SAMSUNG GALAXY S22 ULTRA เป็นสมาร์ตโฟนที่ผมเชื่อว่าน่าจะมีแฟนบอยของซัมซุงหลายคนรอคอย กับการกลับมาอีกครั้งของ Note Series บนสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดของซัมซุงในเวลานี้ ซึ่งทางซัมซุงก็ยืนยันบนเวทีเปิดตัวว่า นี้คือสมาร์ตโฟนที่ "Power by Note Series" ซึ่งได้นำเอกลักษณ์ของ Note Series ทั้งในด้านงานออกแบบที่คุ้นเคย พร้อมกับปากกามหัศจรรย์ S Pen มาผนวกเข้ากับความเป็น S Series ที่เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงของแบรนด์ จนออกมาเป็น
"Galaxy S22 Ultra" ร่างฟิวชั่นที่สมบูรณ์ที่สุดของ Galaxy Device ในเวลานี้
โดยจุดเด่นของขุนพลรุ่นใหม่จากซัมซุงในรอบนี้ นอกจากเรื่องราวของ S Pen ที่หลายคนคิดถึงกลับมาอยู่ในตัวเครื่องอีกครั้งแล้ว ยังมีเรื่องของเทคโนโลยี AI ที่ทางซัมซุงนำไปใส่ไว้ในทุกส่วนบนตัวเครื่อง และกล้องถ่ายรูปที่ยังคงพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรุ่นที่แล้ว จนถูกชมว่าเป็นกล้องถ่ายรูปบนสมาร์ตโฟนที่ยืนหนึ่งไม่แพ้ใครในเวลานี้เลยทีเดียว รวมทั้งยังนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ซัมซุงนำโมเดลชิปประมวลผล Snapdragon มาวางจำหน่ายด้วย ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ตามไปลองสัมผัสกับร่างฟิวชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ S กับ Note series พร้อมกันได้ผ่านบทความรีวิวนี้ด้วยกันครับ
แกะกล่อง (UNBOX)
ตัวกล่องของ Samsung Galaxy S22 Ultra รอบนี้ยังคงมีขนาดเล็กกระชับเหมือนเดิม โดยด้านในกล่องทางซัมซุงใส่อุปกรณ์ใช้งานเบื้องต้นมาให้ด้วยกัน 3 อย่าง คือ สายชาร์จ USB-C to USB-C, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งานเริ่มต้น
สเปกตัวเครื่อง (Specification)
รายละเอียดสเปกตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S22 Ultra
- หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X แบบโค้ง ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 3080 x 1440 พิกเซล (Adaptive Refresh rate 120Hz)
- CPU Snapdragon 8 gen 1
- GPU Adreno 730
- RAM 12GB (LPDDR5x)
- ROM 256GB (UFS 3.1)
- Android OS 12 with One UI 4.1
- กล้องถ่ายรูป Quad camera ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 108MP (F1.8)
- กล้องเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 12MP
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP
- กล้อง Periscope ความละเอัียด 10MP
- กล้องหน้า ความละเอียด 40MP (F2.2)
- รองรับสแกนนิ้วมือ UltraSonic, Face Detection,
- รองรับเครือข่าย 5G
- รองรับเครือข่าย WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/6e
- Bluetooth 5.2
- มีปากกา S Pen ให้ในตัว
- กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh (รองรับชาร์จไว 45W)
- รองรับชาร์จไวแบบไร้สาย 15W
รอบตัวเครื่อง (Design)
Samsung Galaxy S22 Ultra มีดีไซน์ที่ถอด DNA มาจากพี่ Note Series รุ่นก่อนเลยก็ว่าได้ครับ โดยยังคงมาพร้อมแนวคิดงานออกแบบ "Symmetrical" เน้นความสมมาตรหรือการออกแบบที่ให้ทุกสัดส่วนสอดรับกับอย่างลงตัว พร้อมกับผสมผสานความเป็น S กับ Note เข้าไว้ด้วยกัน ตัวเครื่องมีขนาดกว้าง 77.9 x สูง 163.3 x หนา 8.9 มิลลิเมตร มีน้ำหนักตัวเครื่องรวม 229 กรัม
ด้านหน้านตัวเครื่องเป็นพื้นที่ของหน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X แบบโค้ง ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 3088x1440 พิกเซล มีค่า Refresh rate 120 เป็นแบบ Adaptive นะครับ โดยตัวซอฟต์แวร์จะทำการปรับค่ารีเฟรซเรตให้อัตโนมัติตั้งแต่ 1-120Hz ตามคอนเทนท์ที่เรากำลังใช้งาน มีค่าความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1750 nits และรองรับการแสดงผล HDR10+ นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังถูกครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus+ รุ่นล่าสุดของ Corning ด้วย
บริเวณกึ่งกลางหน้าจอด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 40MP พร้อมแถบเซ็นเซอร์ Proximity และลำโพงสนทนา
ในขณะที่ขอบตัวเครื่องทั้งหมดจะใช้วัสดุเป็น Aluminum ซึ่งทางซัมซุงเคลมว่ามีแข็งแร็งมาก ๆ และเมื่อขยับมาที่ด้านล่างตัวเครื่อง จากซ้ายไปขวาจะเป็นตำแหน่งของช่องปากกา S Pen, ลำโพงเสียง, พอร์ต USB-C และช่องถาดซิมการ์ด รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกัน (ไม่รองรับ MicroSD Card)
ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มกดปรับระดับเสียง เพิ่ม-ลด (Volume) และปุ่มกดเปิด-ปิดเครื่อง (Power)
ด้านหลังตัวเครื่องพื้นผิวฝาหลังจะเป็นกระจก ซึ่งทางซัมซุงใส่กระกันรอย Corning Gorilla Glass Victus+ แบบเดียวกับด้านหน้ามาให้เลย ในขณะที่หมุนซ้ายจะเป็นโซนของชุดกล้องถ่ายรูป โดยรอบนี้ใช้กล้องแบบ Quad camera มีกล้องหลักความละเอียดสูง 108MP ทำงานร่วมกับกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP, กล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP และกล้อง Periscope ความละเอียด 10MP ส่วนโมดูลอีกตัวที่คล้ายเลนส์กล้องจะเป็นเซ็นเซอร์ช่วยจับการโฟกัสภาพ Laser Focus
Android 12 with One UI 4.1
Galaxy S22 Ultra มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 12 ในตัวพร้อมกับ One UI ที่เป็นอินเทอร์เฟซของซัมซุงเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด 4.1 โดยรูปแบบการใช้งานและการจัดวางเมนูต่าง ๆ ยังคงเหมือนกับเวอร์ชั่นก่อนทั้งหมด จะแตกต่างในส่วนของงานดีไซน์ไอคอน แถบเมนู และรูปแบบการแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่มีการปรับให้เรียบง่ายดูสบายต่างยิ่งขึ้น ส่วนตัวคิดว่า One UI ของซัมซุงเป็นอินเทอร์เฟซของฝั่งแอนดรอยด์ที่ออกแบบได้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากที่สุดแล้วล่ะครับ สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ไม่ยากไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานใหม่ หรือย้ายค่ายมาจาก iOS ก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ง่าย ๆ เพราะทุกอย่างถูกจัดวางและออกแบบมาได้อย่างลงตัว
รวมทั้งยังได้รับความสามารถใหม่ของ Android 12 อย่าง Color reimagined หรือการปรับโทนสีของไอคอน แถบเมนูให้เข้ากับภาพพื้นหลัง, การแสดงไอคอนฮาร์ดแวร์ที่ถูกใช้งานอยู่ที่มุมขวาบน หรือการขออนุญาตเข้าถึง Location Service ของเจ้าของเครื่องก่อน ทั้งหมดที่ว่ามาอยู่บน Samsung Galaxy S22 Ultra ด้วยเช่นกันครับ
ประสิทธิภาพการทำงาน (Performance)
สำหรับประสิทธิภาพการทำงานของ Samsung Galaxy S22 Ultra รอบนี้ได้หัวใจหลักการทำงานเป็นชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 ที่หลายคนอยากเห็นในรุ่นที่วางขายในไทยมานาน รอบนี้ซัมซุงจัดให้เรียบร้อยแล้วนะครับ โดยจะทำงานร่วมกับ RAM LPDDR5x กับ ROM UFS 3.1 ซึ่งจากสเปกฮาร์ดแวร์ ก็สมกับการเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นท็อปของแบรนด์ ดังนั้นการประมวลผลทั้งในด้านเกม, กราฟฟิก หรือการใช้ทำงานต่าง ๆ ทำได้ทุกระดับการใช้งานตั้งแต่เบา ๆ ไปจนถึงระดับสูงเลยนั่นเอง
ส่วนเรื่องของความร้อนที่เกิดจากการทำงานของตัวชิปประมวลผล ซึ่งมีหลายคนกังวลว่า ร้อนไหม? ร้อนแค่ไหน? จากที่ได้ใช้งานมา 1 อาทิตย์ ก็ขอตอบยืนยันเลยว่า "ร้อนครับ" ร้อนแบบเกินคำว่า "อุ่น" มานิดหน่อย ความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เราถือถ้วยกาแฟร้อนจากร้านกาแฟชื่อดังประมาณนั้น และถ้าหากเปิดกล้องถ่ายรูปใช้งานติดต่อกันสัก 5 - 10 นาทีขึ้นไป ตัวเครื่องก็จะร้อนไวมาก ๆ แต่พอพักการใช้งาน ตัวเครื่องก็สามารถระบายความร้อนที่เกิดขึ้นได้ไวด้วยเช่นกัน ดังนั้นตอนใช้งานจริงปัญหาเรื่องความร้อนสำหรับตัวผมถือว่า ไม่ติดขัดหรือมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานเท่าไรนัก ยังอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ครับ
คะแนนทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชั่น Benchmark
- ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชั่น Antutu Benchmark ได้คะแนนรวม 897,816 คะแนน
- ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชั่น GeekBench ได้คะแนนทดสอบ Single Core 1194 คะแนน และ MultiCore 3136 คะแนน
- ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชั่น 3D Mark (Wild Life) ได้คะแนนรวม 9,063 คะแนน
- เช็คค่า DRM ด้วยแอปพลิเคชั่น DRM Info ผลคือ รองรับการแสดงผล HDR 10, HDR10+, Refresh rate สูงสุด 120Hz และมีระดับ Security Level 1
การกลับมาของปากกามหัศจรรย์ S Pen บน S Series ครั้งแรก
มากันที่จุดเด่นสำคัญของ Samsung Galaxy S22 Ultra ในครั้งนี้ กับการมาพร้อม "S Pen" ปากกามหัศจรรย์ของซัมซุงแบบ Built-in มาให้ในตัวเลย ปากกาสไตลัสที่เคยเป็นจิตวิญญาณของ Note Series ที่ครั้งนี้ถูกถ่ายทอด DNA ลงบน S Series เป็นครั้งแรก โดยมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติใหม่เพิ่มเติมเข้ามาจากตอน Galaxy Note 20 Ultra และ Galaxy S21 หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นความไวในการตอบสนองกับหน้าจอแสดงผลที่ทำได้เร็วขึ้น 3 เท่า, ลดค่าความหน่วงจาก 9ms ในรุ่นก่อนเหลือเพียง 2.8ms. เท่านั้น, การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์การเขียนด้วยปากกา S Pen ให้แม่นยำและรู้ใจยิ่งขึ้น
ในขณะที่ตัวปากกาวัสดุด้ามจับก็ให้ผิวสัมผัสดีขึ้น จับแล้วรู้สึกเหมือนจับยางซิลิโคนหน่อย ๆ ให้ความกระชับมือยิ่งขึ้น ที่หัวปากกาก็เขียนได้เนียนยิ่งขึ้น ตัวสปริงกดมีการตอบรับกับการกดขณะเขียนหรือวาดได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น และที่ช่องเสียบปากกา S Pen บนตัวเครื่อง ก็ได้รับการปรับปรุงให้สามารถเสียบปากกากลับคืนเข้าตัวเครื่องได้ทั้งสองด้านแล้ว (หน้า-หลัง)
สำหรับความสามารถหรือลูกเล่นของปากกา S Pen พื้นฐานมีลูกเล่นที่เหมือนกับ Note Series ที่ผ่านมาทั้งหมดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Screen of memo การจดบันทึกได้ทันทีบนหน้าจอหลังดึงปากกาออกมาจากตัวเครื่อง หรือจะเป็นการจด แก้ไข แต่งเติมไฟล์เอกสารต่าง ๆ รวมถึง PDF ไฟล์บน Samsung Note ที่เป็นคีย์ไฮไลต์ของซีรีย์นี้ก็ยังคงสามารถทำได้เหมือนเดิม
ลูกเล่นที่น่าสนใจของปากกา S Pen
- เขียนลื่นเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น | ปากกา S Pen บน Samsung Galaxy S22 Ultra สามารถเขียนหรือวาดได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น จากการปรับปรุงเรื่องค่าความหน่วงที่เหลือเพียง 2.8ms. การเพิ่มการอัตราความไวในการตอบสนองขณะใช้งานบนหน้าจอมากขึ้น 3 เท่า รวมทั้งการปรับปรุงด้านกายภาพที่ตัวปากกาไล่ตั้งแต่วัสดุของปากกาที่กระชับมากขึ้น, หัวปากกาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและรองรับแรงกดได้เป็นธรรมชาติขึ้น ทำให้ภาพรวมปากกา S Pen บน Galaxy S22 Ultra ใช้งานได้เป็นธรรมชาติและเขียนสนุก แต่ถ้าเมื่อเทียบกับ Note 20 Ultra ส่วนตัวผมในด้านของฟิลลิ่งการเขียนหรือการวาดถ้าไม่ได้ตั้งใจจับผิดจริง ๆ ก็อาจจะรู้สึกถึงความแตกต่างไม่มากนัก
- แปลภาษา | เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ผมว่ามีประโยชน์ไม่น้อยอยู่เหมือนกันนะครับ สำหรับคนที่ชอบอ่าน Text หรือบทความต่าง ๆ แล้วเจอคำหรือข้อความที่จำคำแปลไม่ได้ ปัญหานี้ก็จะหมดไปเลย แค่เอา S Pen ไปจ่อไว้แค่นั้นเอง
- สั่งการระยะไกล | ลูกเล่นที่สืบทอดมาจาก Note Series รุ่นก่อน ๆ กับการใช้ S Pen เป็นรีโมทในการสั่งการถ่ายรูปด้วยท่าทางต่าง ๆ ในรุ่นนี้ก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเดิมนะ ไม่ว่าจะใช้เป็นชัตเตอร์ถ่ายรูป, การซูมภาพเข้า-ออก หรือสลับกล้องหน้ากับกล้องหลังก็ทำได้เหมือนเดิมครับ
- เลือกอัจฉริยะ | เป็นการเลือกครอปภาพที่เราไปเจอบนเว็บไซต์แล้วสนใจเก็บไว้ เพื่อใช้ร่วมกับ S Note หรือแชร์ให้กับเพื่อน ๆ ในโซเชียลมีเดียในภายหลัง เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมชอบนะ มีประโยชน์มาก ๆ เวลาใช้คิดไอเดียทำงาน
- แปลงลายมือเป็น Text | อีกหนึ่งลูกเล่นที่อยู่คู่กับปากกา S Pen มาอย่างยาวนาน กับการเปลี่ยนลายมือให้กลายเป็นตัว Text เพื่อนำไปใช้งานต่อ บนรุ่นนี้ก็ยังสามารถทำได้อยู่น้า
กล่องถ่ายรูปเก่งขึ้น AI ฉลาดขึ้น และถ่ายสนุก
มากันที่เรื่องของการถ่ายภาพกันบ้างครับ สำหรับกล้องถ่ายรูปของ Samsung Galaxy S22 Ultra รอบนี้มาพร้อมกล้อง Quad camera ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 108MP (F1.8) , กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra wide) ความละเอียด 12MP (F2.2), กล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP (F2.4) รองรับการซูมภาพ optical Zoom 3X และกล้อง Periscope ความละเอียด 10MP (F4.9) รองรับการซูมภาพแบบ Optical Zoom 10X โดยที่กระจกเลนส์ทุกตัวของกล้องถ่ายรูปทางซัมซุงจะเคลือบสารนาโนพิเศษไว้ด้วย เพื่อช่วยลดอาการเกิดเลนส์แฟลร์ขณะถ่ายภาพ ส่วนผลงานหลังกล้องเป็นอย่างไรบ้าง อยากให้ทุกคนลองไปพิจารณาจากภาพตัวอย่างด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ภาพตัวอย่างจากกล้องของ Samsung Galaxy S22 Ultra
ภาพถ่ายระยะซูมต่าง ๆ จากกล้อง Samsung Galaxy S22 Ultra
กล้องหน้าความละเอียด 40MP ของ Samsung Galaxy S22 Ultra
กล้องหน้าของ Samsung Galaxy S22 Ultra มาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องถ่ายรูปขนาด 1/2.82" ตัวเม็ดพิกเซลมีขนาด 0.7 μm และมีความละเอียด 40MP (F2.2) ใช้ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF รองรับการบันทึกภาพวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K @60FPS ส่วนผลงานหลังกล้องเป็นอย่างไร ไปชมภาพตัวอย่างด้านล่างได้เลยครับ
ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้าความละเอียด 40MP บน Samsung Galaxy S22 Ultra
บทสรุป : Galaxy Note Series ในชื่อใหม่ กับความลงตัวครั้งใหม่
มาถึงบทสรุปส่งท้ายกันแล้ว สำหรับตัวผมมองว่า Samsung Galaxy S22 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนที่มีความเก่งรอบด้านตามสไตล์ของสมาร์ตโฟนเรือธงของแบรนด์ ส่วนด้านกล้องก็พัฒนาขึ้นจาก Galaxy S21 Series ในเรื่องความฉลาดของ AI และการปรับค่าการถ่ายภาพที่ทำได้ดีขึ้น รวมถึงการถ่ายภาพระยะไกลที่เป็นจุดเด่นชัดเจนมาก ๆ ถึงการเปลี่ยนแปลง และเมื่อได้จุดเด่นจากปากกา S Pen ที่เป็น Exclusive ไอเท็มหนึ่งเดียวที่จะพบได้บนสมาร์ตโฟนซัมซุงด้วยแล้ว ยิ่งทำให้กลายเป็นสมาร์ตโฟนที่สมบูรณ์แบบมาก ๆ จนสมารถตอบรับทุกความต้องการใช้งานของผู้ใช้ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว และตอบรับได้ทุกโจทย์ความต้องการเท่าที่สมาร์ตโฟนดีๆ เครื่องหนึ่งจะให้ได้
ไม่ว่าจะนำไปใช้ทำงานทั้งในองค์กรหรืองานส่วนตัว ใช้เก็บภาพความทรงจำขณะเดินทางหรือทำกิจกรรมส่วนตัวกับครอบครัว หรือแม้แต่จะนำไปใช้ทำงานสายครีเอเตอร์เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนท์ก็สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ต้นน้ำในการดราฟไอเดียไปจนสร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นคลิปวีดีโอ Galaxy S22 Ultra ก็สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างลงตัวเลยล่ะครับ
เมื่อผสมผสานเข้ากับความตั้งใจในการดูแลลูกค้าของซัมซุงด้วยบริการหลังการขายอย่าง การการันตีอัปเดท OS ยาวนานถึง 4 ปี และแพทความปลอดภัยอีก 5 ปี ด้วยแล้ว จึงทำให้ Galaxy S22 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนที่มีความ "ยอดเยี่ยม" น่าใช้ และยืนหนึ่งในตัวเลือกของตลาดมือถือเรือธงฝั่งแอนดรอยด์เลยก็ว่าได้ครับ แถมยังช่วยลบภาพลักษณ์ในด้านของอายุการใช้งานบนสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ที่มักถูกมองว่ามีอายุการใช้งานสั้นไปได้พอสมควร
ส่วนคำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยว่า "ควรเปลี่ยนไปใช้ Samsung Galaxy S22 Ultra ดีไหม?" ส่วนตัวผมแนะนำแบบนี้ครับว่า สำหรับคนที่จะย้ายข้ามจาก iOS มา สิ่งแรกที่คุณต้องทำให้ได้ก่อนเลยก็คือ การเปิดใจยอมรับและไม่ยึดติดกับ Ecosystem ของ Apple ชนิดที่นำทุกอย่างจาก iOS มาเทียบทุกการใช้งานเลย เพราะต้องเข้าใจก่อนว่าคุณกำลังจะย้ายข้าม OS ดังนั้นการที่สไตล์การใช้งานทุกอย่างจะเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ยากนะครับ ซึ่งถ้าคุณเปิดใจในเรื่องนี้ได้รับรองว่าคุณจะได้สนุกไปกับทุก ๆ ความสามารถของสมาร์ตโฟนเครื่องนี้แน่นอนครับ
ส่วนฝั่งของ Android OS ถ้าใครมาจากซัมซุงอยู่แล้ว ผมก็แนะนำว่านี้เป็นสมาร์ตโฟนที่ควรมีไว้ครอบครองอย่างแน่นอน และไม่ต้องคิดเยอะเลย เพราะนี้คือสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดจากซัมซุงในเวลานี้ ส่วนถ้าใครใช้รุ่นอื่นอยู่ผมแนะนำลองถามใจตัวเองดูก่อนว่า ชอบ UI และเอกลักษณ์ของแบรนด์ซัมซุงที่อาจไม่ได้มีความอินดี้อะไรมากนักมากแค่ไหน ซึ่งถ้าไม่ติดเรื่องนี้ ก็อยากแนะนำให้ลองไปสัมผัสสมาร์ตโฟนที่มีความครบเครื่องที่สุดของฝั่งแอนดรอยด์ในเวลานี้ครับ แล้วคุณอาจจะหลงรักโดยไม่รู้ตัว
ป้ายยากันมาพอแล้ว ก็เอาเป็นว่าสำหรับใครที่สนใจ
Samsung Galaxy S22 Ultra ตอนนี้ทางซัมซุงเปิดวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ
- รุ่น RAM 8GB | ROM 128GB : ราคา 39,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB | ROM 256GB : ราคา 43,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB | ROM 512GB : ราคา 47,900 บาท
สามารถไปจับจองกันได้ผ่านช่องทางออนไลน์ Samsung Official Store online | Lazada | Shopee และร้านค้าตัวแทนชั้นนำทั่วประเทศ