รีวิวจุดเด่น Xiaomi Redmi Note 11 Pro 5G ทำไมถึงเป็นสมาร์ตโฟนสุดคุ้ม ที่น่าซื้อที่สุดในเวลานี้

 

Redmi Note 11 Pro 5G สมาร์ตโฟนที่ยังคงมาพร้อมจุดเด่นในเรื่องฮาร์ดแวร์และราคาวางจำหน่าย ที่พอเทียบกันแล้วต้องยอมรับเลยว่าพี่เขาให้มาคุ้มค่าล้นราคามาก ๆ จนผมขอมอบฉายา "Flagship of Entry-mid" ให้เลย เพราะในสมาร์ตโฟนกลุ่มราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ยังไม่มีรุ่นไหนกล้าใส่ฮาร์ดแวร์มาให้แน่นขนาดนี้

สำหรับ Redmi Note 11 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นท็อปสุดของ Redmi Note 11 Series ที่วางจำหน่ายในไทย โดยความน่าสนใจของรุ่นนี้นอกจากเรื่องราวของ 5G Technology ที่ตอนนี้น่าจะคุ้นกันเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีจุดเด่นอีกหลายจุดให้พิจารณาไม่ว่าจะเป็น การเลือกใส่เซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูปความละเอียด 108MP หรือใส่หน้าจอแสดงผล AMOLED ที่มีค่า refresh rate 120Hz มาให้บนสมาร์ตโฟนราคาหมื่นนิด ๆ รวมไปถึงการจับเทคโนโลยีชาร์จไว Turbo Charging 67W ใส่มาให้ด้วยเช่นกัน

 

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้นนะครับ เพราะหลังจากลองใช้งานจริงแล้ว บอกเลยว่ายังมีอีกหลายจุดที่อยากหยิบมาแนะนำพร้อมกับให้ข้อคิดก่อนเลือกซื้อผ่านบทความนี้กันด้วย ก็..เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังสนใจรุ่นนี้อยู่อยากให้ตามผมไปทำความรู้จักกับสมาร์ตโฟนขุนพลน้อยรุ่นใหม่จาก Xiaomi ประเทศไทยพร้อมกันครับ!! รับรองว่าไม่ยาว เข้าใจง่าย และได้ข้อมูลช่วยตัดสินใจแน่นอน

 

เริ่มกันที่งานออกแบบกันก่อนเลย เพราะเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนจะมองเห็น สำหรับ Redmi Note 11 Pro 5G ตัวเครื่องถูกออกแบบมาทันสมัยมิใช่น้อย โดยมีการออกแบบให้ขอบตัวเครื่องเป็นทรงสี่เหลี่ยมตามเทรนด์การออกแบบในช่วงนี้บนสมาร์ตโฟน ในขณะที่ด้านหน้ายังคงใช้หน้าจอแสดงผลดีไซน์หยดน้ำ โดยจะมีการเว้นเป็นรอยแหว่งไว้ตรงกลางหน้าจอด้านบน เพื่อใช้เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า ซึ่งรอบนี้ให้กล้องหน้าความละเอียด 16MP (F2.4) ส่วนตัวหน้าจอมีขนาดอยู่ที่ 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+ และเป็นพาแนล AMOLED มีค่า Refresh rate สูงถึง 120Hz 

ขอบตัวเครื่องถูกออกแบบให้เป็นเหลี่ยม ตอนถือจับช่วงแรกอาจจะรู้สึกแปลกหน่อย ในขณะด้านบนตัวเครื่องทางเสียวมี่ยังมีพอร์ต IR ใส่มาให้เหมือนเดิม รวมถึงพอร์ตเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ด้วยเช่นกัน 

ด้านหลังตัวเครื่องพื้นผิวของฝาหลังตอนสัมผัสจะรู้สึกมันวาวแต่มีความด้านเล็กน้อย ในขณะที่ตำแหน่งของกล้องถ่ายรูปออกแบบได้เด่นมาก ๆ ใช้ฐานตัวกล้องเป็นสี่เหลี่ยม โดยด้านบนสุดจะเป็นตำแหน่งของกล้องหลักความละเอียด 108MP (F1.9) ขยับลงมาจะเป็นกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 8MP (F2.2) และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP (F2.4) พร้อมไฟแฟลชช่วยถ่ายตอนแสงน้อย 

 

กล้องถ่ายรูปของ Redmi Note 11 Pro 5G มีความละเอียดสูงที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟนราคาต่ำหมื่นในตอนนี้ โดยมาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูป samsung ISOCELL HM2 ความละเอียด 108MP (F1.9) ตัวเซ็นเซอร์มีขนาด 1/1.52 นิ้ว ใช้เทคโนโลยีรวมภาพแบบ 9 in 1 Binning และมีเทคโนโลยี Dual Native ISO ช่วยลดการรบกวนของสัญญาณให้น้อยลง ทำให้สามารถเก็บภาพในสภาพแสงน้อยได้ดี และตอบสนองไว ในขณะที่กล้องอีกสองตัวประกอบด้วย กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultrawide) ความละเอียด 8MP (F2.2) ไม่รองรับโหมดกลางคืน และอีกกล้องเป็นกล้องมาโครความละเอียด 2MP (F2.4) สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ ซึ่งถ่ายภาพได้ใกล้สุดที่ระยะห่างจากวัตถุ 4 เซนติเมตร

กล้องหน้า ความละเอียด 16MP (F2.4) ใช้เซ็นเซอร์ OmniVision OV16A1Q ตัวกล้องมีระยะโฟกัสแบบ Fixed Focus และใช้เทคโนโลยีรวมภาพแบบ Quad Bayer Filter ด้วย 

 

ในเรื่องของการใช้งานด้านเอ็นเตอร์เทรนด์อย่างเช่นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม Redmi Note 11 Pro 5G ทำได้ดีไม่แพ้ใครในตลาดเลยทีเดียว โดยเฉพาะการได้จอแสดงผล AMOLED ที่มีค่า refresh rate สูงถึง 120Hz มีค่าความสว่าง 1200 nits ซึ่งเป็นค่าที่สามารถใช้งานกลางแสงแดดจ้าได้สบายเลยครับ นอกจากนี้ยังรองรับการแสดงสีมาตรฐาน DCI-P3 รวมทั้งยังมีโหมดอ่านหนังสือ โหมดใช้งานกลางแจ้ง และโหมดถนอมสายตาติดมาให้ด้วย ยิ่งทำให้ประสบการณ์การใช้งานหน้าจอของเราดีเยี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม และยังสามารถรับชมคอนเทนท์ภาพยนตร์หรือวีดีโอที่มีการเคลื่อนไหวอย่างการดูสตรีมมิ่งวีดีโอผ่านแพลตฟอร์ม Netflix, Youtube และอื่น ๆ ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน 

ในขณะที่ด้านการประสิทธิภาพหรือการประมวลผลทำงานบนตัวเครื่องด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G ชิปประมวลผลรุ่นนี้ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิต 6นาโนเมตร และเป็นชิปตัวใหม่ของ Qualcomm ที่พึ่งจำหน่ายให้กับแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ตโฟน ได้นำมาใช้งานบนสมาร์ตโฟนของตัวเอง โดยจากการที่รันทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วย Antutu Benchmark พบว่า Redmi Note 11 Pro 5G สามารถทำคะแนนทดสอบไปได้ 394,094 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงอยู่นะสำหรับสมาร์ตโฟนราคาไม่เกินหมื่น

 

ส่วนประสบการณ์การเล่นเกมบนตัวเครื่อง ผมเทสด้วยเกม ROV ก็สามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูงได้ และเล่นได้ราบรื่น อาจมีกระตุกให้เห็นบ้างบางจังหวะตอน Fight ซึ่งเกิดอาการเฟรมเรทตกเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าเล่นได้สบาย สนุก และไม่หงุดหงิดจนอยากเปลี่ยนเครื่องเล่น

 

Redmi Note 11 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว Turbo Charge 67W ด้วย โดยจากที่ลองใช้งานสำหรับการใช้งานในหนึ่งวันส่วนตัวให้ "ผ่าน" ครับ โดยใช้งานตั้งแต่ตอนเช้าด้วยแบตเตอรี่ 100% ในระหว่างวันใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียล สลับฟังเพลงออนไลน์ และมีเล่นเกมสักตาสองตาประมาณ 30 นาที พอตอนค่ำแบตเตอรี่ก็จะเหลือประมาณ 30% กว่า ๆ ให้มีฟังเพลงหรือเล่นเกมระหว่างกลับบ้าน

ส่วนตัวก็ถือว่าโอเคเลย ในขณะที่การชาร์จพลังงานแบตเตอรี่กลับเข้าสู่ตัวเครื่องจาก 0 - 100% ชาร์จด้วยอแดปเตอร์และสายชาร์จที่ให้มาในกล่องจะใช้เวลาชาร์จประมาณ 30 - 40 นาที ก็เต็มพร้อมใช้งานแล้ว!

 

สุดท้ายสำหรับคีย์พอยต์สำคัญที่ทำให้หลายคนสนใจรุ่นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสเปกตัวเครื่อง ที่พอนำมาเปรียบเทียบกับราคาวางจำหน่ายแล้วเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล และออกไปในทางคุ้มค่าล้นราคาด้วยครับ เพราะปกติเราจะเห็นสมาร์ตโฟนสเปกแบบนี้ในราคาประมาณหมื่นกลาง ๆ ขึ้นไป เราลองมาดูสเปกตัวเครื่องของ Redmi Note 11 Pro 5G กันว่าทำไมผมถึงบอกว่า "สเปกล้นราคา" 

 

ส่วนราคาวางจำหน่าย ทาง Xiaomi ประเทศไทย วางจำหน่าย Redmi Note 11 Pro 5G ในราคา 10,990 บาท พร้อมสีตัวเครื่องให้เลือกสองสีคือ สีฟ้า Atlantic Blue และสีดำเทา Graphite Gray ใครที่สนใจก็สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง JD central, Lazada หรือ Shopee รวมไปถึงร้านค้าตัวแทนชั้นนำทั่วประเทศ

 

สำหรับผมเมื่อมองไปที่ฮาร์ดแวร์และราคาที่ทางเสียวมี่กำหนดมาบน Redmi Note 11 Pro 5G และลองหยิบคู่แข่งมาเทียบดูก็ยอมรับเลยว่า Xiaomi เขาใส่ของมาให้แน่นมาก ๆ ครับ ดังนั้นถ้าใครที่มองเรื่องของสเปกเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสมาร์ตโฟน และมีงบประมาณไม่เกินหมื่นบาท ผมก็ฟันธงให้เลยว่ารุ่นนี้คือ "ที่สุดของเรทราคานี้" แต่ถ้าใครที่มองภาพรวมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บริการหลังการขาย รวมถึงราคา ก็แนะนำว่าลองไปเล่นดูก่อนครับ เพราะความชอบของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน!