รีวิว Vivo Y31 สมาร์ทโฟนกล้อง Triple camera 48MP จอสวย แบตอึด มีชาร์จไว 18W

Vivo Y31 (2021) เป็นสมาร์ทโฟนซีรีส์ Y รุ่นแรกในปี 2021 ที่ส่วนตัวแล้วผมมองว่าทางวีโว่ได้มีการปรับภาพลักษณ์ และ Position Brand ของ Y Series ให้ขยับขึ้นมาจากกลุ่มเป้าหมายเดิมเล็กน้อย โดยมีการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่ของแบรนด์อย่างเช่น พวกฟีเจอร์กล้องถ่ายรูป หรือเทคโนโลยีกล้องถ่ายรูปที่เคยสร้างความประทับใจมากแล้วจาก V Series หยิบมาใส่เพิ่มเติมให้กับ Y Series เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และตอบรับกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

 

ทำให้ครั้งนี้ Vivo Y31 (2021) มีจุดเด่นหรือ Key Message ของรุ่น เป็นเรื่องราวของกล้องถ่ายรูป Triple Camera 48MP ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่แน่นขึ้นพอสมควร รวมถึงทางวีโว่ยังเลือกใช้จอแสดงผล IPS คุณภาพดีใส่มาให้ด้วย และแน่นอนว่าดีไซน์ตัวเครื่องก็ทำออกมาได้สวยและลงตัวมาก ๆ โดยเฉพาะสีฟ้าที่ได้มารีวิวในครั้งนี้ สวยงามและดูมีเสน่ห์ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะเป็นอย่างไร และราคาค่าตัวกับสิ่งที่ได้จะคุ้มมากแค่ไหน ตามผมไปสัมผัสลองเล่นเจ้า Y Series ตัวใหม่รับต้นปีของ วีโว่ ประเทศไทย ผ่านบทความนี้พร้อมกันครับ

Vivo Y31 (2021) ยังคงมาพร้อมกล่องโทนสีแบบ Dual โทนฟ้า-น้ำเงิน ซึ่งแค่เห็นกล่อง ภาพของแบรนด์วีโว่ก็ลอยมาแล้วล่ะครับ ยังคงเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิม และเมื่อเปิดกล่องขึ้นมาก็จะพบกับอุปกรณ์การใช้งานพื้นฐาน ดังนี้

• Vivo Y31 (2021)
• ชุดหูฟังแบบ EarBuds
• คู่มือการใช้งานเริ่มต้น
• เคสตัวเครื่องแบบ Soft Case
• สายชาร์จ USB-C
• อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ รองรับชาร์จไว 18W

Vivo Y31 (2021) มาพร้อมคอนเซ็ปต์งานออกแบบ "Dazzling 3D Color & Slim Design" กับการผสมผสานงานออกแบบทั้งสองด้านระหว่างความเบาและบางของตัวเครื่อง และงานด้านสีบนตัวเครื่องเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ตัวเครื่องของ Vivo Y31 มีขนาดตัวเครื่องที่เบาและบางเป็นพิเศษ โดยมีขนาดตัวเครื่องรวม กว้าง 75.32 x สูง 163.86 x หนา 8.38 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 188 กรัม เท่านั้น

ด้านฝาหลังตัวเครื่อง ที่เป็นหนึ่งในคอนเซ็ปต์การออกแบบในครั้งนี้ มีการใช้เทคนิค Dazzling 3D Color มาออกแบบโทนสีที่จะพ่นลงไป ทำให้ฝาหลังของ Vivo Y31 มีความพิเศษตรงที่โทนสีจะเป็นแบบ 3 มิติ ทำให้เมื่อสะท้อนกับแสงเวลาเราวางไว้บนโต๊ะ ฝาหลังก็จะมีการเล่นกับแสงทำให้ดูแพรวพราวสวยงามลงตัวเลยทีเดียว

ขยับขึ้นไปที่บริเวณมุมซ้ายบนก็พบกับโมดูลกล้องถ่ายรูป ซึ่งของเวอร์ชั่นไทยเราจะเป็นกล้องถ่ายรูป Triple Camera นะครับ โดยประกอบด้วยกล้อง 3 ตัว คือ กล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 48MP (F1.78), กล้องเลนส์มาโคร (Macro) ความละเอียด 2MP (F2.4) และเซ็นเซอร์ Depth ความละเอียด 2MP ส่วนข้างล่างเป็นไฟแฟลช LED 

พลิกกลับมาที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง รอบนี้ทาง Vivo เลือกใช้หน้าจอแสดงผล Halo FullView LCD IPS ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2,408 x 1,080 พิกเซล (FHD+) ซึ่งตัวหน้าจอแสดงผลจะรองรับการแสดงสีได้กว้างตามมาตรฐาน P3 Color Gamut ด้วยนะ ทำให้ตัวหน้าจอมีความสด คมชัด และสว่างมาก ๆ สามารถใช้งานท่ามกลางสภาพแสงจ้าได้สบายเลย รวมทั้งยังมีโหมดถนอมสายตาสำหรับคนที่ต้องใช้มือถือเป็นเวลานาน ๆ ให้ด้วย

ตรงบริเวณตรงกลางของหน้าจอแสดงผล จะเป็นตำแหน่งของโมดูลกล้องหน้าความละเอียด 8MP (F1.8) เหนือขึ้นไปจะเป็นแถบลำโพงเสียงสนทนา

ด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด (Volume) และปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแป้นสแกนลายนิ้วมือในตัวด้วย (Fingerprint Scanner)

ด้านบนตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของช่องถาดซิมการ์ด ซึ่ง Vivo Y31 (2021) จะรองรับการใช้งานถาดซิมแบบ Triple Slot นะครับ โดยสามารถใช้งานซิมการ์ดทั้งสองซิมการ์ดพร้อมกับ MicroSD Card (รองรับสูงสุด 1TB) พร้อมกันได้เลย

ด้านล่างตัวเครื่อง มีรูเสียบชุดหูฟัง (Jack) ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และลำโพงเสียงตัวเครื่องแบบ Mono ที่ดังมาก ๆ

• หน้าจอแสดงผล LCD IPS ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2,408 x 1,080 พิกเซล (FHD+)
• ชิปประมวลผล Snapdragon 662 ความเร็ว 2.0GHz
• GPU Adreno 610
• RAM 8GB 
• ROM 128 (UFS 2.1)
• รองรับ MicroSD Card สูงสุด 1TB
• Funtouch OS 11 based on Android 11
• กล้องถ่ายรูป Triple Camera ประกอบด้วย
  -- กล้องหลัก ความละเอียด 48MP (F1.79)
  -- กล้องเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP (F2.4)
  -- กล้อง Depth ความละเอียด 2MP (F2.4) 

• กล้องหน้า ความละเอียด 8MP (F1.8)
• สแกนนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง (ปุ่ม Power)
• Bluetooth 5.0
• รองรับ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac
• รองรับซิมการ์ด 2 ซิม
• แบตเตอรี่ 5,000 mAh (Quick Charge 18W)

Vivo Y31 (2021) ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 ซึ่งใช้พื้นฐานของ Android 11 เป็น Base on ในการพัฒนาตัวซอฟต์แวร์ ดังนั้นระบบปฏิบัติการหลักก็คือ Android OS นั่นเองนะครับ เพราะฉะนั้นใครที่พอเห็นชื่อ "Funtouch OS" แล้วสงสัยหรือกังวลว่าจะมีปัญหาการใช้งานอะไรหรือไม่? หรือใช้แอปพลิเคชันที่เคยใช้บน Android OS ได้หรือเปล่า? ก็ขอให้เข้าใจตรงกันว่าสมาร์ทโฟนวีโว่ใช้ Android OS นะครับ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ใช้งานกันได้สบาย ๆ ยาว ๆ 

สำหรับส่วนการติดต่อผู้ใช้งาน หรือ UI (User Interface) บน Funtouch OS 11 พื้นฐานยังคงยกมาจากเวอร์ชั่นก่อนทั้งหมด ที่มุ่งเน้นออกแบบให้ดูสบายตาเรียบง่าย การจัดวางเมนู ฟีเจอร์ หรือ Shortcut ในพื้นที่ต่าง ๆ ถูกวิเคราะห์มาอย่างดี ทำให้อยู่ในตำแหน่งที่เรียกใช้งานได้ง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้งานทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า รวมทั้งยังคงความซุกซนเล็ก ๆ ตามสไตล์ของวีโว่ไว้ด้วยนะ เช่น การที่เราสามารถเลือกปรับแต่งเอฟเฟกต์ของแสง ไอคอน หรือรูปแบบการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง น่าจะถูกใจสายซนแน่นอน

Vivo Y31 (2021) ขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 662 ความเร็ว 2.0GHz ซึ่งเป็นชิปประมวลผลระดับกลางรุ่นล่าสุดในซีรีส์ 600 ของ Qualcomm โดยชิปตัวนี้เข้ามาทำตลาดอยู่ตรงกลางระหว่าง Snapdragon 660 และ Snapdragon 665 ดังนั้นประสิทธิภาพการทำงานบนตัวเครื่องก็จะรองรับความต้องการใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับสูงเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้นการใช้งานระดับทั่วไปอย่างเช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชี่ยลมีเดีย การเปิดไฟล์เอกสารหลาย ๆ แท็บพร้อมกัน รวมถึงการสลับหน้าต่างเพื่อใช้แอปพลิเคชันตระกูลปรับแต่งรูปภาพไปพร้อม ๆ กับแอปฯ อื่น ๆ ก็สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น

ทำไม? Vivo Y31 (2021) ที่เป็นซีรีส์ Y ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นตอบสนองต่อการใช้งานในระดับทั่วไปให้ครอบคลุมมากกว่าการเน้นด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ จึงสามารถทำงานในระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับสูงได้อย่างราบรื่นด้วย ส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตให้กับการตัดสินใจใส่ RAM และ ROM มาให้เยอะและดีของวีโว่นั่นแหละครับ เพราะ Vivo Y31 (2021) รุ่นนี้มาพร้อมหน่วยความจำชั่วคราว (RAM) มากถึง 8GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาดความจุ 128GB เลย ดังนั้นเมื่อทำงานร่วมกับชิปเซ็ต Snapdragon 662 ที่ถือว่าเป็นชิปเซ็ตที่ทำออกมาอเนกประสงค์อยู่แล้ว จึงทำให้การตอบสนองบน Y31 (2021) ทำได้ดี มอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้นั่นเอง

การประมวลผลด้านกราฟิกเป็นอย่างไรบ้าง? ในด้านของกราฟิกจากที่ได้ลองทดสอบด้วยเกม MOBA LOL ดู ก็ถือว่ายังให้ประสบการณ์ที่ดีอยู่นะครับ อยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ทโฟนเรทราคานี้ ซึ่งตัวเครื่องสามารถรันและประมวลผลภาพกราฟิกภายในเกม LOL ได้ในระดับ 60FPS แต่ไม่นิ่งเท่าไรนัก มีสวิงบ่อยครั้งเวลาเข้าสู่ช่วงแบทเทิลหรือมีการใช้สกิลเยอะ ๆ บนหน้าจอ ก็มีกระตุกให้เห็นเล็กน้อย การทัชและการแตะสัมผัสก็ทำได้ในระดับทั่วไป เพราะฉะนั้นถ้าสรุปออกมาเป็นประสบการณ์การเล่นเกมในภาพรวมถือว่า "พอใช้ได้" ครับ เล่นเอาสนุก ๆ กับเพื่อน ๆ ได้สบาย ๆ แต่ถ้าใครอยากได้อรรถรสและชอบเล่นเกมเป็นพื้นฐาน ผมก็แนะนำว่าขยับขึ้นไปใช้ Vivo V20 Series จะเต็มอิ่มกว่านะ

• ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วย Antutu Benchmark ได้คะแนนทดสอบ 188,703 คะแนน
• ทดสอบประสิทธิภาพการเขียน-อ่าน หน่วยความจำ (ROM, UFS 2.1) ได้ค่าการอ่าน 510.55 MB/s และค่าการเขียน 212.94 MB/s
• ทดสอบประสิทธิภาพทำงานของ CPU ด้วย Geekbench ได้คะแนนการทำงาน Single core 316 คะแนน และแบบ Multi-core 1408 คะแนน
• ทดสอบการรองรับการแสดงผล High Definition บนสตรีมมิ่ง VDO (Netflix) ผลเป็น Security Level L1 (รองรับการแสดงผล)

จุดเด่นแรกที่เป็น First Impression ของผมสำหรับการรีวิวเจ้า Y31 (2021) เลยก็คือเรื่องของหน้าจอแสดงผลครับ เพราะหลังจากที่เปิดเครื่องปุ๊ปก็ร้อง "Wow" ทันที เพราะหน้าจอแสดงผล Halo FullView ขนาด 6.58 นิ้ว ที่ทางวีโว่ติดตั้งมาให้นั้นแสดงผลได้คมชัดและสีสันสดใสสวยมาก ๆ โดยตัวสเปกของหน้าจอตัวนี้ จะเป็นหน้าพาแนล LCD IPS รองรับการแสดงขอบเขตสีได้กว้างตามมาตรฐาน P3 Color Gamut ด้วย ซึ่งเป็นที่มาของสีสันที่สดใส คมชัด นั่นเอง ดังนั้นใครที่ชอบรับชมคอนเทนท์วีดีโอทั้งจากบน Youtube หรือ Netflix น่าจะถูกใจกันนะ นอกจากจะเป็นคนที่ชอบโทนสีจัดจ้านอันนี้น่าจะไม่ตอบโจทย์เท่าไรนัก

พลังเสียงยังคงเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนวีโว่แทบทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ ซึ่ง Vivo Y31 (2021) ก็ไม่พลาดที่จะมาพร้อมระบบเสียงทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ดีตามสไตล์ของวีโว่เหมือนกัน โดยเริ่มกันที่ด้านฮาร์ดแวร์กันก่อนเลย รอบนี้ทางวีโว่ติดตั้งลำโพงเสียงบนตัวเครื่องมาให้ตำแหน่งเดียว แต่ถึงจะเป็นลำโพงเดี่ยว ในด้านของระดับเสียงและการขับเสียงทำได้ดังและกังวาลมาก ๆ เสียงที่ขับออกมาดูดีกว่าลำโพงมาตรฐานทั่วไปอย่างชัดเจน และระดับเสียงเปิดเพียง 50-60% ก็ดังสนั่นทั่วห้องแล้วละครับ 

ในด้านของซอฟต์แวร์ ทางวีโว่ใส่ตัวปรับเสียง (EQ) ที่ชื่อ AI Super Audio มาให้ ทำให้เราสามารถปรับสไตล์ของเสียงเพิ่มเติมได้จากตัวซอฟต์แวร์ และเพิ่มความแม่นยำของการรับฟังบนตัวเครื่องจากโหมดปรับเสียงให้เข้ากับหูของแต่ละบุคคลในตัวซอฟต์แวร์นี้ได้ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งจากที่ผมลองใช้งานดูก็รู้สึกว่าตัวซอฟต์แวร์สามารถช่วยเพิ่มมิติเสียงให้ตรงกับความต้องการของเราเองได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ฟังได้สนุกขึ้นอีกสักหน่อย

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยต่อข้อมูลบนตัวเครื่อง ด้วยการยืนยันตัวตนผ่านระบบสแกนนิ้วมือนั้น รอบนี้ Vivo Y31 (2021) มาพร้อมระบบสแกนนิ้วมือแบบสัมผัส โดยที่วางตำแหน่งของแป้นสแกนไว้บนปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) ที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่องเลย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมว่าใช้งานได้สะดวกดีนะ เพราะเวลาเราถือใช้งานตำแหน่งนิ้วโป้งหรือนิ้วชี้ที่เรามักนิยมใช้เป็นนิ้วสแกนก็จะถือจับอยู่แถว ๆ บริเวณนั้นอยู่แล้ว ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้สะดวก ส่วนประสบการณ์การใช้งานก็ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง เพราะตัวระบบทำงานได้แม่นยำและไวมาก ๆ ใช้เวลาประมาณ 0.3 วินาที หรืออารมณ์แตะนิ้วปุ๊ปก็ปลดล็อกทันทีเลย ส่วนใครที่ชอบแบบใช้ Face Unlock บน Vivo Y31 (2021) ก็ใส่มาให้เป็นทางเลือกด้วยเช่นกันครับ เลือกปรับใช้งานกันได้ตามชอบเลย

ด้านพลังงานบน Vivo Y31 (2021) เป็นอะไรที่อึดมาก ๆ ด้วยขนาดแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh และซอฟต์แวร์ที่จัดสรรทรัพยากรบนตัวเครื่องได้ดีของ Funtouch OS 11 ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคือ ใช้งานได้ยาวนานมาก ๆ 1 วัน เอาอยู่แน่นอน ซึ่งผมได้ลองทดสอบใช้งานอย่างหนักหน่วงตอนที่ต้องเดินทางไปออกกองเพื่อถ่ายงานรีวิว โดยพยายามเล่นเกมต่อเนื่องติดต่อกัน เปิดกล้องถ่ายรูปต่อเนื่องติดต่อกันอีกหลายนาที และเปิดฟังเพลงยาว ๆ ตามด้วยโซเชี่ยลมีเดียอีกสักหน่อย จากแบตเตอรี่ 100% ตอนที่ชาร์จออกไป ใช้งานได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดเหลือ 74% เท่านั้น ดังนั้นถ้าใครที่จะเอาไปใช้งานโดยเน้นในเรื่องแบตเตอรี่อึด ๆ ใช้ยาว ๆ จนกลับบ้านตอนดึก ๆ หรือในด้านที่ต้องตอบแชทหรือต้องสแตนด์บายรอทั้งวันอะไรแบบนี้ รุ่นนี้ตอบโจทย์ให้คุณได้แน่นอนครับ

นอกจากแบตฯ อึดลดยากแล้ว ในด้านของชาร์จพลังงานกลับคืนเข้าเครื่อง ทางวีโว่ได้ใส่เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W มาให้ในตัวด้วย ซึ่งสามารถชาร์จพลังงานกลับเข้าเครื่องได้ประมาณ 70% ใน 60 นาที ดังนั้นถ้าชาร์จเต็มร้อยก็ใช้เวลาโดยประมาณ 1.30 ชั่วโมงเท่านั้นครับ และนอกจากนี้ยังมีโหมดแปลงตัวเองเป็น Power Bank สามารถแบ่งพลังงานให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ ด้วยการชาร์จผ่านสายดาต้า USB-C ที่รองรับการชาร์จแบบ Reverse Charge ซึ่งใครที่ใช้งานมือถือสองเครื่องพกเจ้า Vivo Y31 (2021) ไปด้วยใช้งานกันได้ยาว ๆ ยันถึงตอนนอนได้เลยล่ะ

เรื่องของกล้องถ่ายรูปเป็นจุดเด่นสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะรอบนี้ทางวีโว่ได้ติดตั้งกล้องคุณภาพดีและความละเอียดสูงมาให้ด้วย ทำให้ประสบการณ์การใช้งานด้านการถ่ายรูปบน Y Series เปลี่ยนไปพอสมควรเลย โดย Vivo Y31 (2021) มาพร้อมกล้องถ่ายรูป Triple Camera ที่ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียดสูง 48MP (F1.79), กล้องเลนส์มาโคร ความละเอียด 2MP (F2.4) และเซ็นเซอร์ Depth สำหรับช่วยในเรื่องของการโปรเซสภาพถ่ายบุคคล ความละเอียด 2MP (F2.4) โดยมีไฟแฟลชแบบ LED ช่วยเพิ่มแสงในตอนกลางคืนติดตั้งมาคู่กันเหมือนเดิม

ในขณะที่กล้องหน้ารอบนี้เป็นกล้องเดี่ยวความละเอียด 8MP (F1.8) มาพร้อมซอฟต์แวร์ช่วยถ่ายเซลฟี่อย่างเช่น โหมดถ่ายภาพบิ้วตี้ และโหมด Pose Master สำหรับแนะนำทางท่าการโพสถ่ายรูปมาให้ด้วย ส่วนด้านการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าจะรองรับความละเอียดในการบันทึกวีดีโอได้สูงสุดที่ระดับ 1080P

กล้องของ Vivo Y31 (2021) ส่วนตัวคิดว่าเป็นกล้องที่เน้นในเรื่องของการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภาพมากกว่าเรื่องของมุมมองหรือโทนสีภาพที่ประทับใจตั้งแต่แรกเห็นอะไรแบบนี้นะครับ เพราะจากภาพถ่ายที่ได้ถ่ายมา ถ้าดูจะองค์ประกอบรวมของภาพ ผมก็รู้สึกว่าเรื่องของการเก็บรายละเอียดจะทำได้ดีที่สุดแล้ว ส่วนโทนสีน่าจะต้องนำมาตกแต่งเพิ่มเติมกันอีกสักหน่อยถึงพร้อมแชร์ขึ้นโซเชี่ยลนะ

ในขณะที่โหมดหรือลูกเล่นต่าง ๆ ที่ทางวีโว่ติดตั้งมาให้ สามารถใช้งานได้จริงและข่วยเพิ่มความสนุกในการถ่ายภาพได้ในระดับหนึ่งเลย ดังนั้นถ้าให้สรุปในภาพรวมของประสบการณ์การใช้งานกล้องถ่ายรูปบน Vivo Y31 (2021) ผมคิดว่านี่คือกล้องบนมือถือ Y Series ที่ถ่ายสนุก เหมาะสำหรับคนที่เน้นการถ่ายภาพ Portrait หรือภาพบุคคลเป็นหลัก น่าจะถูกใจกันแน่นอน ส่วนที่เหลือก็อยู่ที่เพื่อนๆ กันแล้วล่ะครับว่าจะชอบสไตล์ภาพที่ตัวกล้องถ่ายทอดออกมาหรือไม่ ซึ่งลองพิจารณากันได้จากภาพตัวอย่างด้านล่างนี้ได้เลย!

• Outdoor (กลางแจ้ง)

---

• Indoor (ในร่ม)

---

• 48MP (ถ่ายภาพความละเอียด 48 ล้านพิกเซล)

---

• Portrait (บุคคล)

---

• Macro (ภาพถ่ายวัตถุระยะใกล้)

---

• Super Night Mode (กลางคืน)

---

• Stylish Night Filters

---

• Auto Mode (อัตโนมัติ)

---

• Portrait (บุคคล)

มาถึงบทสรุปกันแล้ว สำหรับ Vivo Y31 (2021) สำหรับผมแล้วคิดว่าเป็นสมาร์ทโฟน Y Series ของวีโว่ที่ดูลงตัวมากขึ้นจากปีก่อน พร้อมกับทางวีโว่ได้เพิ่มขีดจำกัดให้สามารถตอบรับกับเทรนด์ของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปได้อย่างลงตัว ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในบ้านได้ยอดเยี่ยม เข้าใจโจทย์ของกลุ่มลูกค้าของตัวเองได้ค่อนข้างดีเลยล่ะครับ เข้าใจว่าแฟนคลับต้องการอะไรก็พยายามจัดสรรมาให้ได้อย่างลงตัว  

ถ้าถามผมว่า Vivo Y31 (2021) โดดเด่นในเรื่องไหนบ้าง? ก็ขอตอบเลยว่า "ดีไซน์และสเปกตัวเครื่องที่ลงตัวมาก ๆ" คือสองสิ่งที่ผมเห็นจากสินค้าตัวนี้อย่างชัดเจนครับ สำหรับในด้านของงานออกแบบถ้ามองเทียบกับ Y Series ด้วยกันในปีก่อนก็จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีความโดดเด่นและมีพัฒนาการขึ้นอย่างชัดเจน ตัวเครื่องดูสวยและลงตัวมากขึ้น

ส่วนด้านกล้องถ่ายรูปผลงานหลังกล้อง Triple Camera 48MP ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี ถ่ายสนุก และตัวกล้องเก็บรายละเอียดภาพได้ดีอยู่ มีฟีเจอร์และโหมดช่วยถ่ายภาพต่าง ๆ ที่ทางวีโว่ใส่มาให้ใช้งานได้ครอบคลุมเลยล่ะ ถ้าจะให้ติสักหน่อยก็คงเป็นเรื่องของการขาดหายไปของเลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide) ที่ส่วนตัวคิดว่าเป็นเลนส์สำคัญบนสมาร์ทโฟนในยุคนี้ไปแล้ว

ในขณะที่เรื่องของสเปกตัวเครื่อง ถ้าหากมองภาพรวมส่วนตัวคิดว่า ทางวีโว่จัดสเปกมาได้ลงตัวและครอบคลุมอยู่พอสมควรนะครับ ถึงแม้หลายคนอาจโฟกัสไปที่เรื่องของหัวใจหลักอย่างชิปเซ็ตที่ไม่ใช่ตัวแรงกว่าอย่าง Snapdragon 665 หรือ 720G แต่การได้ขนาดความจุของ RAM และ ROM ที่เยอะเข้ามาทดแทน และชิปเซ็ต Snapdragon 662 มาทำงานร่วมกันในเรทราคาค่าตัวเท่านี้ ส่วนตัวผมก็คิดว่าเพียงพอแล้วล่ะครับสำหรับความต้องการใช้งานพื้นฐานบนมือถือ และยิ่งได้ซอฟต์แวร์ที่จัดการทรัพยากรที่ดีและแบตเตอรี่ความจุสูง 5,000 mAh ก็ยิ่งทำให้การใช้งานใน 1 วัน ยิ่งลงตัว ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่สำหรับทำธุรกิจขายของออนไลน์หรือใช้งานตลอดทั้งวัน เจ้า Y31 (2021) ตอบโจทย์ให้คุณได้แน่นอน

Vivo ประเทศไทย วางจำหน่าย Vivo Y31 (2021) ในราคา 7,499 บาท พร้อมสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีฟ้า Ocean blue และสีดำ Racing Black โดยสามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ที่ Vivo Brand shop ทุกสาขาทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2564 เป็นต้นไป