พรีวิว Vivo Y72 5G ครั้งแรกของสมาร์ตโฟน 5G บน Y Series ตอบรับทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุค 5G อย่างครบเครื่อง
Vivo Y72 5G สมาร์ตโฟน Y Series ลำดับที่ 2 ของทางวีโว่ ประเทศไทยในปีนี้ และเป็นสมาร์ตโฟน Y Series รุ่นแรกที่ติดตั้งโมเด็ม 5G มาให้ด้วย ทำให้สามารถใช้งานเครือข่าย 5G ได้ ซึ่งแน่นอนว่าพร้อมใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G ในประเทศไทยได้ทันทีเลย นอกจากเรื่องราวของ 5G แล้ว ในด้านของความสามารถและคุณสมบัติการใช้งานของตัวเครื่อง ก็ถูกทางวีโว่รังสรรค์มาได้ลงตัวเลยทีเดียว ส่วนสัมผัสแรกที่ได้ลองจับตัวเครื่องจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ตามผมไปสัมผัสครั้งแรกกับสมาร์ตโฟน Y Series รุ่นใหม่ของวีโว่พร้อมกันได้เลย!
กล่องของ Vivo Y72 5G ยังคงเลือกใช้โทนสีน้ำเงินตัดกับสีขาวเหมือนเดิม ด้านหน้ามีข้อความ "Y72 5G" เด่นชัด ส่วนบริเวณมุมขวาจะมีการบอกข้อมูล RAM กับ ROM ให้ชัดเจนครับ และเมื่อแกะกล่องขึ่นมาก็จะพบอุปกรณ์ภายในกล่อง ดังนี้
- Vivo Y72 5G
- คู่มือการใช้งานเริ่มต้น
- สายชาร์จ USB-C
- ชุดหูฟังแบบ EarBuds
- เคสตัวเครื่อง (Soft case)
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
สัมผัสแรกที่ได้จับตัวเครื่อง Vivo Y72 5G จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้รีวิว Y Series ของวีโว่มาหลายรุ่นมากๆ ต้องยอมรับเลยครับว่า "ประทับใจ" ในงานออกแบบของวีโว่เขาอีกครั้งเลยล่ะครับ เพราะครั้งนี้มีการนำเทคนิคการออกแบบฝาหลังที่ใช้การเคลือบสีเงินเข้ามาใช้ด้วย ทำให้ฝาหลังของ Y72 5G มีคุณสมบัติเล่นกับแสงที่สะท้อนได้สวยมากๆ
ในขณะที่การจัดวางตำแหน่งของโมดูลกล้องถ่ายรูป Triple camera ถูกจัดวางเป็นแถวแนวตั้งภายใต้กรอบโลหะ ที่ใช้เทคนิคเคลือบสีเงินแบบเดียวกับฝาหลังด้วย ทำให้มองภาพรวมแล้วดูลงตัวสวยงาม ส่วนกล้องถ่ายรูปทั้งสามตัวจะประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP (F1.79), กล้องมุมกว้างพิเศษความละเอียด 8MP (F2.2) และกล้องมาโครความละเอียด 2MP (F2.4) มีไฟแฟลช LED ให้ในตัว
พลิกกลับมาที่ด้านหน้าตัวเครื่อง จะเป็นหน้าจอแสดงผล LCD IPS Halo Fullview Display ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+ ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผลดีไซน์ทรงหยดน้ำ ตรงบริเวณรอยหยดน้ำก็จะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 16MP (F2.0) และแถบลำโพงสนทนา
ด้านข้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มกดปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด (Volume) และปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) ซึ่งเป็นแป้นสแกนลายนิ้วมือในตัวด้วย
ด้านบนตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของช่องถาดซิมการ์ด โดยรองรับซิมการ์ด 2 ซิม และ MicroSD Card โดยเป็นถาดซิมแบบ Hybrid slot ที่เราจะต้องเลือกใช้ซิมการ์ดที่สองหรือใช้เป็น MicroSD Card แทน
ด้านล่างตัวเครื่อง เป็นตำแหน่งของรูเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และลำโพงเสียงตัวเครื่อง
สเปกตัวเครื่อง Vivo Y72 5G
รายละเอียดสเปกตัวเครื่อง Vivo Y72 5G มี ดังนี้
- หน้าจอแสดงผล LCD IPS Halo Fullview Display ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+
- CPU MediaTek Dimensity 700
- GPU Mali G57 MC2
- RAM 8GB
- ROM 128GB
- Funtouch OS 11.1 base on Android 11
- กล้องถ่ายรูป Triple camera ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 64MP
- กล้อง Ultra wide angle ความละเอียด 8MP
- กล้อง Macro ความละเอียด 2MP
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP
- รองรับเครือข่าย 5G ในไทย
- Non-standalone : N28/N41/N78
- Standalone : N1/N28/N41
- WiFi 802.11 a/b/g/n
- Bluetooth 5.1
- Battery 5,000 mAh (Fast Charge 18W)
จุดเด่นที่น่าสนใจ (Highlight)
สำหรับจุดเด่นที่น่าจะเป็นจุดขายของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวของการรองรับ 5G เนี่ยแหละครับ เพราะเจ้า Y72 5G นับว่าเป็นสมาร์ตโฟน Y Series รุ่นแรกของทาง วีโว่ ประเทศไทย ที่ได้รอบรับการรับสัญญาณเครือข่าย 5G ได้ แถมยังรองรับการใช้งานในประเทศไทยแบบใส่ซิมการ์ดแล้วใช้งานได้ทันทีเลยด้วยนะ เป็นอะไรที่เซอร์ไพร์มากๆ
ถัดจากเรื่องของ 5G ก็คงเป็นความสามารถในด้านกล้องถ่ายรูปที่ครั้งนี้จากที่ลองใช้งานคร่าวๆ รู้สึกว่า "กล้องถ่ายสวย" เลยนะ ซึ่งทางวีโว่เลือกใช้กล้องถ่ายรูปแบบ Triple camera โดยมีกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 64MP ทำงานร่วมกับกล้องอีกสองตัวคือ กล้องมุมกว้างและกล้องมาโคร ในขณะที่กล้องหน้าก็ให้ความละเอียดมาสูงพอสมควรกับกล้องหน้าความละเอียด 16MP ผลลัพธ์ก็เก่งตามสไตล์วีโว่ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับการถ่ายเซลฟี่ รวมไปถึงขนาดแบตเตอรี่ 5,000 mAh ที่นับว่าเป็นขนาดความจุที่เหมาะสมกับสมาร์ตโฟน 5G เป็นอย่างมาก ณ เวลานี้
สำหรับภาพรวมและความประทับใจจากการลองเล่นและลองสัมผัสครั้งแรก คิดว่าน่าจะเป็นสมาร์ตโฟน Y Series อีกรุ่นที่หลายคนน่าจะหลงรัก และยิ่งใส่เทคโนโลยี 5G เข้ามาด้วยยิ่งครบเครื่องสุดๆ เลยล่ะครับ ที่เหลือก็แค่เรื่องของราคาแล้วว่าทางวีโว่จะเคาะมาที่เท่าไรกันแน่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ผมขอยกยอดไปพูดถึงกันแบบเต็มที่อีกครั้ง ในรอบของรีวิวตัวเต็มที่คิดว่าเราคงได้เจอกันเร็วๆ นี้อย่างแน่นอนครับ ใครชอบความเป็น Y Series อย่าพลาดเลยทีเดียว!