หน้าจอ Super AMOLED เป็นหน้าจอที่คิดค้นและพัฒนาโดย Samsung มีจุดเด่นที่สีสีนสดใส สวยงาม จนเป็นจุดขายของแบรนด์มาอย่างยาวนาน และพัฒนาต่อเนื่องมาจนเป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ในปัจจุบัน สำหรับหน้าจอ Super AMOLED ย่อมาจาก Super Active-Matrix Organic Light-Emitting Diode พัฒนาต่อเนื่องมาจากหน้าจอ AMOLED ที่พัฒนามาจากหน้าจอ OLED อีกที มีการพัฒนาต่อยอดโดยการแทรกเซนเซอร์สัมผัสลงไปบนหน้าจอ ช่วยให้มีความบางลง มีการจัดเรียง Subpixel แบบ PenTile ช่วยให้มุมมองหน้าจอกว้าง สีสันสดใส และสีดำจะดำสนิตเพราะเม็ดพิกเซลจะไม่เปร่งแสง ซึ่งก็จะช่วยให้ประหยัดพลังงานกว่าหน้าจอแบบเดิมๆ
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็คือ Samsung Wave ที่นอกจากจะเป็นมือถือหน้าจอ Super AMOLED รุ่นแรกขอบโลกแล้ว ยังเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบ Bada OS อีกด้วย สำหรับระบบนี้หลายๆคนอาจจะไม่รู้จัก ในยุคที่ระบบบนสมาร์ทโฟนหลักๆของโลกเหลือตัวเลือกแค่ Android และ iOS iวมทั้ง OS หน้าใหม่อย่าง Harmony OS ของทาง Huawei แต่ในสมัยก่อนมี OS ให้เลือกเพียบเลยนะครับ และระบบ Bada OS ก็เป็นอีก 1 ตัวเลือกในช่วงเวลานั้น ซึ่งพัฒนาโดย Samsung ซึ่งมีความตั้งใจจะมี OS ของตัวเอง และลดการพึ่งพา Android จะเห็นว่าเป็นยุคที่หลายๆแบรนด์มองการไกลนะครับ ว่าจะมี OS ของตัวเอง เหมือนที่ Apple มี iOS เป็นจุดแข็งจนถึงในปัจจุบัน
Bada OS มีความหมายว่า "มหาสมุทร" ในช่วงที่เปิดตัวใหม่ๆ มีการจับมือกับพันธมิตรมากมาย และจัดการแข่งขันในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับ Bada OS โดยเฉพาะ โดยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ผ่าน Samsung Apps โดยตัวระบบจะครอบด้วย TouchWiz ระบบ UI ของทาง Samsung ที่ตอนนี้ได้พัฒนามาเป็น One UI แทนแล้ว ซึ่งตอนแรกก็ดูจะเป็นไปด้วยดี แต่ด้วยปริมาณและคุณภาพของแอปพลิเคชั่น รวมทั้งความนิยม ทาง Samsung ก็ตัดสินใจยอมแพ้ โดยหันไปมุ้งเน้นกับสมาร์ทโฟนระบบ Android แทนแบบเต็มตัว แต่จะว่ายกเลิกไปเลยก็ไม่ได้ครับ เพราะสุดท้าย Bada OS ก็ผนวกรวมเข้ากับระบบ Meego OS กลายมาเป็น Tizen OS ซึ่งทาง Samsung นำมาใช้กับ Smart TV และ Smart Watch รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆของตัวเอง มาจนถึงปัจจุบัน (แต่ในตอนนี้ Smart Watch ของทาง Samsung ได้เปลี่ยนมาใช้ Wear OS แล้วนะครับ)
Samsung Wave (วางจำหน่ายในปี 2553) ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงามที่สุด แม้จะผ่านกาลเวลามาถึงตอนนี้ 11 ปี แล้ว ก็ยังคงดูสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง แถมยังมาพร้อมวัสดุและงานประกอบคุณภาพสูงมากๆ วัสดุโลหะอลูมิเนียม พลาสติกเงา พลาสติกด้าน และกระจก ตัวเครื่องมีความโค้งมนสวยงาม ดีเทลต่างๆล้วนซับซ้อนและเปี่ยมด้วยศิลปะ รองรับ 3G HSDPA 900 / 2100, มีความบางเพียง 10.9 มม. น้ำหนัก 118 กรัม เท่านั้น, หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 3.3 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 pixels (283 ppi), กระจก Corning Gorilla Glass, ทำงานบนระบบ Bada OS ครอบทับด้วย TouchWiz UI 3, ชิปเซ็ต Hummingbird, CPU Cortex-A8 1.0 GHz, GPU PowerVR SGX540, RAM 512MB, ROM 2GB (เหลือใช้งานจริง 390MB) รองรับ microSDHC, Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 3.0, GPS, พอร์ทหูฟัง 3.5 มม., microUSB 2.0, เซนเซอร์ Accelerometer, proximity, compass, แบตเตอรี่ความจุ 1500 mAh, มีกล้องหน้า, กล้องหลังความละเอียด 5MP รองรับ AF พร้อมไฟแฟลช LED และบันทึกวิดีโอความละเอียด HD 720P 30FPS
สำหรับ Samsung Wave ในตอนนี้มีวางจำหน่ายหลายรุ่นเลยนะครับ ทั้งรุ่นท๊อป และรุ่นรอง สำหรับรุ่นท๊อปสายหลักจะมีวางจำหน่ายไปจนถึง Samsung Wave 3 เลยทีเดียว ซึ่งผมชอบรุ่นที่ 3 มากนะครับ ดีไซน์รางใส่แบตเตอรี่แบบเลื่อนมันสร้างสรรค์และเท่มากๆเลย ไปอ่านรีวิว Samsung Wave II (วางจำหน่ายในปี 2554) และ Samsung Wave 3 (วางจำหน่ายในปี 2555) ที่ผมเคยเขียนใว้ กันได้นะครับ