รีวิว Vivo Y72 5G สมาร์ตโฟน 5G พร้อมใช้ จอสวย กล้อง 64MP แบต 5,000 ในราคา 9,999 บาท
Vivo Y72 5G สมาร์ตโฟน 5G รุ่นแรกบน Y Series ของ วีโว่ ประเทศไทย ที่ครั้งนี้นอกจากเติมเต็มด้วยเทคโนโลยี 5G เพื่อรองรับกับเทรนด์การใช้งานในอนาคตแล้ว ทางวีโว่ยังนำคุณสมบัติและเทคโนโลยีด้านกล้องถ่ายรูปที่ได้รับคำชมว่าทำได้ดีของ V Series เติมเข้ามาให้ด้วย จนทำให้ Vivo Y72 5G มีความครบเครื่องและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในทุกด้านของการใช้งานในแต่ละวัน
ซึ่งส่วนตัวได้สัมผัสและรีวิวสมาร์ตโฟน Y Series ของวีโว่มาหลายรุ่นมากๆ ยอมรับว่ามีความคิดแว่บเข้ามาตอนได้สัมผัสตัวเครื่องเป็นครั้งแรกว่า นี้อาจเป็นสมาร์ตโฟน "Flagship of Vivo Y Series" เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเป็น Y Series ที่มีความลงตัวและครบถ้วนในทุกมิติมาก ๆ ส่วนจะจริงตามที่ผมเกริ่นไว้หรือไม่ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ และจุดเด่นในด้าน 5G ของ Vivo Y72 5G จะเป็นอย่างไร และราคา 9,999 บาทจะคุ้มค่าแค่ไหน? เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ตามไปสัมผัสและลองใช้งานสมาร์ตโฟน 5G ราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาทรุ่นนี้ของวีโว่พร้อมกันครับ!
มาเริ่มกันด้วยการแกะกล่องดูของข้างในกัน สำหรับกล่องของ Vivo Y72 5G ยังคงใช้โทนสีและดีไซน์ Pattern เดียวกับกล่องของ Y Series ที่เราคุ้นเคย โดยมาในโทนสีสองสีคือฟ้าตัดขาว ด้านหน้ามีข้อความชื่อรุ่นชัดเจนว่า "Y72 5G" และเมื่อเปิดฝากล่องขึ้นมาก็จะพบกับอุปกรณ์การใช้งานพื้นฐานตามนี้
- Vivo Y72 5G
- คู่มือการใช้งานเริ่มต้น
- เคสตัวเครื่องแบบใส (Soft case)
- ชุดหูฟังแบบ Ear Buds
- สายชาร์จ USB-C
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ (Fast Charge 18W)
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
Vivo Y72 5G ครั้งนี้มาพร้อมการออกแบบตัวเครื่องที่ทำได้สวยหรูหราและลงตัวมาก ๆ ซึ่งครั้งแรกที่ได้สัมผัสมีความรู้สึกและความประทับใจวิ่งเข้ามาเหมือนตอนจับสมาร์ตโฟนในกลุ่ม Mid-range เลยก็ว่าได้ ต้องชมเลยว่าทางวีโว่รังสรรค์งานออกแบบรอบนี้มาได้ดีมาก ๆ งานออกแบบตัวเครื่องประกอบได้แน่นหนา ดีไซน์มีคลาส ถือจับได้กระชับมือ ซึ่งสำหรับคนที่จับ Y Series ของวีโว่มาแทบทุกรุ่นแบบผมขอบอกเลยว่านี้คือ "The Best" ที่สุดของ Y Series ณ เวลานี้แล้วล่ะครับ
สำหรับงานออกแบบรอบนี้ทางวีโว่เลือกใช้แนวทางการออกแบบสไตล์ 3D Color มีการนำเทคนิคการเคลือบผิวแบบซิลเวอร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมแบบใหม่เข้ามาใช้งานด้วย ทำให้ฝาหลังของตัวเครื่องมีพื้นผิวที่มันวาวและเปล่งประกายหลากหลายมิติ และเมื่อแสงมากระทบก็จะมีการสะท้อนแสงออกมาหลากหลายเฉดสี ดูแล้วสวยมาก ๆ เหมือนกับตัวเครื่องที่เราได้มาจะเป็นสี Dream Glow เป็นสีที่มีการผสมผสานหลาย ๆ เฉดสีโทนอ่อนเข้าด้วยกัน ดังนั้นเมื่อโดนแสงมากระทบที่ฝาหลังก็จะเกิดมิติของภาพสีแบบ 3D ที่คล้ายกับเวลาที่เรามองเพชรแบบนั้นเลย ผมว่าสวยและดูหรูไม่น้อยเลยทีเดียว
ในขณะที่มุมซ้ายบนเป็นตำแหน่งของกรอบฐานโมดูลกล้องถ่ายรูป ซึ่งมีการออกแบบให้ตัวขอบของฐานกล้องมีการเหลือบแสงไปในทิศทางเดียวกับฝาหลังด้วย ทำให้ดูเป็นดีไซน์หนึ่งเดียวกันทั้งหมด ส่วนด้านกล้องถ่ายรูปครั้งนี้ทางวีโว่เลือกใช้งานเป็นกล้องถ่ายรูป Triple camera โดยประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 64MP (F1.79), กล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 8MP(F2.2) และกล้องมาโครความละเอียด 2MP (F2.4) มีไฟแฟลช LED ให้ในตัว
พลิกกลับมาที่ด้านหน้าตัวเครื่องจะพบกับหน้าจอแสดงผล LCD IPS Halo Fullview Display ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2,408 x 1,080 พิกเซล ตัวหน้าจอแสดงผลมีอัตราส่วน 20:9 มี Body Ratio หรือพื้นที่ใช้งานจริง 90.6% และรองรับการแสดงขอบเขตสีตามมาตราฐาน NTSC 96%
ขยับขึ้นไปตรงรอยหยดน้ำด้านบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า ซึ่งรอบนี้ติดตั้งกล้องหน้าแบบกล้องเดี่ยวมีความละเอียดอยู่ 16MP (F2.0)
ด้านข้างขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มกดปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด (Volume) และปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) ซึ่งใช้เป็นตำแหน่งแตะสัมผัสสำหรับสแกนลายนิ้วมือในตัวด้วย
ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องถาดซิมการ์ด โดยตัวถาดซิมการ์ดจะแบบ Hybrid slot นะครับ ดังนั้นจะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 กับ MicroSD Card (สูงสุด 256GB)
ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของรูเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และลำโพงเสียงตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง Vivo Y72 5G : กว้าง 75.30 x สูง 163.95 x หนา 8.50 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักรวม 193 กรัม
รายละเอียดสเปกตัวเครื่องของ Vivo Y72 5G
รายละเอียดสเปกตัวเครื่อง Vivo Y72 5G มี ดังนี้
- หน้าจอแสดงผล LCD IPS Halo Fullview Display ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2408x1080 พิกเซล
- CPU MediaTek Dimensity 700 ความเร็ว 2.2GHz
- GPU Mali G57 MC2
- RAM 8GB
- ROM 128GB
- Funtouch OS 11.1 base on Android 11
- กล้องถ่ายรูป Triple camera ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 64MP (F1.79)
- กล้อง Ultra wide angle ความละเอียด 8MP (F2.2)
- กล้อง Macro ความละเอียด 2MP (F2.4)
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP (F2.0)
- รองรับเครือข่าย 5G ในไทย
- Non-standalone : N28/N41/N78
- Standalone : N1/N28/N41
- WiFi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.1
- Battery 5,000 mAh (Fast Charge 18W)
Funtouch OS 11 base on Android 11
ในด้านของซอฟต์แวร์ Vivo Y72 5G ทำงานบน Funtouch OS 11 เป็น OS ที่พัฒนาโดยการใช้ตัวโครงหรือพื้นฐานของ Android OS 11 มาพัฒนาต่อยอดในส่วนของฟีเจอร์ ลูกเล่น และใส่อินเทอร์เฟซใหม่ ๆ ที่ออกแบบโดยวีโว่เองเข้ามา เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานในแบบที่วีโว่อยากสื่อสารกับลูกค้า ที่อยากให้ผู้ใช้งานรู้สึกสนุกและมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีเมื่อได้ใช้งานในแต่ละวัน และสำหรับใครที่กังวลในเรื่องของ Google Mobile Service ว่าวีโว่โดนหรือไม่ อย่างไร? ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ สมาร์ตโฟนทุกรุ่นของวีโว่ยังคงใช้งานได้ตามปกติทุกประการเลย
ส่วนของอินเทอร์เฟซ (UI) บนตัวเครื่อง สำหรับผู้ใช้งานใหม่ที่หรือพึ่งย้ายมาใช้งานสมาร์ตโฟนวีโว่ครั้งแรก และมีความกังวลว่าตัวอินเทอร์เฟซจะใช้ยากเกินไปไหม มีความวุ่นวายหรือสิ่งต่าง ๆ ในด้านลบที่เคยได้ยินมา ผมขอให้วางความคิดเหล่านั้นไว้ก่อนเลยครับ และลองเปิดใจใช้งานดู เพราะใน Funtouch OS 11 ทางวีโว่ออกแบบหน้าตาอินเทอร์เฟซในส่วนต่าง ๆ มาใหม่ทั้งหมด ทำให้ความซุกซนที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้งานหน้าเก่าแบบผมหายไปเยอะพอสมควร ส่วนที่เติมเต็มเข้ามาแทนคือ ความเรียบง่ายและเป็นมิตรมากขึ้น ดังนั้นเชื่อเลยว่าอินเทอร์เฟซของ Funtouch OS 11 ทุกคนจะสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ไม่ยากแน่นอน
หน้าตาเมนูการใช้งาน (User interphase) บน Funtouch OS 11
ประสิทธิภาพการทำงาน (Performance)
ต้องยอมรับเลยว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สมาร์ตโฟนในช่วงราคา Y Series เพียงพอที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีและครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์พื้นฐานได้ ในระดับที่เราแทบไม่จำเป็นต้องซื้อสมาร์ตโฟนรุ่นท็อปเลยล่ะครับ ดังนั้นถ้าถามว่า Vivo Y72 5G ในด้านการประสิทธิภาพหรือเมื่อนำไปใช้งานเป็นอย่างไร?
ก็ตอบทันทีเลยว่า "ทำได้ดีมาก ๆ " เพราะผลลัพธ์ของภาพรวมในการใช้งานทั้งในมุมของความต้องการใช้งานในระดับพื้นฐานเช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล ตอบอีเมล์ หรือเปิดไฟล์เอกสาร ไปจนถึงการใช้งานในระดับแอดวานซ์ขึ้นมาเช่น เล่นเกม, ใช้โปรแกรมตัดต่อไฟล์วีดีโอหรือตกแต่งภาพถ่าย, เปิดแอปพลิเคชั่นเฉพาะทาง และอีกหลากหลายรูปแบบการใช้งาน ตัวเครื่องสามารถตอบสนองและรองรับการทำงานกับแอปฯ หรือเกมยอดนิยมได้อย่างลงตัวในแบบที่ควรจะทำได้และไร้ปัญหาใด ๆ ในด้านของแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงประสบการณ์ด้านการทัชการปัดก็ทำได้ไหลลื่นด้วย
เบื้องหลังของประสิทธิภาพที่ดีมาจากไหน? ก็มาจากการที่วีโว่เลือกใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 ความเร็ว 2.2GHz ในการขับเคลื่อนการทำงานทั้งหมดบนตัวเครื่องนั่นแหละครับ เพราะชิปตัวนี้เป็นชิปซีรีย์ใหม่ของทาง MediaTek ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "Value of 5G Mobile" ผลิตมาเพื่อตอบรับกับความต้องการในการนำไปใช้งานบนสมาร์ตโฟน 5G ในราคาไม่สูงมากนัก แต่ยังต้องการประสิทธิภาพในการรันทำงานที่ดีด้วย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เป็นชิปประมวลผลสำหรับมือถือ 5G ในราคาประหยัดก็ว่าได้ครับ ดังนั้นตัวชิปจึงมีโมเด็ม 5G ติดตั้งมาคู่กันแบบพร้อมใช้งาน
แต่ถึงแม้ตัวชิปจะเป็นชิปสาย 'คุ้มค่า' แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้เป็นรองใครในตลาดพิกัดเดียวกันเลยนะ แถมตัวชิปยังใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 7nm ซึ่งเป็นมาตรฐานเทคโนโลยีการผลิตของชิปตัวท็อปเมื่อปีที่แล้วด้วย ส่วนตัวชิปประมวลผลจะเป็น CPU แบบ Octa-core โดยแบ่งการทำงานเป็น 6+2 core ใช้สถาปัตยกรรม Cortex A76 สำหรับชิปแบบ Dual core ใช้ทำงานในระดับเบา และใช้ Cortex A55 สำหรับชิปแบบ Hexa core ใช้ทำงานระดับสูง
ซึ่งจะทำงานร่วมกับ RAM 8GB (LPDDR4x) และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 2.1 ขนาดความจุ 128GB ทำให้ผลลัพธ์และประสบการณ์ในการทำงานถึงออกมาดีแบบที่ได้เกริ่นไปนั่นเองครับ ซึ่งพอดูภาพรวมของสเปกแล้วก็ต้องชมว่าทางวีโว่จัดสเปกมาได้ลงตัวพอสมควรเลย
การเล่นเกมบน Vivo Y72 5G เป็นอย่างไร? ในด้านของการประมวลผลหรือทำงานด้านกราฟฟิกด้วย GPU Mali G57 MC2 950MHz บน Vivo Y72 5G ก็ถือว่าให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดี และเป็นไปตามมาตรฐานที่ควรเป็นบนสมาร์ตโฟนราคาแบบนี้ โดยสามารถเล่นเกมแนว FPS อย่าง Freefire, Pubg ด้วยภาพกราฟฟิกระดับสูง 60FPS ได้สบาย ๆ การทัชทำได้ไหลลื่น ไม่มีอาการ Motion Blur ให้เห็นขณะปรับหมุนมุมกล้อง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการที่ทางวีโว่นำเทคโนโลยี Multi-Turbo และโหมดสำหรับเกม Ultra game mode ใส่เข้ามาช่วยประมวลผลด้วย จึงทำให้ผลลัพธ์การเล่นเกมออกมาสมูธและได้อรรถรสระดับที่ดี
เทคโนโลยี Multi-Turbo และ Ultra game mode ช่วยได้จริงหรือ? ตอบเลยว่ามีส่วนช่วยจริง ๆ ครับ เพราวัตถุประสงค์ของทั้งสองสิ่งนี้ คือการเข้าไปจัดสรรทรัพยากรบนตัวเครื่องขณะเล่นเกมให้มีความเหมาะสมต่อการรันทำงานเกมนั้น ๆ ดังนั้นจึงมีส่วนช่วยรีดเค้นประสิทธิภาพด้านฮาร์ดแวร์ให้ออกมาได้เต็มที่ขณะที่เราเล่นเกม ซึ่งผมได้ลองทดสอบเกมที่ไม่ได้รองรับการทำงานด้วย Ultra game mode และ Multi-Turbo อย่างเกมสุดโหดในเวลานี้ Genshin Impact เกมที่ใช้ทรัพยากรบนเครื่องแบบหนักหน่วงขณะเล่น ก็พบว่าพอปรับกราฟฟิกไปที่ระดับ 'High' และเลือก FPS เป็น 60FPS อาการค้างและหน่วงก็มาทันที แต่ถ้าปรับเป็น "Medium" ก็สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่น
ส่วนเรื่องของความร้อนที่เกิดขึ้นขณะเล่นเกม ก็ยังเป็นอีกจุดที่ Y72 5G ยังทำได้ไม่ดีนัก ทำให้เมื่อเราเล่นเกมติดต่อกันเวลานาน 1-2 ชั่วโมงขึ้นไป ตัวเครื่องจะระบายความร้อนไม่ทัน และเกิดความร้อนสะสมที่ฝาหลังและหน้าจอแบบรู้สึกได้เลย ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นรุ่นที่ไม่ได้เน้นด้านเกมพิเศษนะครับ เพียงแต่ฮาร์ดแวร์สามารถให้ประสิทธิภาพในด้านนี้ได้ดีด้วยนั่นเอง
หน้าตาอินเทอร์เฟซ Ultra Game Mode
ผลการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วยคะแนน Benchmark
- ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วย Antutu Benchmark ได้คะแนนทดสอบ 274,923 คะแนน
- ทดสอบประสิทธิภาพการเขียน-อ่าน หน่วยความจำ (ROM, UFS 2.1) ได้ค่าการอ่าน 957.06 MB/s และค่าการเขียน 219.21 MB/s
- ทดสอบประสิทธิภาพทำงานของ CPU ด้วย Geekbench ได้คะแนนการทำงาน Single core 466 คะแนน และแบบ Multi-core 1546 คะแนน
- ทดสอบการรองรับการแสดงผล High Definition บนสตรีมมิ่ง VDO (Netflix) ผลเป็น Security Level L1 (รองรับการแสดงผล)
- ทดสอบการจับสัญญาณดาวเทียมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
Vivo Y72 5G ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้ครบเครื่อง (Highlight)
เทคโนโลยี 5G "เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา"
เทคโนโลยี 5G คือจุดขายหลักของ Vivo Y72 5G แบบเด่นชัดที่สุดเลยครับ และยังนับเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยี 5G ถูกนำเข้ามาอยู่บนสมาร์ตโฟน Y Series ของวีโว่ด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มอาวุธให้ครบมือกับ Y Series ที่เป็นสมาร์ตโฟนยอดนิยมของแบรนด์ให้ครบเครื่อง และรองรับกับเทรนด์การใช้งานในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า ที่เป็นช่วงเวลาของเครือข่าย 5G ที่จะเข้ามามีบทบาทแบบเต็มตัวในชีวิตประจำวันของเราทุกคนด้วย
ซึ่งการที่ทางวีโว่นำเทคโนโลยี 5G เข้ามาอยู่บน Vivo Y72 5G เป็นการเพิ่มคุณภาพให้กับแบรนด์ และยกระดับการใช้งานให้กับลูกค้าของแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น เหมือนกับที่ทางวีโว่ได้พยายามทำมาตลอดกับการนำพาเทคโนโลยีต่างๆ มาสู่มือลูกค้าทั่วโลกในราคาสมเหตุสมผล และครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะการที่ 5G มาอยู่บน Y72 5G ทำให้เราสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5G บนสมาร์ตโฟนได้ในราคาที่ไม่สูงมากนัก และการใช้งาน 5G บน Vivo Y72 5G ในประเทศไทย ตัวเครื่องก็รองรับการใช้งานได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง ขอเพียงแค่ซิมการ์ดและแพ็คเกจใช้งานของคุณรองรับก็จะสามารถใช้งานได้เลย "ready to use" ก็ว่าได้
ไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะ ทำดาวน์โหลดสปีดทะลุ 662 Mbps เลย
เทคโนโลยี 5G สำคัญอย่างไร?
ไหน ๆ ก็พูดถึงเทคโนโลยี 5G แล้ว เลยอยากแนะนำข้อมูลของการมี 5G ใช้งานกันหน่อยว่าดีอย่างไร?
เทคโนโลยี 5G ถ้าพูดแบบง่าย ๆ ก็คือ มาตรฐานยุคที่ 5 ของอินเทอร์เน็ตไร้สาย ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีรับ-ส่งสัญญาณให้มีคุณภาพที่สูงขึ้นกว่าตอนเป็น 4G LTE ดังนั้นจึงทำให้การรับ-ส่งสัญญาณในช่วงคลื่นความถี่ต่างๆ ทำได้หลากหลายมากขึ้น ทำให้มีสัญญาณความถี่ที่กว้างขึ้น และความเร็วในการใช้งานก็สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ว่าก็คือประโยชน์ของ 5G นั่นเอง
ถึงแม้ประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G จะถูกนำไปใช้กับการทรานฟอร์มธุรกิจในภาคอุตสาหกรรม ทางการแพทย์ มากกว่าทางฝั่งของผู้บริโภค แต่เพราะด้วยความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่มีเพิ่มมากขึ้นแบบหลายเท่าตัว รวมถึงความถี่ของคลื่นสัญญาณที่กว้างขึ้น ทำให้ในภาคของผู้บริโภคแบบเรา ๆ เองก็ได้รับประโยชน์จากจุดนี้ด้วยเช่นกัน เพราะทำให้มีทางเลือกในการรับสัญญาณเครือข่ายที่หลากหลายจากคลื่นความถี่ที่มีเพิ่มขึ้น และสามารถเข้าถึงหรือใช้งานระบบออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อทำงานเอกสาร, โซเชียล หรือการทำธุรกิจจากโลกออนไลน์ได้แบบ real time ยิ่งขึ้น ด้วยความเร็วที่สูงกว่า 4G เกือบ 5-10 เท่า นั่นเอง
นอกจากในส่วนของการใช้ทำงานแล้ว ในชีวิตประจำวันของเรา 5G ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนก่อนนอน 5G ก็เข้ามามีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพการใช้งานออนไลน์ให้สะดวก รวดเร็วมากขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น การ VDO call หาคุณพ่อคุณแม่จากทางไกลที่ทำได้ดีขึ้น ภาพชัดขึ้น ลดอาการสัญญาณตัดขาดบ่อย, การรับชมคอนเทนท์วีดีโอออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มระดับความละเอียดในการรับชมที่สูงขึ้น ทำให้เราได้รับอรรถรสในการรับชมมากขึ้น, การดาวน์โหลดไฟล์, เกม, รูปภาพ และอีกหลากหลาย ก็ทำได้เร็วขึ้น รวมทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานอุปกรณ์เสริมในกลุ่ม Internet of things อย่างพวก SmartTV, Smart Home ต่าง ๆ ให้ได้ประสบการณ์ที่ดีเพิ่มมากขึ้นด้วย
จอแสดงผลขนาดใหญ่ สีสันสดคมชัด
หน้าจอแสดงผลของ Vivo Y72 5G มีขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียดระดับสูงสุดอยู่ที่ระดับ FullHD+ โดยมีพื้นที่บนหน้าจอให้ใช้งานมากถึง 90.6% ซึ่งตัวหน้าจอแสดงผลใช้พาแนลเป็น LCD IPS นะครับ แต่เป็นจอ LCD IPS ที่ผมคิดว่าคุณภาพดีเลยล่ะ เพราะสามารถให้ภาพที่คมชัดมากๆ สีสันสดใส และมีค่าสว่างที่สามารถนำไปใช้งานกลางแจ้งได้ดี เพียงแต่มุมมองรอบข้างอาจไม่ได้กว้างเท่าไรนัก ถ้าใช้ส่วนตัวก็ไม่ใช้ปัญหาอะไร และนอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มความสามารถให้ตัวจอแสดงผลด้วยเช่น โหมดถนอมสายตา และ Dark mode
ระบบสแกนนิ้วด้านข้าง ทำได้เร็วและแม่นยำ
การรักษาความปลอดภัยต่อข้อมูลบนเครื่อง ทางวีโว่ยังคงเลือกใช้ระบบหลักเป็นระบบสแกนนิ้วที่ปุ่ม Power ซึ่งตัวแป้นสะแกนจะเป็นปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างขวาของตัวเครื่อง โดยส่วนตัวผมชอบนะ เพราะเป็นตำแหน่งที่เราสามารถแตะสแกนได้ขณะถือเครื่องใช้งาน ส่วนตอนใช้งานจริงตัวระบบตอบสนองได้รวดเร็ว เพียงแตะแล้วยกก็ปลดล็อคได้เลยครับ สะดวกดีนะ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับชาร์จไว 18W
เรื่องของพลังงานกับการเป็นสมาร์ตโฟน 5G เป็นสองสิ่งที่ต้องสอดคล้องกันเป็นอย่างมาก เพราะการใช้เครือข่าย 5G ในการใช้งานบนตัวเครื่องเป็นหลักจะมีความต้องการใช้พลังงานที่สูงมาก ๆ ดังนั้นถ้าหากแบตเตอรี่ขนาดความจุไม่มากพอ ยังไงก็ไม่รอดครึ่งวันแน่นอนครับ ซึ่งสาระสำคัญตรงนี้ดูเหมือนทางวีโว่จะเข้าใจเป็นอย่างดี จึงเลือกใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh มาให้เลย พร้อมกันใส่เทคโนโลยีชาร์จไว 18W มาให้ด้วย
โดยส่วนตัวการได้แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh มา ผมมองว่าเป็นขนาดความจุแบตเตอรี่ระดับเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุด ณ เวลานี้ของสมาร์ตโฟน 5G แล้วล่ะครับ ซึ่งเมื่อลองใช้งานจริงบน Vivo Y72 5G ก็เป็นไปตามที่ได้เกริ่นไว้เลย เพราะผมสามารถใช้งานตัวเครื่องด้วยพลังงานจาก 100% ในตอนเช้าก่อนออกเดินทางไปทำงาน (07.00น.) ไปจนถึงตอนเลิกงาน และเดินทางกลับบ้าน (22.00น.) ได้จนแบตเตอรี่เหลือ 5% โดยในระหว่างวันก็มีเปิดดูยูทูป ฟังเพลงออนไลน์ เล่นโซเชี่ยลบ้าง ตามไลฟ์สไตล์คนทั่วไปเลย ส่วนตัวแล้วให้ "ผ่าน" เลยนะสำหรับในด้านพลังงานกับการเป็นสมาร์ตโฟน 5G ของ Vivo Y72 5G
ส่วนการชาร์จพลังงานกลับเข้าเครื่องนั้น อยู่ในเกณฑ์ไม่ดีไม่แย่นะครับ เพราะตัวเครื่องอย่างน้อยก็รองรับการชาร์จไว 18W ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานกลับเข้าเครื่องที่มีแบตเตอรี่ขนาดความจุ 5,000 mAh ก็ถือทำได้เร็วกว่าชาร์จปกติที่กำลังไฟ 5-10W อยู่ประมาณ 1.5 เท่า ก็ไม่เลวนะ แต่อาจต้องเผื่อเวลาไว้สักเล็กน้อย
ลำโพงดัง เสียงดี พร้อมซอฟต์แวร์เสียงขั้นเทพ!
ด้านเสียงเป็นเอกลักษณ์เด่นของสมาร์ตโฟนวีโว่มาตลอดเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะรุ่นราคาไหนทางวีโว่ก็มักจะทำระบบเสียงบนสมาร์ตโฟนทุกรุ่นออกมาได้ดีที่สุดในช่วงเรทราคานั้น ๆ อยู่เสมอ และ Vivo Y72 5G ก็เช่นกันครับ ถึงแม้บนตัวเครื่องจะติดตั้งลำโพงเสียงมาเพียง 1 ตำแหน่ง แต่เป็นลำโพงเสียง Super Linear speaker ที่รองรับขอบเขตคลื่นเสียงที่สูงกว่าลำโพงปกติ ทำให้คุณภาพเสียงทั้งย่านสูง กลาง และเสียงต่ำออกมาหนักแน่นไม่แผ่วเบา
นอกจากนี้ทางวีโว่ยังใส่ Speaker Boost 3.0 ซอฟต์แวร์เสียง ที่ช่วยเพิ่มมิติการรับฟังเสียงจากคอนเทนท์ภาพยนตร์หรือเพลงได้สมจริง คมชัดขึ้นมาให้ด้วย แต่ต้องใช้กับชุดหูฟังในการปรับแต่งเสียงเท่านั้น ภาพรวมในด้านเสียงจากที่ได้ทดสอบเล่นไฟล์เพลงจากหลาย ๆ แหล่ง ทั้งแบบไฟล์ระดับสูงไปจนถึงไฟล์เพลงบนสตรีมมิ่ง ส่วนตัวคิดว่าการขับเสียงในแง่ของมิติเสียงทำได้ดีเลยล่ะครับ และยิ่งถ้าเทียบกับลำโพงเสียงปกติทั่วไปก็เห็นความแตกต่าง แต่สุดท้ายก็ติตรงลำโพงตำแหน่งยังไงการโอบล้อมของเสียงก็ยังเป็น Mono อยู่ดี เพียงแต่อรรถรสในการรับฟังมันเกินพอ สำหรับคนที่ไม่ได้อะไรกับเรื่องเสียงมากนัก
คุณสมบัติของลำโพงเสียง Vivo Y72 5G
- รองรับระดับสูงสุดถึง 192 dB เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัด
- ความกว้างของเสียง 16KHz
- ฟังก์ชั่น Audio booster
- ค่า SPL เฉลี่ยคือ 83.6dB
กล้องถ่ายรูป Triple camera 64MP "ถ่ายสนุก คมชัด ทุกสภาพแสง"
กล้องถ่ายรูปของ Vivo Y72 5G ครั้งนี้ทางวีโว่เลือกใช้กล้องถ่ายรูปแบบ Triple camera โดยประกอบด้วยเซ็นเซอร์กล้องหลักความละเอียด 64MP (1.79) ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์กล้อง CMOS ที่ใช้เทคโนโลยี Binning pixel แบบ 4 in 1 เป็นเทคโนโลยีที่รวมเม็ดพิกเซลเข้ารวมเป็น 1 พิกเซลใหญ่ ทำให้เราสามารถถ่ายภาพที่ระดับความละเอียดสูงได้ โดยที่รายละเอียดของภาพยังมีความสมบูรณ์ครบถ้วน ดังนั้นค่าความละเอียดของกล้องเริ่มต้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 16MP และจะเปลี่ยนเป็นความละเอียด 64MP เมื่อถ่ายด้วยโหมดความละเอียดสูง (UltraHD)
ในขณะที่เซ็นเซอร์กล้องอีกสองตัวจะประกอบด้วยกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra wide angle) ความละเอียด 8MP (F2.2) และกล้องเลนส์มาโครความละเอียด 2MP(F2.4) ซึ่งมีไฟแฟลช LED ติดตั้งมาให้ในตัว
สำหรับกล้องหน้ารอบนี้ใช้เป็นกล้องตัวเดียวความละเอียด 16MP (F2.0) ระยะโฟกัสภาพเป็นแบบ Fix Focus พร้อมกับลูกเล่นและฟีเจอร์สำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่เด็ด ๆ จากรุ่นพี่มาเพียบ เช่น โหมด Super Night Selfie โหมดถ่ายภาพเซลฟี่ยามค่ำคืน หรือฟีเจอร์ Softlight Band ที่ช่วยเพิ่มแสงสว่างของภาพถ่ายในสภาพแวดล้อมที่แสงน้อยก็ใส่มาให้ครบเลย
หน้าเมนูและอินเทอร์เฟซกล้องถ่ายรูป
ประสบการณ์การใช้งานกล้อง Triple camera 64MP บน Vivo Y72 5G เป็นอย่างไร?
จากที่ได้นำกล้องของ Y72 5G ไปตะเวนถ่ายตามเส้นถนนต่าง ๆ ดู ก็รู้สึกว่า เป็นกล้องที่ "ถ่ายสนุก คมชัด ทุกสภาพแสง" และประทับใจพอสมควรครับ ส่วนตัวคิดว่าเป็นกล้องที่ถ่ายสนุกไม่ต่างจาก
Y31 2021 ที่เคยรีวิวไปก่อนหน้านี้เท่าไรนัก ตัวกล้องจะเก่งในเรื่องของการเก็บรายละเอียดในภาพมากกว่าการเร่งสีให้ดู Colorful ดังนั้นภาพที่ได้ออกมาหลังกล้องก็จะดู real พอสมควร ใครที่ชอบสีจัดๆ อาจต้องใช้ซอฟต์แวร์ตกแต่งเพิ่มเอาภายหลัง
ส่วนจุดเด่นของกล้องตัวนี้นอกจากเรื่องเครื่องมือในการถ่ายภาพที่วีโว่ใส่เข้ามาให้เยอะแล้ว ส่วนตัวขอยกให้การถ่ายภาพแนว Portrait ที่ตัวกล้องของ Vivo Y72 5G ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ก็ตามสไตล์วีโว่เขาแหละ ถึงแม้จะยังมีรายละเอียดบางจุดที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่บ้างในเรื่องของการละลายขอบนางแบบ และการคุมแสงที่บางครั้งก็โอเวอร์ไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพในภาพรวมที่ถ่ายได้หลังกล้องถือว่า เป็นกล้องที่ดีที่สุด 1 ใน 3 รุ่นของสมาร์ตโฟน 5G ต่ำหมื่น ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้นะ
คุณสมบัติการถ่ายรูปบน Vivo Y72 5G ที่น่าสนใจ
ทางวีโว่ใส่ระบบโฟกัสภาพ "Eyes Tracking" เข้ามาให้ด้วยนะครับ เป็นอะไรที่ดีงามมาก ๆ ซึ่งความสามารถของฟีเจอร์นี้คือ การที่ตัวกล้องจะจับโฟกัสภาพด้วยการ detect ไปที่ดวงตาของบุคคลที่อยู่ตรงหน้ากล้อง เพื่อให้การถ่ายภาพบุคคล (Portrait) สามารถถ่ายภาพออกมาได้ชัดขึ้นกว่าการใช้ระบบ Auto Focus ที่เป็น Phase detection เพราะการที่ตัวกล้องล็อคการโฟกัสไปที่ดวงตาของบุคคลนั้น ๆ เลย จะช่วยลดโอกาสการเกิดภาพเบลอจากการที่ตัวแบบเคลื่อนไหวระหว่างถ่ายได้ และยังสามารถนำไปปรับใช้กับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวให้ออกมาชัดเหมือนหยุดอยู่กับที่ได้ด้วย โดยปกติแล้วจะถูกใส่อยู่ในสมาร์ตโฟนราคาหลักหมื่นเลยนะ ลูกเล่นนี้
กล้องถ่ายรูปของ Y72 5G มีระบบกันสั่นขณะถ่ายภาพหรือถ่ายภาพวีดีโอมาให้ตัว ซึ่งใช้กันสั่นด้วย EIS ที่เป็นซอฟต์แวร์ ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะถ่ายภาพวีดีโอโดยที่เคลื่อนไหวในระดับเบาอย่างเช่น การเดินถ่าย หรือ การวิ่งเยาะ ๆ ถ่าย เป็นต้น โดยจากที่ได้ทดสอบดู ตัวซอฟต์แวร์สามารถช่วยให้ภาพวีดีโอออกมาได้นิ่งขึ้นพอสมควรนะ เป็นอีกฟีเจอร์ที่น่าจะช่วยให้การใช้งานกล้องทำได้ครบเครื่องมากขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Triple camera 64MP ด้วยโหมดถ่ายรูปต่าง ๆ
- UltraHD Mode 64MP (โหมดความละเอียดสูง)
- มุมกว้าง (Ultra Wide Angle)
- Super Night Mode (ภาพกลางคืน)
- Filter Effects (ลูกเล่นฟิลเตอร์)
อีกประสบการณ์ส่วนตัวที่รู้สึกถูกใจกับการใช้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้ถ่ายรูปก็คือ การที่มีซอฟต์แวร์หลังกล้องที่ชื่อว่า "AI Image Matting" มาให้ด้วย ซึ่งส่วนตัวเคยใช้งานมาแล้วครั้งหนึ่งตอนรีวิว Vivo V20 SE และประทับใจมาก ๆ เพราะช่วยเพิ่มความสนุกในการถ่ายภาพได้ดีมากเลยล่ะครับ
ซอฟต์แวร์ช่วยปรับแต่งรูปภาพบนตัวเครื่อง
- AI Image Matting : ซอฟต์แวร์ปรับแต่ง-แก้ไขภาพถ่ายบนตัวเครื่อง ซึ่งมีโหมดลบวัตถุในภาพ, ตัดต่อตกแต่งภาพให้ออกสวยงามมากขึ้น หรือจะเปลี่ยนฟิวของภาพด้วยการเติมท้องฟ้า, ลบต้นไม้ หรือใส่ฟิลเตอร์ ก็ทำได้ทั้งหมดในโหมดนี้แทบจะไม่ต้องหาแอปพลิเคชั่นอะไรมาเพิ่มเลย
- Memory Recaller : โหมดที่ทำให้ภาพถ่ายเก่ากลับมาดูสดใสคมชัดมากขึ้น
ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้า 16MP บน Vivo Y72 5G
"สมาร์ตโฟน 5G ที่ครบเครื่อง เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ในราคามิตรภาพ"
มาถึงบทสรุปกันแล้วกับ Vivo Y72 5G สมาร์ตโฟน Y Series รุ่นล่าสุดของ วีโว่ ประเทศไทย ซึ่งสำหรับตัวผมเองก็คิดว่านี้คือ สมาร์ตโฟน "Flagship of Vivo Y Series" ก็ว่าได้ เพราะมีความครบเครื่องในทุก ๆ ด้านของการใช้งานมากที่สุดแล้วในเวลานี้ถ้าเทียบกับ Vivo Y Series ทุกรุ่นที่ทำตลาดอยู่ในเวลานี้ และยิ่งได้เทคโนโลยี 5G เข้ามาเติมเต็ม เพื่อรองรับกับความต้องการใช้งานในอนาคตอันใกล้ ยิ่งทำให้กลายเป็นสมาร์ตโฟนราคาต่ำหมื่นที่มีครบเครื่องมากที่สุดอีกรุ่นในตลาดมือถือ ณ ตอนนี้เลย และน่าจะช่วยปิดช่องว่างของ Y Series กับคู่แข่งในพิกัดราคาเดียวได้อย่างไร้รอยต่อ
ในขณะที่ภาพรวมของสเปกตัวเครื่องส่วนตัวผมมองว่า ทางวีโว่จัดสรรมาได้ลงตัวเลยทีเดียวนะ และตัวเครื่องเองก็ให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีและคุ้มค่ากับราคาค่าตัว รวมถึงงานออกแบบตัวเครื่องที่ครั้งนี้ขอชมเลยว่า ทางวีโว่ทำการบ้านมาดีมาก ๆ เพราะงานออกแบบออกมาสวยไม่น้อยหน้าสมาร์ตโฟนราคาหลักหมื่นต้นๆ เลยล่ะครับ เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมสรุปแบบฟันธงเลย ก็ขอสรุปเลยว่า Vivo Y72 5G เป็นสมาร์ตโฟน 5G ราคาไม่เกินหมื่นที่คุ้มค่าและน่าซื้อที่สุดในเวลานี้ และน่าจะเป็น 1 ใน 3 รุ่นของตลาดแรงค์นี้ที่น่าซื้อที่สุดอีกด้วย ฟันธงครับ!
ดังนั้นถ้าถามว่า Vivo Y72 5G เหมาะกับใคร? ผมก็ขอตอบเลยว่า ด้วยจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่การมาเทคโนโลยี 5G ดังนั้นจึงเป็นสมาร์ตโฟนที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหา หรืออยากได้สมาร์ตโฟน 5G ที่สามารถตอบรับความต้องการใช้งานได้ครบทุกมิติเอาไว้ใช้งาน โดยที่มีเรื่องของงบราคาเป็นเงื่อนไขในการเลือกซื้อ ซึ่งถ้าใช่คุณ! ก็ไม่ต้องคิดอะไรให้เสียเวลาเดินเข้าไปสอย Y72 5G ออกมาได้เลย หรือถ้าคุณเป็นแฟนบอยของวีโว่อยู่แล้ว และกำลังอยากได้สมาร์ตโฟน Vivo Y Series ที่ครบเครื่องที่สุดในเวลา ก็ต้องยกให้ Y72 5G เขาแหละครับ ไม่มีรุ่นไหนจะให้ได้มากกว่านี้แล้ว
การวางจำหน่าย (Price & Promotion)
Vivo ประเทศไทย วางจำหน่าย Vivo Y72 5G ในราคา 9,999 บาท พร้อมสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือ สีดำ Graphite Black และสีฟ้า Dream Glow ผ่านช่องทาง Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ