ถอดรหัสความคุ้มค่าของ realme C11 สมาร์ทโฟนในราคา 3,499 บาท น่าซื้อแค่ไหน?
realme C11 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนสายคุ้มค่าคุ้มราคาของ เรียลมี ประเทศไทย ที่ถูกเปิดตัวและวางจำหน่ายในไทย ซึ่งยังคงชูจุดเด่นของรุ่นด้วยสเปกตัวเครื่องที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว ถึงแม้ครั้งนี้จะมีรายละเอียดบางจุดที่ส่วนตัวอยากจะขอติสักหน่อย แต่ภาพรวมก็ถือว่าทางเรียลมียังคงคอนเซ็ปท์การทำการตลาดของซีรีย์ 'C' ไว้ได้ดีอยู่เหมือนกัน
ในขณะที่ด้านของกระแสตอบรับจากแฟนๆ และผู้ใช้งานทั่วไป ภาพรวมผมมองว่าก็ยังคงออกมาเป็นบวกพอสมควร เพราะพอนำไปเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกันจะเห็นได้ชัดเลยว่า C11 ทำออกมาได้น่าพึงพอใจ จนทำให้หลายคนที่กำลังจะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เกิดความลังเลใจหรือสนใจและเลือก realme C11 ขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยทีเดียว
ดังนั้นครั้งนี้เพื่อตอบคำถามให้กับเพื่อนๆ อีกหลายคนที่กำลังสนใจในรุ่นนี้อยู่ ผมเลยอยากพาทุกคนไปถอดรหัสจุดเด่นของ realme C11 กับโจทย์ของการเป็นสมาร์ทโฟน Entry ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดจริงหรือไม่? และจุดน่าซื้อของรุ่นนี้อยู่ตรงไหน? ผ่านบทความนี้พร้อมๆ กัน ซึ่งใครที่กำลังสนใจรุ่นนี้อยู่ห้ามพลาดเลยล่ะ เพราะคุณอาจได้คำตอบในการตัดสินใจเมื่อหลังอ่านจบก็เป็นได้ บอกแล้วนะ!
ดีไซน์โดดเด่น งานประกอบแน่น
เริ่มกันจุดเด่นแรกที่ทำให้ realme C11 แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน และดูเป็นตัวตนของตัวเองได้ดีมากที่สุดคือเรื่องของงานออกแบบ (Design) ซึ่งหากย้อนกลับไปในแต่ละรุ่นของ realme C Series จะเห็นได้ชัดเลยว่า ทางเรียลมีมีความตั้งใจที่จะนำตัวตนของแบรนด์อีกด้านหนึ่งมาใส่ไว้บนสมาร์ทโฟนไลน์อัปนี้อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับคอนเซ็ปท์ที่วางกลุ่มผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางอยู่เสมอ ทำให้ตัวสมาร์ทโฟนมีความสดใส มีกลิ่นอายของแฟชั่นนิสต้าอยู่หน่อย และโดดเด่นไม่เหมือนใคร
และยังคงส่งต่อมาที่ realme C11 สมาร์ทโฟน C Series รุ่นล่าสุด ที่ครั้งนี้ทางเรียลมีเลือกออกแบบฝาหลังตัวเครื่องแบบ Mondrian (มองเดรียน) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างในภาพวาดของ Mondrian (มองเดรียน) หรือ Piet Cornelies Mondrian ศิลปินชาวเนเธอร์แลนด์ที่สร้างผลงานศิลปะรูปแบบนามธรรมในช่วง Modern Art โดย เรียลมี ได้เลือกนำเสนอความงามโดยการใช้รูปทรงเรขาคณิต เส้นสาย และสีสัน อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mondrian มาสู่รูปทรงที่เรียบง่ายและชัดเจนบนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งถ้าใครมองแว่บแรกแล้วชอบก็จะชอบเลยล่ะครับ ส่วนใครยังเฉยๆ สุดท้ายอาจรู้สึกแปลกเกินไปก็เป็นได้เช่นกัน เรื่องของศิลปะคงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลจริงๆ
ในขณะที่ด้านงานประกอบตัวเครื่องทางเรียลมีไม่ทำให้ผิดหวังเหมือนเดิม เพราะจากที่ได้สัมผัสตัวเครื่อง และลองทดสอบเขย่านั้นนี้รวมถึงถือใช้งานปกติทั่วไปดูแล้ว ยอมรับเลยว่าทางเรียลมีผลิตตัวเครื่องมาได้แข็งแรงดีมาก งานประกอบแน่นหนา และดูทนทานดีมาก คาดหวังในการใช้งานระยะยาว 2 - 3 ปีขึ้นไปได้เลย นอกจากนี้ยังมีผลการทดสอบจากห้องแล็ปของเรียลมีเองด้วยว่า ทางเรียลมีมีการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องในด้านต่างๆ หลายจุดจากโรงงานก่อนที่จะปล่อยตัวจริงออกมาสู่ตลาดได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลยทีเดียว
การทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องที่ทาง เรียลมี เคลมไว้
- การทดสอบการตกกระแทกพื้นที่ความสูงระดับ 10 เซนติเมตร : 56,000 ครั้ง
- การทดสอบการกดปุ่มเสียง : 100,000 ครั้ง
- การทดสอบการกดปุ่ม Power : 200,000 ครั้ง
- การทดสอบเสียบสายชาร์จเข้า-ออก : 10,000 ครั้ง
- การทดสอบเสียบหูฟังเข้า-ออกจากรูเสียบ 3.5 มม. : 10,000 ครั้ง
- การทดสอบความแข็งแรงของพอร์ตเชื่อมต่อทุกจุดบนตัวเครื่อง : 10,000 ครั้ง
ชิประดับเริ่มต้นตัวแรง! ใช้งานทั่วไปสบาย
จุดเด่นที่สองกับเรื่องของ "ประสิทธิภาพการทำงาน" บนตัวเครื่อง ที่ส่วนตัวผมมองว่ายังไม่เพอร์เฟ็คเท่าไรแต่ก็ยังทำได้ดีอยู่ เพราะว่าครั้งนี้ทางเรียลมีเลือกใช้ชิปประมวลผลการทำงานเป็น CPU MediaTek Helio G35 ซึ่งชิปตัวนี้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นชิปประมวลผลบนมือถือในระดับเริ่มต้น ที่ได้เทคโนโลยี HyperEngine ของ MediaTek เทคโนโลยีที่ถูกนำไปใช้งานบนชิปซีรีย์ใหม่ "Dimensity" มาใช้งานด้วย
ทำให้ MediaTek G35 เป็นชิปประมวลผลบนสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry phone) ได้อย่างลงตัว และสามารถรันประมวลผลทำงานแบบทั่วไปบนสมาร์ทโฟนได้เร็วและไว เพียงแต่เมื่อพอชิปตัวนี้ทำงานจริงบน realme C11 ก็จะพบอาการหน่วงหรือช่วงรอโปรเซสของระบบให้เห็นบ่อยเลยทีเดียว เพราะด้วยการที่ทางเรียลมีเลือกใส่หน่วยความจำชั่วคราว (RAM) มาให้แค่ 2GB เท่านั้น ซึ่งผมมองว่ามันอาจไม่เพียงพอต่อการทำงานบน Android OS ที่ในปัจจุบันทาง Google เองก็ยืนยันว่า RAM พื้นฐานของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ควรมีขนาดความจุอยู่ที่ 3GB ขั้นต่ำ ถ้าต่ำกว่านี้เหมาะสำหรับการทำงานบน Android OS Go Edition มากกว่า
ในขณะที่ ROM (หน่วยความจำภายใน) ใส่มาให้ที่ 32GB คิดว่าน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปอยู่ และเข้าใจว่ามือถือราคานี้ถ้าให้มากกว่านี้เดียวรุ่นพี่ราคา 6,xxx - 8,xxx บาท อาจมีมองฆ้อนกันได้ เพราะพวกพี่ๆ เขายังได้แค่ 64GB เลย ดังนั้นถ้าใครคิดว่าต้องการมากกว่าอาจต้องขยับขึ้นไปเล่น realme 6 หรือ realme 5i ก็ได้ครับ น่าจะตอบโจทย์ดีกว่า
ภาพรวมการทำงาน-การใช้งานทั่วไปบน realme C11 ถืออยู่ในระดับกลางๆ สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นพื้นฐานหรือโซเชียลมีเดียได้ไหลลื่น เพียงแต่เมื่อต้องใช้งานโปรแกรมที่สูงขึ้นมาหน่อยก็อาจพบเจออาการ "รอโปรเซส" ให้เห็นบ้าง ซึ่งถ้าใครรับได้ก็ไม่เป็นปัญหานะ รอ 1-3 วินาที เท่านั้น ไม่ได้รอนานเป็นนาที ส่วนถ้าใครคิดว่ารับไม่ได้ก็แนะนำให้ข้ามไปหารุ่นพี่อย่าง realme 5i หรือ realme 6 Series ได้เลยครับ
แบตเตอรี่อึดเอาเรื่อง! ชาร์จให้คนอื่นก็ได้
หนึ่งในความต้องการหลักบนสมาร์ทโฟน Entry ของผู้ใช้งานคือ เรื่องของพลังงานแบตเตอรี่ที่เพียงพอต่อการใช้ในหนึ่งวัน ซึ่ง realme C11 แก้จุดตรงนี้ได้ดีเลยทีเดียวกับการเลือกใส่แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh มาให้ พร้อมกับแปลงตัวเองให้เป็น PowerBank เพื่อชาร์จพลังงานให้กับสมาร์ทโฟนอีกเครื่องได้ด้วย ดังนั้นถ้าใครถือเจ้า C11 ไว้เป็นเครื่องสำรอง ก็จะเสมือนถือ PowerBank ไปไหนตัวได้เลยสะดวกดีครับ
ในขณะที่การจัดสรรพลังงานของ realme UI หรือตัวซอฟต์แวร์ของเรียลมีถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่งเลยนะ เท่าที่ลองใช้งานปกติทั่วไป เช่น เล่นโซเชียล 10-15 นาทีต่อครั้ง, ฟังเพลงออนไลน์ผ่าน Youtube, เล่นเกม ROV สักเกมสองเกม พร้อมกับจับดูเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ที่ลดลงก็อยู่ราวๆ ประมาณ ชั่วโมงละ 10-20% แล้วแต่การใช้งาน ดังนั้นถ้าคิดเป็นเลขกลมๆ ผมว่าแบตเตอรี่ของ realme C11 สามารถลากยาวได้ตั้งแต่เช้าไปจนค่ำได้เลยนะ และยิ่งถ้าใครใช้งานไม่เยอะก็ยิ่งลากไปถึงดึกๆ ได้เลย ก็ถือว่าเรื่องของแบตเตอรี่กับความต้องการใช้งานมือถือในหนึ่งวัน realme C11 ตอบโจทย์!
ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้ในราคาเบาๆ
ในเรื่องของฟีเจอร์หรือฟังก์ชั่นการใช้งานอื่นๆ ที่จะเข้ามาช่วยยกระดับความสะดวกในการใช้งานบนสมาร์ทโฟนในแต่ละวันแต่ละโมเม้นท์ให้สบายมากขึ้น realme C11 ก็เหมือนจะถูกออกแบบมาให้รองรับในจุดนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยราคามือถือเพียง 3,499 บาท แต่เรียลมีก็ดูจะใส่ใจและพยายามที่จะใส่สิ่งต่างๆ เข้ามาให้ผู้ใช้งานอยู่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็น
- ถาดซิมการ์ดแบบ 3 in 1 : สามารถใช้งานซิมการ์ดหลักและซิมการ์ดรองไปพร้อมๆ กับ MicroSD Card (256GB) ได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องมาเลือกรักพี่เสียดายน้องอีกต่อไป
- รองรับการสแกนใบหน้า : ฟีเจอร์พื้นฐานบน Android OS ที่บางแบรนด์มักจะเลือกตัดออกไป และให้ไปใช้งานผ่านสแกนนิ้วมือแทน แต่ทางเรียลมียังใส่ไว้ให้เหมือนเดิม แต่สแกนนิ้วมือไม่มี!!
- Dual mode Bluetooth : ฟีเจอร์บลูทูธ 5.0 ที่ทำให้เราสามารถแพร์กับอุปกรณ์บลูทูธด้วยกันได้พร้อมกันสองอุปกรณ์
"กล้องถ่ายรูป" เป็นอีกจุดที่คนยุคใหม่มักจะมองเป็นสิ่งแรกในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องมาใช้งาน ซึ่งตัวผมเองก่อนที่จะได้ลองทดสอบและลองใช้งาน realme C11 ก็ได้คาดหวังผลลัพธ์ไว้ว่า แค่ถ่ายภาพออกมาให้รู้เรื่องก็ยอมรับได้แล้ว แต่หลังจากได้ลองถ่ายดูก็พบว่ากล้องคู่ความละเอียด 13+2 MP เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ ภาพที่ได้จัดว่าสวยเลยล่ะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเรทราคาเดียวกัน อาจเป็นเพราะทางเรียลมีใส่ซอฟต์แวร์เด่นๆ จากรุ่นบนลงมาให้ด้วยเช่น Chroma Boost, AI Portrait, โหมดถ่ายกลางคืน เป็นต้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง realme C11
บทสรุป
มาถึงตรงนี้ก็ต้องย้ำกันอีกครั้งว่าสิ่งที่เพื่อนๆ ได้อ่านมาทั้งหมดได้รวมอยู่บนสมาร์ทโฟนราคา 3,499 บาท ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็นสมาร์ทโฟน Entry อีกรุ่น ที่มีความน่าซื้อและคุ้มราคาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าให้คะแนนเป็นดาวได้ก็คงให้อยู่ที่ 8 / 10 คะแนน ถึงแม้จะตัดนั้นตัดนี้ไปบ้างแต่ภาพรวมและผลลัพธ์ของการใช้งานก็ยังคงให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีได้อยู่
ถ้าหากเรามองเทียบกับราคาที่จ่ายไป แต่ถ้าใครที่เคยใช้งานสมาร์ทโฟนระดับ Mid-range ขึ้นไปมาแล้ว หรือ Mid-entry มา ก็อาจจะหงุดหงิดบ้างตรงการทำงานที่อาจไม่รวดเร็วปรู๊ดปร๊าดทันใจ แต่ก็ไม่ได้ช้าจนหงุดหงิดครับ ดังนั้นผมขอสรุปว่า realme C11 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟน Entry ที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นหนึ่งในสามตัวเลือกแรกของทุกคนได้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนในเรทราคานี้กันอยู่ไม่ยากแน่นอน
สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่านี้ สามารถอ่าน รีวิว realme C11 สมาร์ทโฟนจอใหญ่ 6.5 นิ้ว กล้องหลังคู่ AI แบตใหญ่ 5000mAh สนุกไม่สะดุด ในราคาเพียง 3,499 บาท ต่อได้เลย