"ญี่ปุ่น" เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ปักหมุดว่าต้องเดินทางไปเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ด้วยความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แทรกซึมอยู่ในทุกท่วงทำนองของการใช้ชีวิต จนทำให้เราสามารถกำหนดภาพหลาย ๆ อย่างขึ้นมาได้ โดยที่พูดไปแล้วทุกคนก็เข้าใจตรงกันเป็นอย่างดี อย่างเช่น 'เดินเหมือนคนญี่ปุ่น' เราก็จะนึกลักษณะท่าทางการเดินนั้น ๆ ออกได้อย่างไม่ต้องสงสัย หรือจะเป็น 'แต่งตัวน่ารักเหมือนสาวญี่ปุ่น' แน่นอนว่าเราจะรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าการแต่งตัวสไตล์นี้เป็นแบบที่คนญี่ปุ่นนิยมสวมใส่ และที่สำคัญคือมันมีความโดดเด่น ไม่เหมือนใคร จนทำให้เราจดจำได้นั่นเอง
ด้วยความติ่งญี่ปุ่นขั้นสุดที่ชื่นชอบทั้งวัฒนธรรม วิถีชีวิต ภาษา อาหาร เทคโนโลยี เกม ซีรีส์ เพลง ฯลฯ วันนี้จึงขอมาเอาใจคนมีเสียงดนตรีในหัวใจทุกท่าน ไปกับ 6 เพลงญี่ปุ่นชื่อดัง หลากแนว หลายอารมณ์ (ในเพลย์ลิสต์ส่วนตัวของเจนเอง) มาแนะนำให้ลองฟังกัน ถ้าถูกใจก็เอาเก็บใส่เพลย์ลิสต์ไว้ฟังกันเพลิน ๆ ได้เลยนะ
ซึ่งครั้งนี้ก็ได้มีโอกาสทดลองฟังผ่าน "SAMSUNG Galaxy Buds2" หูฟังไร้สายอัจฉริยะ สีหวาน ดีไซน์คิ้วท์ ๆ ที่ทาง ซัมซุง Thailand ส่งมาให้ทดลองใช้ค่ะ
ทำความรู้จัก SAMSUNG Galaxy Buds2 ก่อนไปฟังเพลงสักหน่อย!
Galaxy Buds2 หูฟังไร้สายอัจฉริยะจาก SAMSUNG ที่มาในตลับเคสใส่หูฟังทรงสี่เหลี่ยมโค้งมน ขนาดเล็ก น่ารัก ๆ น้ำหนักเบา เหมือนตลับเครื่องสำอางค์ สำหรับดีไซน์นี้ส่วนตัวมองว่าผู้หญิงน่าจะโดนตกกันเรียบ ส่วนผู้ชายก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้นะคะ ถ้าใครคิดภาพไม่ออก กลัวว่าผู้ชายถือใช้อาจจะดูคิ้วท์จนเกินไป ทาง ซัมซุง ก็เลยตัดข้อกังขาทั้งหลายให้ ด้วยการจับเอาหนุ่ม ๆ สุดฮอต บังทัน (BTS) มาร่วมพรีเซนต์ให้เห็นกันแบบจะ ๆ ไปเลยว่าจะสไตล์ไหนก็เอาอยู่!
ซึ่งถ้าใครสนใจอยากรู้ประสิทธิภาพการขับพลังเสียงเพิ่มเติม เสียงดี ไม่ดี รวมไปถึงวิธีการใช้งาน ยาก-ง่าย แค่ไหน เจนเขียนสรุปพร้อมแปะรายละเอียดสเปกเพิ่มเติมไว้ให้ในช่วงท้ายของบทความนะคะ
1. Lemon - Yonezu Kenshi / 米津玄師
"Lemon" เป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตของศิลปินหนุ่มมากฝีมือ 'โยเนสึ เคนชิ' (Yonezu Kenshi) ที่โด่งดังมาก ๆ ทั้งในญี่ปุ่นเองและนอกญี่ปุ่น ซึ่งสำหรับในประเทศไทย คนที่ติดตามก็น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะเพลงนี้ การันตีความฮอตด้วยการขึ้นอันดับหนึ่ง Song of the Year บนชาร์ต Billboard Japan ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน (2018 และ 2019) กับเนื้อเพลงความหมายหน่วง ๆ เกี่ยวกับการสูญเสีย การจากลา จากบุคคลอันเป็นที่รัก และแม้จะแปลความไม่ออก แต่เชื่อว่าใครที่ได้ฟังจะสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดลึก ๆ ที่ฝังอยู่ภายในท่วงทำนองของเพลงนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ Lemon ยังเป็นเพลงประกอบซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนเรื่อง 'Unnatural' ที่ออกอากาศทางช่อง TBS อีกด้วย เพลงที่ว่ากันว่าทำให้เรารู้สึกถึงรสขมของเลมอนที่ยังฝังติดอยู่ในใจจะเป็นยังไง ลองกดฟังผ่านลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
2. Pretender - Official HIGE DANdism
เป็นอีกหนึ่งเพลงญี่ปุ่นที่ดังมาก ๆ เลยค่ะ สำหรับ "Pretender" เป็นเพลงของวงดนตรีที่มีชื่อว่า Official髭男dism หรือ Offical HIGE DANdism ซึ่งนอกจากชื่อวงจะดูแปลกไม่เหมือนใครแล้ว ยังยาวแปลกอีกต่างหาก เลยมีชื่อย่อที่คนญี่ปุ่นเรียกกันสั้น ๆ ว่า HIGE DAN ( ฮิเกะดัน) พอเป็นแบบนี้ ก็ค่อยออกเสียงเข้าปากหน่อย ถือเป็นวงดนตรีที่โด่งดังมากในประเทศญี่ปุ่น ด้วยแนวเพลงที่หลากหลาย เน้นความโดดเด่นของเครื่องดนตรีอย่างเปียโนเป็นหลัก บวกกับเนื้อหาและซาวน์เพลงที่ฟังกี่ทีก็ไม่เบื่อ เรียกได้ว่าปล่อยเพลงไหนออกมา ก็จ่อคิวขึ้นชาร์ต ติดอันดับไปซะเกือบหมด
"Pretender" เป็นเพลงของคนอกหัก ที่ผสมผสานระหว่างความเป็น POP และ ROCK ได้อย่างลงตัว ด้วยจังหวะที่ไม่เร็วไม่ช้า ทำให้คนที่อยู่ในห้วงของรักไม่สมหวัง ไม่ถึงขนาดกับร้องไห้ฟูมฟาย แต่น่าจะหน่วง ๆ กำลังดี
หลังจากหาข้อมูลคร่าว ๆ ทำให้รู้ว่า Pretender ติดชาร์ตเยอะมากกกก โดยติดอันดับ 1 บน Billboard Japan 7 สัปดาห์ซ้อน, อันดับ 1 เพลงที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุด ใน Oricon Chart 20 สัปดาห์ซ้อน, เพลงที่ถูกฟังมากที่สุดใน Spotify ญี่ปุ่น ปี 2019 และยังได้รับรางวัลเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีจาก MTV อีกด้วย ซึ่งหลังจากที่ได้ฟังเองแล้วก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยค่ะ มันดีจนต้องเก็บลงเพลย์ลิสต์ส่วนตัวไว้ฟังซ้ำ ๆ ลองไปฟังกันดูนะ
ศิลปิน : Official HIGE DANdism
อัลบั้ม : Traveler
ฟังเพลงผ่าน Youtube |
Spotify
3. たぶん (Probably) - YOASOBI
เพลง POP ใส ๆ ทำนองน่ารัก ดนตรีฟังสบาย ของศิลปินดูโอ้ YOASOBI กับเพลงที่มีชื่อว่า "たぶん" (Tabun) หรือ Probably ซึ่งเนื้อหาเพลงไม่ได้จะสดใสเหมือนทำนองเพลง สำหรับคนที่ฟังแล้วแปลไม่ออกอย่างเรา ๆ ก็อาจจะรู้สึกตรงกันข้ามกับความเศร้า ถ้าไปลองหาความหมายดูก็จะรู้ว่านี่มันเป็นเพลงที่เกี่ยวกับการเลิกรากัน
たぶん (Tabun) เป็นเพลงฮิตติดชาร์ต (อีกแล้ว) ที่โด่งดังมาพักใหญ่แล้ว ส่วนตัวได้ยินครั้งแรกตอนเปิดเข้าไปดูวิดีโอใน Tiktok ซึ่งจังหวะเพลงมันทำให้เราสะดุดแและฟังติดหูมาก ๆ จนต้องไปหาเพลงเต็มมาฟังดู พอได้ฟังแล้วก็ติดไปเลย แถมพอกดไปลองฟัง Track อื่น ก็ได้ลิสต์เพลงใหม่ออกมาอีกเพียบ เอาเป็นว่าใครฟัง たぶん แล้วชอบ แนะนำให้ฟังทุกเพลงของ YOASOBI เลยค่ะ ถูกใจแน่นอน!
4. 瞳の住人 (Hitomi no Jyuunin) - L'Arc-en-Ciel
瞳の住人 (Hitomi no Jyuunin) เพลงช้าซึ้ง ๆ กรุ่นกลิ่นอายความเศร้าเคล้าความงดงาม จากวงดนตรี J-Rock ระดับตำนานอย่าง "L'arc-en-Ceil" หรือ ลาร์คอองเซียล ที่โด่งดังมาก ๆ ในช่วงยุค 90 ทั้งในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงในบ้านเราและหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งด้วยเอกลักษณ์ทั้งแนวดนตรี (ไลน์เบสของวงนี้จะเด่นมาก ๆ) บวกกับแนวเพลงที่มีความทันสมัย สไตล์การแต่งตัวของสมาชิกในวง และเสียงร้องของป๋าไฮด์ (HYDE) นักร้องนำ เป็นส่วนผสมที่ลงตัว จึงทำให้หลาย ๆ เพลงของ L'arc ที่แม้จะปล่อยมานานมากแล้ว แต่ก็ยังคงติดหูและได้รับความนิยมอยู่จนถึงทุกวันนี้
และสำหรับเพลง 瞳の住人 (Hitomi no Jyuunin) เป็นหนึ่งในเพลงช้าที่เจนชอบที่สุดของวงนี้เลยค่ะ ซึ่งจริง ๆ ต้องบอกว่าชอบเกือบจะทุกเพลงเลยแหละ แต่ที่เลือกเอามาแนะนำ... ก็ต้องเล่าเท้าความไปว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่ได้มีโอกาสฟังแบบสด ๆ ในคอนเสิร์ต World Tour เมื่อปี 2012 ของ L'arc-en-Ceil ที่กรุงเทพฯ (ขิงเบา ๆ ว่าได้ไปดูมาด้วยนะ) ก็เลยประทับใจเอามาก ๆ ถึงขั้นกลับบ้านมาเปิดวนฟังอยู่หลายเดือนเลย
5. HAPPY BIRTHDAY - back number
back number เป็นศิลปินที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยฟังผลงานผ่านหูมาก่อนเลย และสำหรับ "HAPPY BIRTHDAY" เป็นเพลงแรกที่ได้ฟังด้วยความบังเอิญ เพราะเป็นเพลงประกอบซีรีส์ 初めて恋をした日に読む話 (Hajimete Koi wo Shita Hi ni Yomu Hanashi) หรือชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ A Story to Read When You First Fall in Love ที่กำลังดูอยู่ในตอนนั้น จังหวะที่เพลงขึ้นมา คือเราสามารถสัมผัสถึงอารมณ์ความเศร้าของเพลงได้ แม้จะแปลไม่ออก เอาเป็นว่าเพลงดีมากกกก จนทำให้เราเกิดความใคร่รู้ในเนื้อหา ต้องไปค้นหาความหมายมาดู ตอนฟังเฉย ๆ ว่าชอบแล้ว พอรู้ความหมายยิ่งชอบมากกว่าเดิมอีก ทั้งเสียงนักร้องและดนตรีกินใจ หลังจากฟังเพลงนี้แล้วก็กลายเป็นสาวก back number ไปโดยปริยาย ออกตัวเลยว่าชอบเพลงของวงนี้ทุกเพลงค่ะ
6. 道 (Michi) - EXILE
EXILE ถือได้ว่าเป็นวงดนตรี Top Artist ของประเทศญี่ปุ่น และประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ที่นำเสนอแนวเพลงในรูปแบบการผสมผสานระหว่างการร้องและเต้น ซึ่งถ้าใครได้เคยเปิดดูวิดีโอก็จะเจอกับการเต้นเป็นแบ็กเหมือนแดนเซอร์ (Performer) และนักร้อง (Vocalists) ของวง ซึ่งสมาชิกทั้งหมดเป็นชายหนุ่มมาดเข้ม หน้าตาดุดัน 10 กว่าชีวิต ที่ใช้ชื่อในนาม EXILE ค่ะ ประวัติวงจะค่อนข้างซับซ้อนและมีการเปลี่ยนตัวสมาชิกอยู่เรื่อย ๆ แถมช่วงหลังยังมีการคัดเลือก แข่งขัน และเดบิวต์แตกออกมาเป็น Generation ใหม่ ๆ ซึ่งตามอัปเดตไม่ค่อยจะทันแล้วเหมือนกัน
ต้องบอกว่า EXILE เป็นวงที่มากับคุณภาพล้วน ๆ เพราะแม้จะมากับภาพลักษณ์แบบดิบโหด แต่ทั้งฝีมือการร้องและการเต้นที่ติดตาตรึงใจ เรียกว่าจะ 'ฟัง' หรือ 'ดู' ก็สุดยอดทุกทาง! สำหรับ 道 (Michi) เป็นเพลงช้าเศร้า ๆ ที่พูดถึงการจากลา เป็นการจากลาที่ทำให้เราต้องร้องไห้เสียน้ำตา แต่หลังจากนั้นก็ต้องเชิดหน้าแล้วเริ่มต้นใหม่ ที่ญี่ปุ่นจึงมักจะนำไปใช้ในช่วงจบการศึกษา เพื่อสื่อถึงมิตรภาพและการแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตหลังจากเรียนจบแล้ว
ทำนอง ความหมาย และเสน่ห์เสียงร้องเกินต้านทานของ อัตสึชิ หรือ EXILE Atsushi ในเพลง เจนจัดให้เพลงนี้เป็นเบอร์หนึ่งที่ชอบที่สุดในบรรดาลิสต์เพลงทั้งหมดของตัวเองเลยค่ะ
และนี่คือทั้ง 6 เพลงญี่ปุ่นในเพลย์ลิสต์ที่เอามาแนะนำให้ลองฟังกัน ใครฟังแล้วถูกใจเพลงไหนก็ Save Favourite เก็บใส่เพย์ลิสต์ไว้ฟัง ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่ชื่นชอบแนวเพลงหรือศิลปินกลุ่มไหน/ท่านไหน อยากฟังเพลงอื่น ๆ ก็ลองเอาชื่อไปเซิร์จหาฟังเพิ่มเติมกันได้เลยนะคะ
และในครั้งนี้ เจนยังได้ทดลองฟังทั้ง 6 เพลง ผ่านหูฟังไร้สาย SAMSUNG Galaxy Buds2 ด้วย เลยขอมาบอกเล่าประสิทธิภาพและวิธีการใช้งานให้อ่านกันสักเล็กน้อย สำหรับคนที่อาจจะกำลังมองหาหูฟังอันใหม่ไว้ใช้งานอยู่ หรือบังเอิญมีรุ่นนี้อยู่ในลิสต์ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ มีจุดเด่นจุดสังเกตุอะไรบ้าง สรุปมาให้แล้วค่ะ
SAMSUNG Galaxy Buds2 มาพร้อมคำนิยาม "คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ตัดเสียงรบกวนถึง 98%" ซึ่งก็ดูจะไม่ได้เป็นคำที่สร้างขึ้นมาเกินจริงเลยค่ะ ต้องเกริ่นก่อนว่าเจนมีปัญหาเกี่ยวกับหูเล็กน้อย ช่วงหลังจึงเน้นการฟังเพลง ฟังเสียงต่าง ๆ ผ่านทางลำโพง และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้หูฟัง เพราะเคยลองใส่แล้วรู้สึกเจ็บ ก็เลยคิดว่าขอห่างกันสักพักกับหูฟังแบบ In-ear จะดีกว่า ดังนั้น การมาทดสอบฟัง 6 เพลงญี่ปุ่นแนะนำด้านบนนี้ จึงเป็นเหมือนการลองของครั้งใหญ่ ที่อยากมาแชร์ให้ฟังกันค่ะ
เริ่มต้นที่การเชื่อมต่อ ตรงจุดนี้ต้องขอยกนิ้วให้ เพราะ
SAMSUNG Galaxy Buds2 เชื่อมต่อง่ายมากกก (ก ไก่ ล้านตัว) เพราะแค่เปิดฝาเคส ก็จะมี Pop-up เด้งขึ้นมาให้เชื่อมต่อได้เลย หรือสำหรับการจับคู่กับอุปกรณ์เป็นครั้งแรก ถ้าหูฟังไม่มี Pop-up เด้งขึ้นมาให้เชื่อมต่ออัตโนมัติ ให้วางหูฟังลงในเคส แล้วใช้นิ้วแตะที่หูฟังทั้ง 2 ข้าง ค้างไว้ 3 วินาที จนกระทั่งไฟเริ่มกระพริบเป็นแดงและเขียวก็ได้แล้วค่ะ ความสะดวกยังไม่ได้หยุดแค่ที่เชื่อมต่อง่ายเท่านั้น Galaxy Buds2 ยังสามารถใช้งานร่วมกับทุกระบบปฏิบัติการที่รองรับ ทั้งอุปกรณ์ Android, iOS รวมไปถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Windows, MacOS ที่ต่อง่ายจนงงว่านี่ตัวเองไปอยู่ที่ไหนมา เพราะหูฟังก่อน ๆ ที่เคยใช้มา ต่อยากมาก ยากจนบางครั้งทำให้ประสาทเสียไปเลย เอาเป็นว่าสำหรับเจ้าหูฟังรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์เรื่องการเชื่อมต่อแล้วเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าจะให้ดี ก็ใช้ร่วมกับสมาร์ตโฟน SAMSUNG Galaxy ไปเลย เวิร์กสุด ๆ โดยสำหรับ Android จะใช้งานคู่กับแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ซึ่งรอบนี้ได้เทสต์กับ
Galaxy Z Flip3 5G เรียกได้ว่าเข้าขาลงตัว ทั้งรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและประสิทธิภาพของทั้งคู่ ส่วน iOS สามารถใช้งานคู่กับแอปพลิเคชัน SAMSUNG Galaxy Buds ได้ค่ะ ซึ่งตัว iOS นี้เจนไม่ได้ทดลองใช้ผ่านแอปฯ นะ แต่เชื่อมต่อแล้วทดลองฟังเสียงเลย
สำหรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ข้อดีคือทำให้เราสามารถเลือกปรับตั้งค่าอีควอไลเซอร์ตามความชื่นชอบได้ถึง 6 แบบ, ปรับการควบคุมเสียงที่สามารถเลือกรับฟังหรือตัดเสียงรบกวนภายนอกก็ได้, ปรับการควบคุมการแตะที่ตัวหูฟัง รวมไปถึงการค้นหาหูฟังและการอัปเดตซอฟท์แวร์ ที่บนแอปพลิเคชันจะมีให้จัดการได้ละเอียดยิ่งขึ้น
ทางด้านของประสิทธิภาพการใช้งาน Galaxy Buds2 ได้รับการจูนเสียงโดย AKG ดังนั้นคุณภาพของการขับเสียงทำได้ดีแน่นอน จากการทดลองใช้งานให้คะแนน 8.5/10 ไปเลย โดยส่วนตัวแล้วเป็นแนวเสียงที่ชอบ เบสได้ไดนามิก เสียงใส ชัดเจน เก็บรายละเอียดของชิ้นดนตรีได้ดี ฟังเพลิน และฟังได้เรื่อย ๆ เหมาะกับการใช้ฟังทุกแนวเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชอบฟังเพลงเบา ๆ แนวสบาย ๆ ชอบกันแน่นอนค่ะ ส่วนเพลงร็อคหนัก ๆ เมทัล หรือเพลงบู๊ ๆ ฮึกเหิม ก็อาจจะฟังไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่
ส่วนการแตะสั่งการที่ตัวหูฟัง สามารถรับคำสั่งได้แม่นยำดีมาก เพราะจากปกติที่เคยใช้งานหูฟังมา เจนมักจะประสบกับปัญหา เช่น แตะให้เพลงหยุดแล้วไม่หยุด หรือแตะเพื่อสั่งให้เปลี่ยนเพลง เพลงก็ไม่ยอมเปลี่ยน เป็นต้น ซึ่งบางครั้งก็ต้องแตะย้ำบ่อย ๆ ทำให้คำสั่งคลาดเคลื่อนไปอยู่บ่อยครั้ง สร้างความรำคาญใจให้อยู่บ่อย ๆ จนถึงกับเปลี่ยนมาใช้หูฟังแบบมีสายและควบคุมการสั่งการบนสมาร์ตโฟนแทน ทั้งนี้ สำหรับ SAMSAUNG Galaxy Buds2 ไม่ได้เป็นแบบนั้น จึงทำให้ค่อนข้างประทับใจในจุดนี้พอสมควรเลย
หูฟังไร้สาย SAMSUNG Galaxy Buds2 มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Canceling หรือ ANC) ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้มากถึง 98% ทำให้เราอินไปกับเพลงโปรดได้ในทุกช่วงเวลาที่ต้องการ แต่ถ้ากำลังจะข้ามถนน แนะนำให้เปิดเป็นโหมดรับเสียงรอบข้างก่อนนะคะ เพราะจากที่เทสต์มาคือไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลยค่ะ เปิดเอาไว้ฟังเสียงแตรรถสักหน่อย แล้วค่อยเปลี่ยนกลับมาเป็นตัดเสียงตามปกติจะปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่าค่ะ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเปิดใช้โหมด Ambient Sound เพื่อรับฟังเสียงรอบข้าง (ปรับได้ 3 ระดับ) ดูแล้วเหมาะใช้ตอนนั่งทำงานแล้วเกิดอยากรู้ว่าใครแอบนินทาเราหรือเปล่าดีค่ะ (555)
ทางด้านพลังงานแบตเตอรี่ก็ใช้ได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ซึ่งทางแบรนด์เคลมไว้ว่าสามารถเล่นเพลงได้นานถึง 29 ชั่วโมง (เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จไฟและปิดโหมด ANC) และเล่นเพลงได้นานถึง 7.5 ชั่วโมง (เมื่อปิดโหมด ANC) และเมื่อชาร์จเพียง 5 นาที ยังสามารถใช้งานได้นานถึง 60 นาทีอีกด้วย ซึ่งระหว่างทดสอบการใช้งานเจนไม่ได้ใช้ต่อเนื่องขนาดนั้น แต่จะเปิดใช้วันละประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง เป็นเวลาประมาณ 4 วัน ไม่ติดต่อกัน ซึ่งบางวันก็มีไม่ได้เปิดใช้งานเหมือนกัน พอนำมาเปิดใช้งานอีกครั้งคือแบตเตอรี่ยังเหลือเพียงพอให้ใช้งานต่อได้
สำหรับ SAMSUNG Galaxy Buds2 เมื่อซื้อมาใช้งาน ในกล่องจะได้รับเป็น หูฟัง Galaxy Buds2 จำนวน 1 คู่, เคสชาร์จ, จุกหูฟังซิลิโคนสำหรับเปลี่ยน 3 ขนาด (Small, Medium, Large), สายชาร์จ USB-C, คู่มือการใช้งานและใบรับประกันสินค้า
SAMSUNG Galaxy Buds2 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 3,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สี Graphite, สี Olive และสี Lavender มาพร้อมโปรโมชันผ่อน 0% นาน 4 เดือน คำนวนเฉลี่ยตกเดือนละ 998 บาท ใครสนใจสามารถตามไปซื้อได้ที่ Samsung Experience Store, Samsung.com และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศค่ะ
รายละเอียดสเปกของหูฟัง SAMSUNG Galaxy Buds2
- ขนาด :
-- หูฟัง กว้าง 17.0 x ยาว 20.9 x สูง 21.1 มิลลิเมตร
-- เคสชาร์จ กว้าง 50 x ยาว 27.8 x สูง 50.2 มิลลิเมตร - น้ำหนัก :
-- หูฟัง 5 กรัม
-- เคสชาร์จ 41.2 กรัม - ลำโพง : 2 ทิศทาง (Woofer + Tweeter)
- ไมโครโฟน : ไมโครโฟน 3 ตัว (ด้านนอก 2 ตัว + ด้านใน 1 ตัว) + Voice Pickup Unit
- ความจุแบตเตอรี่ :
-- หูฟัง 61 mAh
-- เคสชาร์จ 472 mAh - ระยะเวลาเล่นเพลง :
-- สูงสุด 5 ชั่วโมง / รวมเคสชาร์จสูงสุด 20 ชั่วโมง (เมื่อเปิด ANC)
-- สูงสุด 7.5 ชั่วโมง / รวมเคสชาร์จสูงสุด 29 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC) - ระยะเวลาพูดคุย :
-- สูงสุด 3.5 ชั่วโมง / รวมเคสชาร์จสูงสุด 13 ชั่วโมง (เมื่อเปิด ANC)
-- สูงสุด 3.5 ชั่วโมง / รวมเคสชาร์จสูงสุด 14 ชั่วโมง (เมื่อปิด ANC) - การชาร์จ :
-- รองรับการชาร์จไร้สาย Qi-certified
-- ชาร์จเร็ว 5 นาที เล่นเพลงได้ 1 ชั่วโมง - การเชื่อมต่อ :
-- Bluetooth® 5.2
-- Codec : Scalable (โดยซัมซุง), AAC, SBC - เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyro, Proximity, Hall, Touch, VPU (Voice Pickup Unit)
- สี : สีแกรไฟต์ (Graphite), สีเขียวโอลีฟ (Olive), สีม่วงลาเวนเดอร์ (Lavender)
ขอขอบคุณ SAMSUNG ประเทศไทย