครั้ง! พบกัน 12 - 15 พ.ค. 65 ไบเทคบางนา หลังจากที่หยุดจัดงานมาอย่างยาวนาน สำหรับงานกิจกรรมแบบนี้มันมีเสน่ห์ที่งานแบบ Online ทดแทนไม่ได้ ทั้งการเที่ยวชมบรรยากาศ การได้จับเครื่องจริงก่อนตัดสินใจ โปรโมชั่นสุดร้อนแรง และของแถมที่แทบจะขนกลับบ้านแทบจะไม่ไหว (ซึ่งมีทั้งของที่ใช้งานได้จริงๆ และของที่สมกับเป็นเพียงของแถม แต่ยังไงผู้ซื้ออย่างเราๆก็อยากจะได้ของแถมกันเยอะๆอยู่ดีนะครับ) พบกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ และรุ่นยอดนิยมมากมาย รวมทั้งแท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค และ Gadget ต่างๆมากมายที่รอให้คุณได้ไปสัมผัสก่อนตัดสิินใจ
และแน่นอนครับว่างานนี้จะรวมสมาร์ทโฟนระดับเรือธงสูงสุดเอาใว้ให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ สำหรับคนที่มีงบไม่จำกัด ต้องการสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด หรูหราที่สุด สเปคสุดล้ำกว่าใคร กล้องคุณภาพสูงที่สุดในตอนนี้ มาตรฐานการชาร์จเร็วสุดล้ำ และทุกๆอย่างที่รวมความเป็นสุดในตอนนี้ใว้ในสมาร์ทโฟนที่คุณจะเลือกเป็นเจ้าของ จะมีรุ่นไหนในสตอนนี้ที่น่าสนใจบ้าง เราจะมาแนะนำที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงที่เต็มไปด้วยความโดดเด่นมาฝากเพื่อนๆกันครับ มาดูกันเลย
vivo X70 Pro 5G
vivo X70 Pro 5G ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงสูงสุดของ vivo ที่มีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตอนนี้ครับ มาพร้อมคุณภาพกล้องระดับสูง Co-Engineered ร่วมกับแบรนด์เลนส์ระดับตำนานอย่าง ZEISS โดยในรุ่นนี้จะมาพร้อมเลนส์ ZEISS T Coating นอกจากภาพจะสวยสดใสแล้ว ยังช่วยลดการเกิด Ghosting และ Stray Light ในเวลากลางคืน และในรุ่นนี้ยังมาพร้อมชิปประมวลผลภาพ V1 ISP ที่ทางวีโว่พัฒนาขึ้นมาเองอีกด้วย มาพร้อมกล้องครบทุกช่วง มาพร้อมเลนส์ Periscope Telephoto ช่วยให้สามารถถ่ายภาพซูม Optical ได้สูงสุด 5x และ Digital Zoom ได้สูงสุด 60x แถมยังมาพร้อมโหมดถ่ายภาพบุคคลที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS และลูกเล่นการถ่ายภาพที่อัดแน่นมาอย่างมากมาย สมกับเป็นสมาร์ทโฟนที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถถ่ายภาพได้สวยงามระดับมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ที่ผมประทับใจมากๆ ก็คือระบบกันสั่น Gimbal Stabilization 3.0 คุณภาพดีที่สุดในตอนนี้ รองรับทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ ในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ แบรนด์ที่พัฒนาในเรื่องของการถ่ายภาพอย่างก้าวกระโดดที่สุดหนีไม่พ้นวีโว่จริงๆครับ ถ้าจะบอกว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่มีกล้องดีที่สุดในโลก ก็ไม่เกินเลยจริงๆ
นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สะดุดตากับเทคโนโลยี Fluorite AG ผิวสัมผัสด้านและสากมือช่วยให้กันลื่น และไม่เกิดรอยนิ้วมือ หรือคราบสกปรกเลยครับ และยังเปร่งประกายสวยงามเหมือนประกายของหินแร่ หรือผ้ากำมะหยี่ งดงามมากๆ ในส่วนสเปคก็น่าสนใจมากๆครับ มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 5G ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นพิเศษ รองรับ WiFi 6 และมาตรฐานชาร์จเร็ว vivo FlashCharge 44W
รายละเอียดสเปค vivo X70 Pro 5G
- 5G band 1, 3, 5, 7, 28, 40, 41, 78 SA/NSA
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.2, A2DP, LE, aptX HD
- GPS, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, NavIC
- NFC
- Infrared
- USB Type-C 2.0
- หน้าจอโค้ง Ultra O Screen ชนิดจอ LTPS AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2376 pixels (398 ppi), Refresh Rate 120Hz, HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1,300 nit
- Android 11, Funtouch 12
- MediaTek Dimensity 1200 5G
- CPU Octa-core (1x3.0 GHz Cortex-A78 & 3x2.6 GHz Cortex-A78 & 4x2.0 GHz Cortex-A55)
- GPU Mali-G77 MC9
- RAM 12GB + 4GB (Virtual RAM)
- ROM 256GB (UFS 3.1)
- เซ็นเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum
- กล้องหน้า Ultra O Screen ความละเอียด 32MP F2.5, 26 มม. (wide)
- กล้องหลัง 4 เลนส์ ความละเอียด 50MP F1.8, (wide), PDAF, Laser AF, OIS เซนเซอร์ Sony IMX766V + 8MP F3.4, 125 มม. (periscope telephoto), PDAF, OIS, 5x optical zoom, PDAF + 12MP F2.0, 50 มม. (telephoto), PDAF, 2x optical zoom + 12MP F2.2, 16 มม., 116 องศา (ultrawide)
- มาพร้อมเลนส์ ZEISS T Coating และชิปประมวลผลภาพ V1 ISP
- กล้องหน้าบันทึกวีดีโอความละเอียด 1080P 30FPS
- กล้องหลังบันทึกวีดีโอความละเอียด 4K 30/60FPS, 1080P 30/60FPS, gyro-EIS, HDR10+, Slow Motion 1080P 120/240FPS, รองรับระบบกันสั่น Gimbal Stabilization 3.0, VIS 5-Axis Ultra Stable
- ระบบเสียง Hi-Res audio
- แบตเตอรี่ความจุ 4,500 mAh
- รองรับชาร์จเร็ว vivo FlashCharge 44W
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black, Aurora Dawn
- ราคาเปิดตัว 27,999 บาท อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลาง 21,990 บาท
ไม่อย่างนั้นก็จะมีรุ่นท๊อปอย่าง vivo X70 Pro+ 5G ซึ่งมาพร้อมชิปประมวลผลภาพ V1 ISP ซึ่งทาง vivo พัฒนาขึ้นมาเอง และรองรับมาตรฐานกันน้ำ IP68 หน้าจอ LTPO AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ความละเอียด QHD+ 1440 x 3200 pixels (517 ppi), refresh rate 120hz (สามารถปรับอัตราการรีเฟรชในช่วง 1 Hz ถึง 120Hz), HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1500 nits, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888+ 5G, GPU Adreno 660, RAM 8GB/12GB, ROM 256GB/512GB (UFS 3.1), WiFi 6, Bluetooth 5.2, GPS, NFC, USB Type-C, เซนเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ชาร์จเร็ว 55W และชาร์จไร้สาย 50W, มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 32MP F2.5, 26 มม. (wide) บันทึกวิดีโอ 4K 30FPS, 1080P 30FPS และกล้องหลัง 4 เลนส์ ZEISS T และชิปประมวลผลภาพ V1 ISP ความละเอียด 50MP F1.6, (wide), PDAF, Laser AF, OIS เซนเซอร์ Samsung GN1 + 8MP F3.4, 125 มม. (periscope telephoto), PDAF, OIS, 5x optical zoom, PDAF + 12MP F2.0, 50 มม. (telephoto), PDAF, 2x optical zoom + 48MP F2.2, 14 มม., 114 องศา (ultrawide), gimbal stabilization บันทึกวิดีโอ 8K 30FPS, 4K 30/60FPS, 1080P 30/60FPS, gyro-EIS, HDR10+
ซึ่งรุ่นนี้ทาง vivo ประเทศไทย ไม่ได้นำเข้ามาทำตลาดนะครับ ใครสนใจต้องซื้อเครื่องหิ้วเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลาง 2x,xxx บาท โดยในตอนนี้หาซื้อยากแล้วครับ ไม่ค่อยจะมีขายแล้ว โดยรุ่นต่อยอดในตอนนี้ยังไม่เปิดตัวนะครับ แต่ก็มีข่าวหลุดออกมาอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆนี้ ส่วนจะทันงาน Thailand Mobile EXPO 2022 หรือไม่ต้องมารอลุ้นกันครับ
OPPO Find X5 Pro
OPPO Find X5 Pro สมาร์ทโฟนระดับเรือธงสูงสุดของออปโป้ เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วครับ มาพร้อมกับการปรับปรุงที่โดดเด่นในด้านการประมวลผลภาพ และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ รองรับ 5G วัสดุระดับพรีเมี่ยมแกนกลางอลูมิเนียม กระจกหน้าจอ Gorilla Glass Victus และฝาหลังเซรามิค รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 หน้าจอ LTPO2 AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+, 1440 x 3216 pixels (525 ppi), Refresh Rate 120Hz, HDR10+, BT.2020, ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1,300 nit ทำงานบน Android 12, ColorOS 12.1, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1, GPU Adreno 730, RAM 12GB, ROM 256GB (UFS 3.1), ลำโพงคู่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, NFC, USB Type-C 3.1, เซนเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC ชาร์จเต็มความจุ 50% ในเวลาเพียง 12 นาที และชาร์จไร้สาย 50W AirVOOC ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาเพียง 47 นาที เท่านั้น พร้อมรองรับ Reverse wireless charging 10W
OPPO Find X5 Pro มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 32 MP F2.4, 21 มม. (wide) เซนเซอร์ Sony IMX709 มีค่าเริ่มต้นที่ 80 องศา แต่จะปรับเป็น 90 องศา เมื่อถ่ายรูป Selfie เป็นกลุ่ม บันทึกวิดีโอความละเอียด 1080p 30fps, gyro-EIS และกล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 50MP F1.7, 25 มม. (wide), multi-directional PDAF, OIS (3-axis sensor-shift, 2-axis lens-shift) เซนเซอร์ Sony IMX766 + 50MP F2.2, 15 มม., 110 องศา (ultrawide), multi-directional PDAF เซนเซอร์ Sony IMX766 + 13MP F2.4, 52 มม. (telephoto), 2x optical zoom, PDAF บันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 30/60fps, 1080p 30/60/240fps, gyro-EIS; HDR, 10‑bit video และเป็นครั้งแรกของออปโป้ที่มาพร้อม Marisilicon X NPU ขนาด 6 nm ลดสัญญาณรบกวนด้วย AI รองรับบันทึกวิดีโอ 4K Ultra Night Video มีสัญญาณรบกวนน้อยกว่าและให้สีที่ดีกว่าวิดีโอกลางคืนทั่วไป รองรับทั้งการบันทึกปกติและ ultrawide และมาพร้อมการจูนปรับเทียบสีจากแบรนด์กล้องระดับตำนานอย่าง Hasselblad และมาพร้อมชุดฟิลเตอร์ที่พัฒนาโดย Hasselblad มาให้เลือกใช้อีกด้วย นอกจากนี้ OPPO Find X5 Pro ยังมาพร้อมระบบกันสั่น 5 แกน สามารถแก้ไขการสั่นของมือได้ถึง 3 Stop
OPPO Find X5 Pro ยังรองรับฟีเจอร์สั่งงานด้วยท่าทางไร้สัมผัส Air Gestures ด้วยนะครับ และรองรับการบันทึกเสียงคุณภาพสูง Super Recorder และรองรับการเชื่อมต่อหลายหน้าจอ Multi-Screen Connect ที่ฉลาดยิ่งกว่าที่เคย สำหรับรุ่นนี้จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic White และ Glaze Black เริ่มวางจำหน่ายในต่างประเทศ 14 มี.ค. 65 ในราคา 1,300 ยูโร หรือ 47,416 บาท สำหรับประเทศไทยแน่นอนครับว่าจะนำเข้ามาทำตลาดอย่างแน่นอน เรามารอลุ้นราคาในไทยกันนะครับ ซึ่งผมคาดว่ากว่าจะถึงงาน Thailand Mobile EXPO 2022 วันที่ 12 - 15 พ.ค. 65 ตอนนั้นทาง OPPO ประเทศไทยก็น่าจะนำ OPPO Find X5 Pro เข้ามาทำตลาดแล้วนะฮะ ต้องมาลุ้นกันครับ
หรือใครยังสนใจรุ่นที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วอย่าง OPPO Find X3 Pro 5G ซึ่งยังคงมีสเปคที่น่าสนใจมากๆครับ ชิปเซ็ตตัวท็อป Qualcomm Snapdragon 888 (5nm) แถมยังมาพร้อมกล้องคุณภาพสูง กล้องหลักคู่เซ็นเซอร์ Sony IMX766 ที่ OPPO และ Sony พัฒนาร่วมกัน ความละเอียด 50MP + 50MP พร้อมลูกเล่นการถ่ายภาพล้ำสมัย Microlens 60X ในโหมด Microscope (กล้องจุลทรรศน์) ซึ่งช่วยให้เราสนุกกับการถ่ายภาพ ในสิ่งที่เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน น่าทึ่งและเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์การถ่ายภาพแห่งปีอย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 ชาร์จไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge และสามารถชาร์จให้กับเครื่องอื่นด้วย 10W Reverse Wireless Charging รวมไปถึงลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ราคาเปิดตัว 33,990 บาท อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลาง 23,990 บาท ก็ยังน่าสนใจนะครับ
Samsung Galaxy S22 Ultra
Samsung Galaxy S22 Ultra การกลับมาของ Note Series บนสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดจากซัมซุง ทางซัมซุงก็ยืนยันบนเวทีเปิดตัวว่า นี้คือสมาร์ตโฟนที่ "Power by Note Series" ซึ่งได้นำเอกลักษณ์ของ Note Series ทั้งในด้านงานออกแบบที่คุ้นเคย พร้อมกับปากกามหัศจรรย์ S Pen มาผนวกเข้ากับความเป็น S Series ที่เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงของแบรนด์ จนออกมาเป็น "Galaxy S22 Ultra" ร่างฟิวชั่นที่สมบูรณ์ที่สุดของ Galaxy Device ในเวลานี้
จุดเด่นของขุนพลรุ่นใหม่จากซัมซุงในรอบนี้ นอกจากเรื่องราวของ S Pen ที่หลายคนคิดถึงกลับมาอยู่ในตัวเครื่องอีกครั้งแล้ว ยังมีเรื่องของเทคโนโลยี AI ที่ทางซัมซุงนำไปใส่ไว้ในทุกส่วนบนตัวเครื่อง และกล้องถ่ายรูปที่ยังคงพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรุ่นที่แล้ว จนถูกชมว่าเป็นกล้องถ่ายรูปบนสมาร์ตโฟนที่ยืนหนึ่งไม่แพ้ใครในเวลานี้เลยทีเดียว รวมทั้งยังนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ซัมซุงนำโมเดลชิปประมวลผล Snapdragon มาวางจำหน่ายด้วย
รายละเอียดสเปค Samsung Galaxy S22 Ultra
- หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X แบบโค้ง ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 3080 x 1440 พิกเซล (Adaptive Refresh rate 120Hz)
- CPU Snapdragon 8 gen 1
- GPU Adreno 730
- RAM 12GB (LPDDR5x)
- ROM 256GB (UFS 3.1)
- Android OS 12 with One UI 4.1
- กล้องถ่ายรูป Quad camera กล้องหลัก ความละเอียด 108MP (F1.8), กล้องเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 12MP, กล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP, กล้อง Periscope ความละเอัียด 10MP, กล้องหน้า ความละเอียด 40MP (F2.2)
- รองรับสแกนนิ้วมือ UltraSonic, Face Detection,
- รองรับเครือข่าย 5G
- รองรับเครือข่าย WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/6e
- Bluetooth 5.2
- มีปากกา S Pen ให้ในตัว
- กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh (รองรับชาร์จไว 45W)
- รองรับชาร์จไวแบบไร้สาย 15W
- ราคาเปิดตัว รุ่น RAM 8GB | ROM 128GB : ราคา 39,900 บาท, รุ่น RAM 12GB | ROM 256GB : ราคา 43,900 บาท, รุ่น RAM 12GB | ROM 512GB : ราคา 47,900 บาท อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลางเริ่มต้น 37,240 บาท
Samsung Galaxy Z Flip3 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่นที่แล้ว ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ที่มีดีไซน์สวยงามดูมีความเป็นแฟชั่นสูง ขนาดกะทัดรัด บางเบา สามารถพกพาไปได้ในทุกที่ ไม่ว่าคุณจะพับใว้ในกระเป๋าเสื้อ ใส่ใว้ในกระเป๋าสะพายเล็กๆของคุณผู้หญิง หรือแม้แต่ใส่ใว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง ก็สะดวกทั้งนั้นเลยครับ แม้ว่าในรุ่นที่แล้วดีไซน์และการตลาดจะเน้นไปทางผู้หญิง แต่จริงๆแล้ว Samsung Galaxy Z Flip3 5G เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ที่เหมาะกับทุกคน และเหมาะกับการใช้งานจริงๆมากๆ มีให้เลือกหลายสีไม่ว่าจะเป็น Cream, Phantom Black, Green, Lavender ก็ล้วนเข้ากับบุคลิคและความชอบที่แตกต่าง นอกจากนี้ยังมีสีพิเศษอย่าง Gray, White, Pink ให้เลือกอีกด้วย
Samsung Galaxy Z Flip3 5G โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยสะดุดตา เมื่อพับอยู่จะดูเหมือนโทรศัพท์มือถือฝาพับเครื่องนึงเลยครับ หรือบางคนก็บอกว่ามันดูเหมือนตลับแป้ง ในรุ่นนี้ยังมีความบางและเบากว่าเดิม รวมทั้งยังเลือกใช้วัสดุที่ดูพรีเมี่ยม และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ ฟิล์มหน้าจอก็มีความแข็งแรงกว่าเดิมถึง 80% วัสดุโลหะและกระจกผิวด้านทั้งเครื่องทำให้ดูสะอาดตลอดเวลา ตัดกับกระจกหน้าจอด้านนอกสีดำ ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าเดิม ช่วยให้ดูการแจ้งเตือนต่างๆจากจอหน้าทำได้ดียิ่งขึ้น แถมยังรองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX8 อีกด้วย ไม่ต้องกลัวแม้จะโดนน้ำหกใส่ หรือเผลอทำตกน้ำ และรู้สึกสบายใจในหน้าฝนนี้อย่างแน่นอน เพราะสามารถกันน้ำในความลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที (ตามที่สเปคระบุ) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องคู่คุณภาพดี ที่สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมอง ด้วยความสามารถของหน้าจอที่พับได้ และกล้องสำหรับ Selfie ที่มีคุณภาพน่าพอใจทีเดียว และยังสามารถถ่าย Selfie หรือถ่าย VLOG ด้วยกล้องหลังคู่ได้อีกด้วย แถมยังรองรับมาตรฐาน WiFi 6 และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานเกินสเปคความจุ ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม แต่เรื่องการใช้งาน และความเป็นแฟชั่นจัดเต็มให้ผู้ใช้งานอย่างเต็มที่จริงๆครับ
รายละเอียดสเปค Samsung Galaxy Z Flip3 5G
- GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
- HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100
- 4G bands 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 13, 14, 18, 19, 20, 25, 26, 28, 30, 38, 39, 40, 41, 46, 48, 66, 71
- 5G bands 2, 5, 25, 41, 66, 71, 260, 261 SA/NSA/Sub6/mmWave
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.1, A2DP, LE
- GPS, A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- NFC
- USB Type-C 3.1
- เซนเซอร์ Fingerprint (side-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer Samsung Pay (Visa, MasterCard certified)
- ลำโพงคู่ จูนเสียงโดย AKG พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX8 สามารถกันน้ำในความลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที
- หน้าจอ (ด้านใน) Foldable Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2640 pixels (426 ppi), Refresh Rate 120Hz, HDR10+, ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1200 nit
- หน้าจอ (ด้านนอก) Super AMOLED ขนาด 1.9 นิ้ว ความละเอียด 260 x 512 pixels
- กระจก Corning Gorilla Glass Victus
- Android 11, One UI 3.1.1
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 5G
- CPU Octa-core (1x2.84 GHz Kryo 680 & 3x2.42 GHz Kryo 680 & 4x1.80 GHz Kryo 680)
- GPU Adreno 660
- RAM 8GB
- ROM 128GB/256GB (UFS 3.1)
- กล้องหน้าความละเอียด 10MP F2.4, 26 มม. (wide)
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 12MP F1.8, 27 มม. (wide), Dual Pixel PDAF, OIS + 12MP F2.2, 123 องศา (ultrawide)
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 30/60FPS, 1080P 30/60FPS, 720P 30FPS
- กล้องหลังบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 30/60FPS, 1080P 30/60/240FPS, 720P 30/960FPS
- แบตเตอรี่ความจุ 3,300 mAh
- Fast charging 15W, Fast wireless charging 10W และ Reverse wireless charging 4.5W
- มีให้เลือก 7 สี ได้แก่ Cream, Phantom Black, Green, Lavender, Gray, White, Pink
- ราคาเปิดตัว 34,900 บาท (128GB), 36,900 บาท (256GB) อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลางเริ่มต้น 28,900 บาท
Samsung Galaxy Z Fold3 5G เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ที่ดีที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยพัฒนาออกมาเลยครับ ยังคงมาพร้อมประสบการณ์ใหม่ในการรับชม และการใช้งานด้วยหน้าจอพับได้ขนาดใหญ่ Infinity Flex Display ขนาด 7.6 นิ้ว ที่รองรับ Refresh Rate 120Hz และมาพร้อมนวัตกรรมใหม่กับกล้องซ่อนใต้หน้าจอ Under Display Camera รองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX8 สามารถกันน้ำในความลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที แถมยังมาพร้อมดีไซน์ที่ดูกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น มีมิติตัวเครื่องเล็กลงนิดหน่อย และมาพร้อมน้ำหนักที่เบาลงอีกด้วย โดยเหลือน้ำหนักเพียงแค่ 271 กรัมเท่านั้นเอง ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รูปแบบนี้ ที่บางและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังมาพร้อมวัสดุโลหะที่แข็งแรงกว่าเดิม รวมทั้งฟิล์มหน้าจอที่หนาขึ้นถึง 80% เพื่อรองรับการใช้งานควบคู่กับปากกา S PEN FOLD EDITION ซึ่งต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าไม่สามารถใช้งานร่วมกับปากกา S PEN ปกติได้ (แต่สามารถใช้งานคู่กับปากกา S PEN PRO ได้นะครับ เพราะมีฟีเจอร์สลับระหว่างแบบปกติ กับแบบ FOLD EDITION) ซึ่งฟีเจอร์การใช้งานควบคู่กับปากกา S PEN นี่ละครับ ที่ยกระดับความสนใจของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้มากขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
Samsung Galaxy Z Fold3 5G ยังมาพร้อมสเปคที่สูงมากครับ Qualcomm Snapdragon 888 5G, RAM 12GB, ROM 256GB และ 512GB จุใจกันไปเลย รองรับมาตรฐาน WiFi 6, Samsung DeX และ Ultra Wideband (UWB) สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Phantom Black, Phantom Green และ Phantom Silver มาพร้อมโทนสีด้านๆทั้งเครื่องยกเว้นตรงบานพับ ทำให้ตัวเครื่องดูสวยสะอาดตลอดเวลา ไม่เป็นคราบมันได้ง่ายๆ งานประกอบดูแน่นหนาและแข็งแรงมากๆ เพียงแค่ได้สัมผัสก็รู้สึกถึงความพรีเมี่ยมแล้ว
รายละเอียดสเปค Samsung Galaxy Z Fold3 5G
- GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
- HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100
- 4G bands 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 13, 14, 18, 19, 20, 25, 26, 28, 30, 38, 39, 40, 41, 46, 48, 66, 71
- 5G bands 2, 5, 25, 41, 66, 71, 260, 261 SA/NSA/Sub6/mmWave
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.2, A2DP, LE, aptX HD
- GPS, A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS
- NFC
- USB Type-C 3.2
- เซนเซอร์ Fingerprint (side-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, Bixby natural language commands and dictation, Samsung DeX (desktop experience support), Samsung Pay (Visa, MasterCard certified), Ultra Wideband (UWB) support
- ลำโพงคู่ จูนเสียงโดย AKG พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับมาตรฐานกันน้ำ IPX8 สามารถกันน้ำในความลึก 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที
- หน้าจอ (ด้านใน) Foldable Dynamic AMOLED 2X ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียด 1768 x 2208 pixels (374 ppi), Refresh Rate 120Hz, HDR10+, ความสว่างหน้าจอสูงสุด 1200 nit, รองรับปากกา S PEN FOLD EDITION
- หน้าจอ (ด้านนอก) Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 832 x 2268 pixels, Refresh Rate 120Hz, กระจก Corning Gorilla Glass Victus
- Android 11, One UI 3.1.1
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 5G
- CPU Octa-core (1x2.84 GHz Kryo 680 & 3x2.42 GHz Kryo 680 & 4x1.80 GHz Kryo 680)
- GPU Adreno 660
- RAM 12GB
- ROM 256GB/512GB (UFS 3.1)
- กล้องซ่อนใต้หน้าจอ Under Display Camera ความละเอียด 4MP F1.8
- กล้องหน้าความละเอียด 10MP F2.4, 26 มม. (wide)
- กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 12MP F1.8, 26 มม. (wide), Dual Pixel PDAF, OIS + 12MP F2.4, 52 มม. (telephoto), PDAF, OIS, 2x optical zoom, 10x digital zoom + 12MP F2.2, 123 องศา (ultrawide)
- กล้องซ่อนใต้หน้าจอ Under Display Camera บันทึกวิดีโอความละเอียด 1080P 30/60FPS, 720P 30FPS
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 30/60FPS, 1080P 30/60FPS, 720P 30FPS
- กล้องหลังบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 30/60FPS, 1080P 30/60/240FPS, 720P 30/960FPS
- แบตเตอรี่ความจุ 4,400 mAh
- Fast charging 25W, Fast wireless charging 11W, Reverse wireless charging 4.5W
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Phantom Black, Phantom Green, Phantom Silver
- ราคาเปิดตัว 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลางเริ่มต้น 42,190 บาท
HUAWEI P50 Pro
HUAWEI P50 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมสโลแกน Legend Reborn เป็นสมาร์ทโฟนที่หลายๆคนให้ความสนใจ และรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ล่าสุดก้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลกแล้วครับ รวมทั้งเตรียมที่จะเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆนี้ สำหรับ HUAWEI P50 Pro มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามสะดุดตาเป็นอย่างมาก วัสดุโลหะและกระจกเงาวับ เงางามไปทั้งเครื่องเลยครับ (แต่ก็แลกมาด้วยผิวสัมผัสที่ติดรอยนิ้วมือได้ง่าย) อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีกล้องแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Dual-Matrix Camera Design ที่สวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนกล้อง 2 เลนส์โบราณ หรือที่เรียกกันว่ากล้อง TLR (Twin Lens Reflex), ถ่ายภาพได้อย่างคมชัดด้วยเทคโนโลยี XD Optics, HUAWEI XD Fusion Pro Image Engine ปรับรายละเอียดของภาพให้ดียิ่งขึ้น, True-Chroma Image Engine อัปเกรดระบบเซ็นเซอร์แสง ขยายขอบเขตสีให้กว้างยิ่งขึ้น รวมทั้งยังคงมาพร้อมกล้อง Periscope ความละเอียดสูง 64 MP ที่สามารถซูมได้ไกลสูงสุด 100x (Digital Zoom) และรองรับระบบกันสั่น AIS Pro True-Steady Shot รวมทั้งมาพร้อมฟีเจอร์ True-Focus Fast Capture ช่วยในการจับภาพได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำกว่าเดิม และแน่นอนกับโทนภาพสุดสวยจาก Leica จะเห็นว่ายังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่จัดเต็มในเรื่องกล้องจริงๆนะครับ
นอกจากเรื่องกล้อง HUAWEI P50 Pro ยังจัดเต็มในส่วนของสเปคมาด้วยครับ กับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 4G จะเห็นว่าน่าเสียดายครับ ด้วยปัญหาในเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ สมาร์ทโฟนจาก HUAWEI ในช่วงหลายปีมานี้ก็เลยโดนจำกัดนะครับ ทำให้ไม่สามารถใช้ชิป 5G ได้ ทั้งๆที่ HUAWEI เป็นแบรนด์ระดับแถวหน้าในเรื่องนี้เลย นอกจากนี้ยังไม่สามารถใช้งาน Google Mobile Service (GMS) จาก Google ได้นะครับ เป็นปัญหา 2 จุดหลักๆที่หลายคนวิตกกัน ซึ่งผมจะมาแนะนำหาทางออกในเรื่อง GMS ในบทความรีวิวนี้ ส่วนเรื่อง 5G ไม่มีทางแก้แน่นอนครับ นอกจากจะมาพร้อมชิปเซ็ตตัวแรงแล้ว ยังมาพร้อมหน้าจอที่สวยมากๆ หน้าจอ OLED True-Colour Display ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1228 x 2700 pixels (450 ppi) อัตรารีเฟรชหน้าจอ 120 Hz แถมยังรองรับ HUAWEI SuperCharge 66W และ Wireless HUAWEI SuperCharge 50W เรียกได้ว่าทั้งชาร์จแบบเสียบสาย และไร้สายก็รวดเร็วเกินมาตรฐานทั้งคู่เลยครับ นอกจากนี้ยังรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 อีกด้วย
รายละเอียดสเปค HUAWEI P50 Pro
- GSM 850 / 900 / 1800 / 1900
- 3G HSDPA 800 / 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100
- 4G LTE 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 12, 17, 18, 19, 20, 26, 28, 34, 38, 39, 40, 41
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.2, A2DP, LE
- NFC
- Infrared port
- GPS, A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, NavIC
- USB Type-C 3.1
- รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 1228 x 2700 pixels (450 ppi), Refresh Rate 120Hz, 1B colors
- EMUI 12.0.1
- Qualcomm Snapdragon 888 4G (5 nm)
- CPU Octa-core (1x2.84 GHz Kryo 680 & 3x2.42 GHz Kryo 680 & 4x1.80 GHz Kryo 680)
- GPU Adreno 660
- RAM 8GB
- ROM 256GB (UFS 3.1) รองรับ Nano Memory
- เซ็นเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, color spectrum
- แบตเตอรี่ความจุ 4,360 mAh
- รองรับชาร์จเร็ว Fast Charging 66W, ชาร์จไร้สาย Fast Wireless Charging 50W และรองรับชาร์จแบบย้อนกลับ Reverse Charging
- กล้องหน้าความละเอียด 13MP F2.4, 100 องศา (ultrawide) (สามารถปรับองศาได้ 3 ระดับ), AF
- กล้องหลัง 4 เลนส์ Leica ความละเอียด 50MP F1.8, 23 มม. (wide), PDAF, Laser AF, OIS + 64MP F3.5, 90 มม. (periscope telephoto), PDAF, OIS, 3.5x optical zoom, 100x digital zoom + 13MP F2.2, 120 องศา, 13 มม. (ultrawide) + 40MP F1.6, 23 มม. (B/W)
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอระดับ 4K 30fps, 1080p 30/60/240fps
- กล้องหลังบันทึกวิดีโอระดับ 4K 30/60fps, 1080p 30/60fps, 1080p 960fps, gyro-EIS
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Golden Black และ Cocoa Gold
- ราคาเปิดตัว 33,990 บาท อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลางเริ่มต้น 24,720 บาท
HUAWEI P50 Pocket สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นที่สุดของหัวเว่ยในเวลานี้ มาพร้อมคอนเซปต์ "Fantasy in you pocket" ที่ต้องบอกว่าแฟนตาซีสมชื่อ ทางหัวเว่ยได้จับมือร่วมกันออกแบบกับแฟชั่นดีไซเนอร์ระดับโลก Iris Van Herpen ที่เคยฝากผลงานดีไซน์ไว้กับศิลปินชื่อดังอย่าง Lady Gaga ทำให้ได้สมาร์ทโฟนที่สวยงามทัดเทียมเครื่องประดับชิ้นนึงเลยทีเดียว (สำหรับรุ่นท๊อปสีทอง) เป็นมือถือหน้าจอพับได้ที่พับได้เรียบเนียนไร้ช่องว่างอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยกลไกบานพับ Multi-Dimensional Hinge ที่จะมีพื้นที่รูปหยดน้ำสำหรับเก็บบางส่วนของหน้าจอเอาไว้ขณะพับ ทำให้ได้หน้าจอพับที่บรรจบกันสนิทไม่มีช่องว่าง และหน้าจอวงกลม Cover Screen แบบสัมผัสที่เราสามารถเลือกโหมดใช้งานได้อย่างหลากหลาย จัดเต็มระบบกล้อง Ultra Spectrum Camera Matrix และรองรับชาร์จไว 40W
รายละเอียดสเปค HUAWEI P50 Pocket
- GSM 850/900/1800/1900 MHz
- UMTS 850/900/1900/2100 MHz
- LTE Bands 1/ 2/ 3/ 4/ 5/ 7/ 8/ 13/ 18/ 20/ 25/ 26/ 28/ 31/ 34/ 38/ 39/ 40/ 41
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Wi-Fi Direct, hotspot
- Bluetooth 5.2
- การหาตำแหน่ง: Assisted GPS
- Type-C USB 2.0
- USB On-The-Go
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 pixels (FHD+) อัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120 Hz
- Qualcomm Snapdragon 888 4G
- CPU Octa-core (1*Cortex-X1@2.84GHz + 3*Cortex-A78@2.42GHz + 4*Cortex-A55@1.8GHz)
- GPU Adreno 660
- AI: 6th Gen AI Engine
- ระบบปฎิบัติการ EMUI 12
- หน่วยความจำ RAM 8GB/ROM 256GB, NM card สูงสุด 256GB
- ระบบเซ็นเซอร์ Fingerprint, Accelerometer, Ambient light, Accelerometer, Proximity, Gyroscope, Orientation
- กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 40 MP (f/1.8), Ultrawide ความละเอียด 13 MP (f/2.2), Ultra Spectrum ความละเอียด 32 MP (f/1.8)
- กล้องหน้า: ความละเอียด 10.7 MP (f/2.2)
- รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดระดับ UHD (4K), 30fps
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge สูงสุด 40 W
- ราคาเปิดตัว รุ่นสีขาว 8/256 ราคา 46,990 บาท และรุ่นสีทอง 12/512 ราคา 57,990 บาท
realme GT 2 Pro
realme GT 2 Pro ครั้งแรกของโลกกับการดีไซน์ที่ใช้วัสดุไบโอโพลิเมอร์ในสมาร์ตโฟน โดย "นาโอโตะ ฟุคาซาวา" ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อดังแห่งวงการออกแบบสินค้าอุตสาหกรรมระดับโลก ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระดาษ (The Future in Paper) โดยใช้เวลากว่า 12 เดือนในการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ต้นแบบกว่า 63 แบบ ผสานกับการแกะสลักด้วยเลเซอร์ที่แม่นยำระดับ 0.1 มิลลิเมตร
และมาพร้อมหน้าจอ Super Reality หน้าจอ LTPO 2.0 AMOLED ความละเอียด 2K ปรับอัตราการรีเฟรชได้อัตโนมัติตั้งแต่ 1 ถึง 120 เฮิรตซ์ พร้อมชิปเซ็ตระดับท๊อปของปีนี้ Snapdragon 8 Gen 1, ติดตั้งกล้อง Triple-camera มุมมองกว้างพิเศษ Ultra-wide 150° พร้อมเลนส์มาโครพลังซูมสุดถึง 40 เท่า สำหรับเลนส์หลักมีความละเอียด 50MP ใช้เซ็นเซอร์คุณภาพระดับแฟล็กชิปด้วย IMX766 ที่มีอัลกอริธึมการประมวลผลภาพแบบ Omni-directional PDAF พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS นอกจากนี้ IMX766 ยังมีระบบการสั่นแบบคู่ ทั้งเวลาถ่ายภาพและวิดีโอ มีโหมดเลนส์ Fish-eye ครั้งแรกของโลก, นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จเร็ว 65W อีกด้วย
realme GT 2 Pro ราคาเปิดตัว 24,990 บาท รอบ Early bird เหลือเพียง 22,999 บาท เฉพาะช่องทาง Shopee ใน realme Official Store เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่ 22 มีนาคมถึง 3 เมษายนนี้ พร้อมรับ realme Buds Air 2 Neo จำนวนจำกัด และจำหน่ายวันแรก 4 เมษายนนี้ รวมถึงช่องทาง Shopee ใน realme Official Global store จำหน่ายวันแรกในวันที่ 25 มีนาคมนี้เป็นต้นไป และจำหน่ายที่ realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ วันที่ 8 เมษายนนี้เป็นต้นไป
Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12
Xiaomi 12 Pro มาพร้อมสโลแกน Master every scene เหมือนมีสตูดิโอถ่ายวิดีโอส่วนตัวพกติดตัวไปด้วย และยังเป็นแหล่งความบันเทิงที่ทันสมัย มาพร้อมความล้ำหน้าด้านการประมวลผล AI อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่ ขุมพลังการประมวลผลระดับเรือธง และการยกระดับประสบการณ์การใช้งานรอบด้าน มาพร้อมความโดดเด่นของแผงกล้อง 50 ล้านพิกเซลที่ล้ำสมัยซึ่งมีเซ็นเซอร์หลักขนาดใหญ่พิเศษจาก Sony IMX707 เซ็นเซอร์นี้สามารถรวบรวมแสงได้ในปริมาณมากขึ้นซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถในการผลิตภาพคุณภาพสูงด้วยความเร็วโฟกัสที่เร็วขึ้นและความแม่นยำของสีที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ Xiaomi 12 มาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ 13 ล้านพิกเซลและกล้องเทเลมาโคร 5 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่ายภาพต่างๆ ในมุมมองที่แตกต่างออกไป พร้อมความสามารถในการบันทึกภาพ 8K นอกจากนี้ยังพัฒนา AI อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัวของเสียวหมี่อีกด้วย นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกทุกช่วงเวลาตามต้องการได้ง่ายกว่าที่เคย แม้ในที่ที่มีแสงน้อยหรือจะเป็นวัตถุที่เคลื่อนไหว Xiaomi ProFocus สามารถระบุและติดตามวัตถุได้อย่างชาญฉลาด รวมไปถึงป้องกันภาพเบลอหรือภาพที่ไม่โฟกัสของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อยู่หรือถูกบดบัง ความล้ำหน้านี้ยังรวมไปถึงความสามารถในการโฟกัสอัตโนมัติที่ดวงตาและใบหน้าอีกด้วย ในขณะที่ Ultra Night Video นั้นก็ใช้อัลกอริทึมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเสียวหมี่ในการบันทึกวิดีโอได้แม้ในสภาวะแสงน้อยมาก AI Cinema แบบคลิกเดียว (One-click AI Cinema) มีตัวเลือกสร้างสรรค์มากมายสำหรับการตัดต่อวิดีโอ อาทิโหมด Parallel World, Freeze Frame Video และโหมด Magic Zoom
มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว WQHD+ ปรับการแสดงผล LTPO แบบไดนามิกอย่างชาญฉลาดระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz พร้อมสเปคสุดแรง Snapdragon 8 Gen 1 ทั้ง 2 รุ่นเลย โดยในรุ่นท๊อปมาพร้อม Xiaomi HyperCharge 120W เร็วอย่างเหลือเชื่อ แบต 4,600 mAh ชาร์จเต็มในเวลาเพียง 18 นาที เท่านั้น ราคาเปิดตัว Xiaomi 12 Pro รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 31,990 บาท, Xiaomi 12 รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 26,990 บาท, Xiaomi 12 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท
Sony Xperia PRO-I
Xperia PRO-I สมาร์ทโฟนซีรีย์ใหม่เน้นเรื่องราวของกล้องถ่ายรูปแบบเต็มรูปแบบ มาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูปขนาด 1 นิ้ว มีระบบออโต้โฟกัสภาพแบบ Phase-image ตัวเดียวกับที่ใช้อยู่บนกล้องคอมแพครุ่นดัง Sony RX100 VII แต่มีการปรับแต่งใหม่ให้เหมาะกับการใช้บนสมาร์ทโฟน (I มาจากคำว่า "Image") Sony นำเทคโนโลยีกล้องถ่ายรูปของตัวเองมาใส่ลงไปแบบเต็มรูปแบบ ไล่ตั้งแต่ด้านฮาร์ดแวร์ไปจนถึงซอฟต์แวร์เลยทีเดียว โดยตัวเครื่องมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 12MP ใช้เซ็นเซอร์ Exmor RS มี Pixel Pitch อยู่ที่ 2.4 μm ด้านชิปประมวลผลการถ่ายภาพใช้ชิป Bionz-X ตัวเดียวกับที่ใช้บน Xperia 1 III และ Xperia 5 III โดยจะเป็นตัวประมวลผลทั้งภาพนิ่งและภาพวีดีโอ ตัวกล้องมีระบบกันสั่นระดับโปร และมีระบบโฟกัสภาพ Real Time Eye ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งภาพคนหรือภาพสัตว์ ส่วนตัวเลนส์ใช้เลนส์ Zeiss ขนาดเลนส์ 24 มม. สามารถปรับรูรับแสงได้สองระดับคือ F 4.0 และ F2.0 นอกจากกล้องหลักแล้ว Sony Xperia Pro-I ยังมีกล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 12MP (F2.2, 16 มม.) และกล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP (F2.4, 50 มม.) ด้วยเช่นกัน ส่วนกล้องตัวสุดท้ายเป็นกล้องเซ็นเซอร์ 3D iTOF นอกจากนี้ทาง Sony ยังทำปุ่มกดชัตเตอร์แยกออกมาไว้ที่ด้านข้างตัวเครื่อง ปุ่มหนึ่งสำหรับกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ ส่วนอีกปุ่มเป็นเมนูลัดเข้าสู่โหมดการถ่ายภาพ ซึ่งบนเครื่องทาง Sony จับซอฟต์แวร์ด้านการถ่ายภาพใส่มาด้วยกัน 2 โหมด คือ Cinematography Pro โหมดปรับแต่งโทนสีภาพและค่าพารามิเตอร์สำหรับการถ่ายถ่ายภาพนิ่ง โดยโทนสีของภาพทาง Sony นำแรงบรรดาใจมาจากโทนสีภาพของกล้อง VENICE กล้องถ่ายภาพระดับภาพยนตร์ของ Sony มาใส่ให้ด้วย ส่วนอีกโหมดเป็นสำหรับการถ่ายภาพวีดีโอชื่อว่า Videography Pro โหมดสำหรับการถ่ายภาพวีดีโอ ซึ่งเราสามารถเลือกปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ของกล้องได้เหมือนกับการใช้งานบนกล้องใหญ่
Sony Xperia Pro-I รองรับการบันทึกภาพวีดีโอที่ระดับความละเอียดสูงสุด 4K 120FPS และถ่ายภาพ Slow-motion ได้ช้าสุดที่ระดับ 5X และมาพร้อมหน้าจอแสดงผล OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 4K มีค่า Refresh rate 120Hz, ชิปประมวลผล Snapdragon 888, RAM 12GB, ROM 512GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกด้วย MicroSD Card ได้ และมีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,500 mAh รองรับชาร์จไว 30W ราคาเปิดตัว 56,990 บาท อัพเดตวันที่ 25 มี.ค. 65 ราคากลาง 45,999 บาท
Motorola Edge 30 Pro
Motorola Edge 30 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ระดับพรีเมี่ยมในตระกูล Motorola Edge เปิดตัวในไทยอย่างเงียบๆ แต่น่าสนใจครับ มาพร้อมทสเปคแรงในทุกจุด Snapdragon 8 Gen 1, หน้าจอ Max Vision OLED ขนาด 6.7 นิ้ว FHD+, ลำโพงสเตอริโอ, กล้องหลัง 3 เลนส์ 50MP + 50MP + 2MP, กล้องหน้าความละเอียดสูง 6MP, รองรับบันทึกวิดีโอ 8K, แบต 4,800 mAh ชาร์จเร็ว 68W และชาร์จไร้สาย 15W เปิดตัวมาในราคา 22,999 บาท ถือว่าดูคุ้มมากๆเลยครับกับสเปคขนาดนี้
iPhone 13 Pro Max
iPhone 13 Pro Max มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม วัสดุโลหะสแตนเลสและกระจก รองรับ 5G รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 มีความบางเพียง 7.7 มม. น้ำหนัก 174 กรัม หน้าจอ Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1284 x 2778 pixels (458 ppi), Refresh Rate 120hz, HDR10, Dolby Vision, ความสว่างสูงสุด 1200 nits, ทำงานบน iOS 15, ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic, CPU Hexa-core (2 + 4), Apple GPU (5-core graphics), RAM 8GB, ROM 128GB/256GB/512GB/1TB, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS, GLONASS, GALILEO, BDS, QZSS, NFC, Lightning, เซนเซอร์ Face ID, accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer Siri natural language commands and dictation Ultra Wideband (UWB) support, ลำโพงคู่, มาพร้อมชาร์จเร็ว 20W ชาร์จเต็มความจุ 50% ในเวลา 30 นาที และรองรับชาร์จไร้สาย 7.5W (เมื่อใช้งานคู่กับอุปกรณ์เสริม MagSafe จะชาร์จไร้สายที่ 15W)
กล้องหน้าความละเอียด 12MP F2.2, 23 มม. (wide) + SL 3D บันทึกวิดีโอ 4K 24/25/30/60fps, 1080p 30/60/120fps, gyro-EIS และกล้องหลัง 3 เลนส์ 12MP F1.5, 26 มม. (wide), dual pixel PDAF, sensor-shift stabilization (IBIS) + 12MP F2.8, 77 มม. (telephoto), PDAF, OIS, 3x optical zoom + 12MP F1.8, 120 องศา, 13 มม. (ultrawide), PDAF + TOF 3D LiDAR scanner (depth) พร้อม Dual-LED dual-tone flash บันทึกวิดีโอ 4K 24/30/60fps, 1080p 30/60/120/240fps, 10‑bit HDR, Dolby Vision HDR (up to 60fps), ProRes, Cinematic mode, stereo sound rec.
iPhone 13 Pro Max มีให้เลือกมากถึง 5 สี ได้แก่ Graphite, Gold, Silver, Sierra Blue และสีใหม่ Alpine Green ราคาปัจจุบัน 25 มี.ค. 65 มีรายละเอียดดังนี้
- iPhone 13 Pro Max ความจุ 128GB ราคา 42,900 บาท
- iPhone 13 Pro Max ความจุ 256GB ราคา 46,900 บาท
- iPhone 13 Pro Max ความจุ 512GB ราคา 54,900 บาท
- iPhone 13 Pro Max ความจุ 1TB ราคา 62,900 บาท
พบกับโปรโมชั่นจุใจทั้งส่วนลดพิเศษ ของแถม และโปรผ่อน 0% จากค่ายบัตรเครดิตต่างๆ กันอย่างแน่นอน เราห่างหายจากการได้เดินเลือกสมาร์ทโฟน และโปรโมชั่นโดนใจกันมานานมากๆแล้วนะครับ เชื่อว่าโปรโมชั่นจะต้องจัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ สมกับการรอคอยอย่างแน่นอนเลยครับ พบกันในงาน Thailand Mobile EXPO 2022 วันที่ 12 - 15 พ.ค. 65 ไบเทคบางนา ห้ามพลาดเลยนะครับ