ส่อง 5 ฟังก์ชั่นถ่ายวีดีโอสุดโหด! บนกล้องถ่ายรูป Xiaomi Mi 11 มือถือ 'Movie Magic'

เปิดตัวในระดับ Global อย่างเป็นทางการเรียบร้อยสำหรับ Xiaomi Mi 11 สมาร์ตโฟนที่อัดแน่นไปในทุกรายละเอียดของสเปกตัวเครื่อง โดยเฉพาะเรื่องกล้องถ่ายรูปที่ทาง Xiaomi บอกว่า สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งสวยเพียงอย่างเดียว แต่ในด้านของวีดีโอก็โหดไม่แพ้กัน เพราะใส่คุณสมบัติ ฟังก์ชั่น และความสามารถต่าง ๆ ในด้านถ่ายวีดีโอมาให้ชนิดที่ไม่น้อยหน้าใครในตลาด ถึงขนาดตั้งนิยามของ Mi 11 ว่า "Movie Magic" เลยทีเดียว 

ส่วนจะจริงหรือไม่คงต้องรอพิสูจน์กันอีกครั้งเมื่อตัวเครื่องมาถึงไทยและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้อยากพาทุกคนไปส่อง 5 ฟังก์ชั่นถ่ายวีดีโอสุดโหด! ที่ทาง Xiaomi ใส่มาบน Mi 11 กันครับว่าโหดแค่ไหน ทำไมทาง Xiaomi ถึงมั่นใจว่าเป็นสมาร์ตโฟนสำหรับ VDO Creator 

Xiaomi Mi 11 มาพร้อมกล้องถ่ายรูป Triple camera หรือใช้กล้องถ่ายรูปทั้งหมด 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED ซึ่งตัวกล้องหลักจะมีความละเอียดสูงถึง 108MP (F1.85) โดยใช้เซ็นเซอร์ของ Samsung ขนาด 1/1.33" ที่มีเทคโนโลยีรวมภาพแบบ 4 in 1 (Pixel binning) และมีระบบ OIS ในตัว ถัดมาจะเป็นกล้องถ่ายรูปเลนส์มุมกว้าง (Ultra wide Angle) ความละเอียด 13MP (F2.4) ให้ค่า Field Of View (FOV) 123 องศา สุดท้ายคือกล้องถ่ายรูป Telemacro ความละเอียด 5MP (F2.4) มีระยะ AF ที่ระยะ 3-10 เซนติเมตร 

เริ่มกันที่ฟังก์ชั่นแรก "1 Click AI Cinema" กับการเลือกฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอสำเร็จรูปจาก 6 ฟีเจอร์ มาสร้างสรรค์งานวีดีโอตาม Signature ของฟีเจอร์แต่ละตัวจนออกมาเป็นงานวีดีโอในแบบของเราเอง โดยทั้ง 6 ฟีเจอร์ ประกอบด้วย

• Time Freeze : ฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอที่สามารถเลือกวีดีโอที่ถ่ายไว้มาทำ Stop movement เพื่อสร้างมุมมองใหม่ ๆ ให้กับวีดีโอของเราที่ถ่ายมาได้

• Magic Zoom : เป็นฟีเจอร์ที่จะเล่นกับพื้นหลัง หรือ Background ของภาพวีดีโอให้มีการเคลื่อนไหวเหมือนการซูมภาพ 

• Slow Shutter : เป็นฟีเจอร์ที่เหมือนกับ Magic zoom โดยจะเล่น effect ไปที่พื้นหลังของภาพวีดีโอให้มีการเคลื่อนไหวช้า ๆ เหมือนปรับค่าสปีดชัตเตอร์ต่ำ ๆ เวลาถ่ายภาพกลางคืนนั่นเอง

• Night Time Lapse : เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนที่ตั้งถ่าย Time Lapse ยาวนานจนเข้าสู่เวลากลางคืน ทำให้บางครั้งภาพในส่วนกตอนกลางคืนจะใช้งานไม่ได้ ซึ่งถ้าถ่ายด้วยโหมดนี้ตัวกล้องของ Mi 11 ก็จะเปิดโหมด Night ให้ทันที เมื่อสภาพแวดล้อมมืดลง ทำให้ได้ภาพวีดีโอ Time Lapse ที่สวยตลอดคลิปด้วยนั่นเอง

• Freeze Frame Video : ฟีเจอร์ถ่ายวีดีโอที่ใช้การ Freeze หรือหยุด movement ของภาพวีดีโอไว้ก่อน และถ่ายต่อเพื่อให้เกิดวีดีโอแบบ Stop motion ได้

• Parallel world : ลูกเล่นตามชื่อเลยครับ พาราเรล กับการถ่ายวีดีโอที่จะสร้างภาพ Mirror ขึ้นในทิศตรงข้าม เอาใช้สร้างสรรค์ผลงานแบบอาร์ท ๆ ได้ตามใจชอบเลย

เป็นลูกเล่นในการย้อมโทนสีวีดีโอของเราให้เหมือนกับภาพยนตร์ด้วย 'Filter' ซึ่งปกติเวลาเราถ่ายวีดีโอจากบนมือถือเสร็จแล้ว สำหรับมือเก๋าก็คงจะสบาย ๆ เวลานำไปตัดต่อและย้อมสีวีดีโอต่าง ๆ ให้ออกมาสไตล์ Cinematic แต่สำหรับมือใหม่ก็คงจะเป็นเรื่องยากพอสมควรเลยล่ะ เพราะฉะนั้นการที่ทาง Xiaomi ใส่ความสามารถนี้เข้ามา ก็จะช่วยตอบโจทย์ให้กับมือใหม่ที่อยากครีเอทวีดีโอของตัวเองให้ออกมาเหมือนหนังสั้นได้ดีทีเดียว

นอกจากจะใส่ฟีเจอร์ Ultra Night มาให้ใช้งานได้ครบทุกกล้องบนมือถือในด้านของภาพนิ่งแล้ว ทางด้านถ่ายวีดีโอทาง Xiaomi ก็นำฟีเจอร์ "Ultra Night" มาใส่ให้ด้วยเช่นกัน และยังเคลมว่าสามารถช่วยเพิ่มความสว่างของภาพวีดีโอได้โดยที่มีนอยส์รบกวนต่ำมาก ๆ ถึงแม้สภาพแวดล้อม ณ ตอนเราถ่ายจะมืดมากหรือมีค่าความสว่างน้อยกว่า 1 Lux ก็ตาม ซึ่งค่าความสว่าง 1 Lux คือ การที่มีแสงไฟร่ำไร ๆ เท่านั้นนะครับ 

เป็นคุณสมบัติที่หลายคนอาจมองว่าไม่สำคัญเท่าไร แต่จริง ๆ แล้วการที่ Xiaomi Mi 11 รองรับการบันทึกวีดีโอมาตรฐาน HDR10+ จะช่วยเพิ่มมิติของภาพให้สมจริงยิ่งขึ้นด้วยขนาด Bit ที่เยอะขึ้นด้วย ดังนั้นภาพวีดีโอที่ได้ก็จะมีขอบเขตสีที่กว้าง จนทำให้เหมือนกับภาพที่เราเห็นด้วยตามากขึ้นด้วยนั่นเอง

สุดท้ายคือโหมดเร่งเวลาหรือ Time lapse ที่หลายคนชอบนำไปตั้งถ่ายภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ แบบเร็ว ๆ ซึ่งทาง Xiaomi ยกระดับให้แอดวานซ์ขึ้นไปอีกตรงที่เราสามารถเลือกปรับค่าแมนนวลหรือตั้งค่ากล้องถ่ายรูปแบบโหมดโปรได้ในโหมด Time lapse ซึ่งปกติแล้วโหมดนี้บนสมาร์ตโฟนหลายรุ่นจะเป็นโหมดถ่ายรูปแบบสำเร็จรูปที่กดเพียงชัตเตอร์แล้วก็ตั้งกล้องทิ้งไว้เท่านั้น แต่บน Mi 11 สามารถที่จะปรับแต่งกล้องได้ตามสไตล์ของเราเองน่าสนุกไม่น้อยเลย!