รีวิว Poco F2 Pro มือถือจอไร้ขอบ ชิป Snapdragon 865 กล้อง Quad camera 64MP ในราคา 17,999.-
หลังจากรอคอยกันมาเกือบสองปี
Poco F2 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นที่สองของแบรนด์ Poco ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการกันสักที และทาง Xiaomi ที่เป็นแบรนด์แม่ของโปโกก็ได้เลือกประเทศไทยให้เป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ที่จะวางจำหน่ายด้วยนะครับ ทำให้ผู้ใช้งานในไทยได้มีโอกาสสัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนที่สื่อเมืองนอกยกให้ว่า "สุดคุ้ม" รุ่นนี้ก่อนประเทศโซนยุโรปด้วย
Poco F2 Pro มีจุดเด่นในเรื่องของสเปกตัวเครื่อง ที่ทางโปโกใส่มาให้ระดับเดียวกับมือถือรุ่นท็อปแบรนด์อื่น แต่เทียบกับราคาวางจำหน่ายแล้วกลับแตกต่างกันแบบเห็นได้ชัด จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม F2 Pro ถึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะเปิดวางจำหน่ายจริง แต่ความคุ้มค่าเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เพราะเมื่อใช้งานจริงแล้วสเปกที่อยู่บนกระดาษเหล่านั้นจะให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจหรือไม่ รวมทั้งปัญหาที่เคยพบในรุ่นแรกยังตามมาในรุ่นนี้ด้วยไหม? อยากให้ตามผมมาพิสูจน์และไขข้อสงสัยเหล่านี้ไปพร้อมกันผ่านบทความรีวิวนี้กันครับ รับรองว่าอ่านจบน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแน่นอน!
แกะกล่อง Poco F2 Pro (Unbox)
รอบนี้ทางโปโกออกแบบกล่องของ Poco F2 Pro มาได้สวยเลยทีเดียว เลือกใช้พื้นเป็นสีดำตัดกับสีเหลืองของตัวอักษรทำให้รู้สึกถึงความเรียบหรู ลึกลับก็ว่าได้นะ และเมื่อเปิดกล่องขึ้นมาก็จะพบกับอุปกรณ์พื้นฐานเริ่มต้นดังนี้
- Poco F2 Pro
- เคสตัวเครื่องแบบแข็ง (Hard case)
- คู่มือการใช้งาน
- สายชาร์จ USB-C
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
Poco F2 Pro รอบนี้ทีมออกแบบต้องการที่จะสื่อสารด้วยคำว่า "๊Ultimate" เพื่อบ่งบอกถึงความไร้ข้อจำกัดในทุกด้านของ F2 Pro จึงออกแบบตัวเครื่องภายใต้คอนเซ็ปท์ 'Futuristic Design' ที่ออกแบบให้ตัวเครื่องหลุดกรอบไปในอนาคต ซึ่งถ้าใครได้สัมผัสตัวเครื่องจริงน่าจะคิดเหมือนกันว่า "ใช่ครับ" หลุดไปซะไกลเลยล่ะ! ตัวเครื่องจะดูล้ำเหมือนยานอวกาศก็ว่าได้นะ
เทียบขนาดตัวเครื่องกับรุ่นแรก
- ขนาดตัวเครื่อง Poco F2 Pro : กว้าง 75.4 x สูง 163.3 x หนา 8.9 มิลลิเมตร น้ำหนักรวม 219 กรัม
- ขนาดตัวเครื่อง Poco F1 Pro : กว้าง 75.2 x สูง 155.5 x หนา 8.8 มิลลิเมตร น้ำหนักรวม 180 กรัม
ด้านหน้าตัวเครื่อง มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED Full Screen Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 5 ตัวหน้าจอจะแสดงผลแบบเต็มจอเต็มขอบ เนื่องจากตัวกล้องหน้าถูกย้ายไปไว้ด้านบนแทน โดยหน้าจอมีอัตราส่วนการแสดงผลเป็นแบบ 20:9 และมีค่าความสว่างอยู่ที่ 500 nits ซึ่งเมื่อนำไปใช้งานกลางแดดจริงยังพอมองเห็นหน้าจออยู่นะครับ
คุณสมบัติหน้าจอเพิ่มเติม
- ผ่านมาตรฐานจอถนอมสายตาจาก TUV Rheinland full care Display Certificate
- รองรับการแสดงผล HDR10+
- รองรับการแสดงผล HDR10+ บนสตรีมมิ่งวีดีโอ Netflix
- refresh rate 60Hz, Sample rate 180Hz
การปลดล็อคหน้าจอบน Poco F2 Pro ตัวเครื่องจะรองรับการยืนยันตัวตนสำหรับปลดล็อคหน้าจอทั้งหมด 3 รูปแบบคือ ปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (Fingerprint on display), ปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า (Face unlock) และแบบ Pin หรือ Password ซึ่งถ้าหากใครเลือกใช้การสแกนเป็นแบบสแกนลายนิ้วมือ เวลาสแกนต้องแตะนิ้วค้างบนหน้าจอสัก 1-3 วินาที เพื่อสแกนนะจะแตะแบบเร็วๆ ไม่ได้
ด้านบนตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งที่ใส่ของมาเยอะมากๆ นำทีมด้วยกล้องหน้าที่ใช้รูปแบบ Pop-up, พอร์ต IR สำหรับใช้งานเป็นรีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ, รูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านขวาตัวเครื่อง มีปุ่มกดปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด (Volume) และปุ่มกดเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) ซึ่งรอบนี้ทำสีที่ปุ่มเป็นสีแดงให้ดูสะดุดตาชัดเจน
ด้านล่างตัวเครื่อง มีช่องถาดซิมการ์ด (Dual NanoSIM), พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และลำโพงเสียงตัวเครื่อง
ด้านหลังตัวเครื่อง ใช้วัสดุเป็นกระจก Gorilla Glass 5 แบบเดียวกับด้านหน้า ทำให้เวลาถือจับอาจเห็นรอยคราบนิ้วมือได้นะครับ บริเวณตรงกลางจะเป็นตำแหน่งของกล้องถ่ายรูป Quad camera พร้อมไฟแฟลช LED ซึ่งรอบนี้ออกแบบมาเป็นทรงกลม ตัวฐานกล้องจะนูนขึ้นมาจะพื้นฝาหลังระดับหนึ่ง เพื่อรองรับเคสตัวเครื่องที่พอใส่แล้วก็จะเป็นระนาบเดียวกัน
สเปกตัวเครื่องของ Poco F2 Pro
รายละเอียดสเปกตัวเครื่องของ Poco F2 Pro
- หน้าจอแสดงผล AMOLED Full Screen Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2400x1080 พิกเซล
- CPU Octa-core Snapdragon 865 ความเร็ว 2.84GHz
- GPU Adreno 650
- RAM 6GB (LPDDR4X)
- ROM 128GB (UFS 3.1)
- Android 10 with MIUI 11
- กล้องถ่ายรูป Quad camera ประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 64MP (f/1.89, Wide Lens)
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 13MP (f/2.4, FOV 123 องศา)
- กล้องมาโคร (Macro) ความละเอียด 5MP (f/2.2, Length 3-10 cm.)
- กล้อง depth ความละเอียด 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า (Pop-up) ความละเอียด 20MP
- รองรับ Dual NanoSIM
- รองรับ VoLTE HD Calling
- รองรับเครือข่าย 5G Sub6G : n77/n78
- รองรับ 4x4 MIMO | HPUE | HO RxD
- รองรับ WiFi 6
- Bluetooth 5.1
- ระบบสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ขนาด 4,600 mAh (Fast Charge 30W)
ซอฟต์แวร์ของ Poco F2 Pro ยังคงใช้อินเทอร์เฟซ (UI) เป็น MIUI 11 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับแบรนด์แม่อย่าง Xiaomi ทุกประการถึงแม้จะระบุมาว่า desgin for Poco ก็ตาม ด้านของตัวระบบปฏิบัติการก็อัปมาให้เป็น Android 10 ตั้งแต่แกะกล่องเลย ทำให้ได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Android 10 เข้ามาด้วยอย่างเช่น Dark Theme, Focus mode, ระบบความปลอดภัยต่อข้อมูลบนเครื่อง ทั้งหมดที่ว่ามาทางโปโกใส่มาให้ครบเลย
สำหรับประสบการณ์การใช้งานต่างๆ ของอินเทอร์เฟซ MIUI 11 ลื่นไหลและส่วนตัวคิดว่าเป็นมิตรกับผู้ใช้งานในระดับหนึ่งนะ ถึงแม้จะมีบางจุดที่รู้สึกว่าบางฟีเจอร์ที่น่าจะถูกเรียกใช้บ่อยๆ กลับเอาไปซ่อนไว้ลึกเกินไป ทำให้เรียกใช้งานไม่สะดวก รวมทั้งยังคงแอบมีการ Tie-in Ads มาบ้างเล็กน้อยตามพื้นที่ว่างหน้าต่างติดตั้งแอปพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งถือว่าน้อยลงกว่าเวอร์ชั่นก่อนที่ปรากกฏแทบทุกส่วนเยอะเลย ทำให้ภาพรวมคิดว่าเป็นมิตรกับยูสเซอร์ที่เป็นทั้งผู้ใช้มือใหม่และมือเก๋า ให้สามารถใช้งานรับรู้สึกดีกับการใช้งานบนเครื่องได้ไม่ยาก
มีแอปพลิเคชั่น Mi Remote มาให้ใช้เป็นรีโมทควมคุมอุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านด้วยนะ! หาไม่ได้ในเรือธงรุ่นอื่นแน่นอน
ประสิทธิภาพการทำงานและใช้งาน (Performance & Usage)
สำหรับการใช้งานทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้า-ออก, เล่นโซเชี่ยล, ใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยเฉพาะแอปฯ ตัดต่อวีดีโอหรือแต่งรูป ตัวเครื่องตอบสนองการใช้งานได้ดีแบบไม่ต้องกังวลใดๆ ไม่มีอาการค้างหน่วง หรือ Error บ่อยให้เห็นแต่อย่างใด ด้วยสเปกตัวเครื่องระดับท็อปของตลาด ที่ใช้ชิปประมวลผลเป็น CPU Snapdragon 865 ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ UFS 3.1 และ RAM 6GB ดังนั้นการใช้งานระดับพื้นฐานทั้งหมดถือว่าสอบผ่านแบบ 10/10 แน่นอน
เล่นเกม
สำหรับคอเกมกับความคาดหวังที่จะเล่นเกมสนุกๆ เสพย์เนื้อหาและอินไปกับเกมยอดนิยมต่างๆ บน Poco F2 Pro รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เพราะการประมวลผลด้านกราฟฟิกของเจ้า F2 Pro ทำได้ยอดเยี่ยมและไหลลื่นมากๆ ไม่แพ้การใช้งานทั่วไปเลย และยังมีโหมด Turbo สำหรับปรับแต่งความไวในการสัมผัสของหน้าจอ รวมถึงการตอบสนองในส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องขณะเล่นมาให้ด้วย
ส่วนการควบคุมความร้อนสะสมที่เกิดขึ้น เมื่อเราเล่นเกมติดต่อกันนานๆ เทคโนโลยี LiquidCool ของโปโกที่ใส่มาให้กับการลดอุณหภูมิด้วยแผ่นลดอุณหภูมิที่ใส่มาให้ ส่วนตัวถือว่าทำได้ดีเลยนะ ช่วยลดความร้อนสะสมลงแบบรู้สึกได้ ทั้งบนหน้าจอแสดงผลและด้านหลังตัวเครื่อง เพียงแต่ความร้อนที่เกิดขึ้นมันดันถูกย้ายไปออกที่ขอบตัวเครื่องแทนฝาหลังซะงั้น! เล่นๆ ไปนิ้วอุ่นแน่นอน
การสัมผัสหรือการสั่งการด้วยการทัชขณะเล่นเกม ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจจะไปเปรียบเทียบหรือจับผิดกับรุ่นไหน ส่วนตัวคิดว่าการตอบสนองด้านการสัมผัสของเครื่องถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ทโฟนระดับบนแล้วนะครับ และตัวหน้าจอแสดงผลของ Poco F2 Pro ยังมีค่า Sample rate อยู่ที่ 180Hz เพราะฉะนั้นการตอบสนองต่อภาพโมชั่นหรือภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ในเกม ทำได้เนียนตาและไหลลื่นแน่นอน และไม่ต้องกังวลว่าภาพของเกมจะด้อยกว่ารุ่นไหนในพิกัดเดียวกัน คอนเฟริม!!
โหมด Game Turbo : สำหรับปรับแต่งค่า Setting ให้เหมาะกับการเล่นเกมแต่ละเกม ซึ่งช่วยได้อยู่นะทำให้ตัวเครื่องตอบสนองต่อความต้องการในการเล่นเกมแต่ละเกมของเราได้ขึ้นจากค่าพื้นฐานที่ตั้งมาจากโรงงาน แนะนำให้ลองเข้ามาปรับหลังจากเข้าไปเล่นกันดู
ความบันเทิง
มากันที่การใช้งานในมุมเอ็นเตอร์เทรน์กันบ้าง สำหรับคอหนังที่ชื่นชอบการรับชมสตรีมมิ่งวีดีโอบนมือถือเป็นชีวิตจิตใจและกำลังกังวลว่า Poco F2 Pro จะสามารถตอบรับความต้องการในด้านนี้ได้หรือไม่? ขอตอบดังๆ ว่า "สบายมาก" และขอให้ลืมเรื่องราวในรุ่นแรกที่เคยเจอได้เลย
เพราะในรุ่นนี้คุณจะเต็มอิ่มมากๆ ในด้านของภาพที่แสดงผลผ่านหน้าจอ AMOLED ความละเอียดระดับ FullHD+ แบบเต็มจอไร้รอยบาก, รอยเจาะใดๆ ให้รบกวนสายตาขณะดูคอนเทนท์ และสีสันของจอพาแนล AMOLED ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการให้สีดำที่ดำสนิท รวมทั้งสีสันของภาพที่สดจัดจ้าน ดังนั้นอรรถรสในการรับชมเต็มอิ่มแน่นอนครับ แถมจอของ Poco F2 Pro ยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ บน Netflix ด้วยนะ!
เสียงและพลังงาน (Sound & Battery)
ด้านเสียงอาจเป็นจุดเดียวของ Poco F2 Pro ที่ส่วนตัวรู้สึกว่ายังไม่จัดเต็มเท่าไรนัก เนื่องจากทางโปโกเลือกใส่ลำโพงเสียงมาให้จุดเดียวบนตัวเครื่อง ทำให้เสียงที่ถูกขับออกมาไม่ทรงพลัง และสู้สภาพแวดล้อมเมื่อต้องใช้งานนอกห้องไม่ได้ ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือใช้งานผ่านหูฟังที่ทางโปโกยังคงใส่รูแจ็ค 3.5 มิลลิเมตรมาให้ ส่วนสไตล์เสียงจะออกไปแนวสดใส เสียงเคลีย เก็บรายละเอียดของเครื่องดนตรีได้ครบ สเตจกลางๆ คิดว่าใครที่ชอบฟังเพลงแนว Flat น่าจะชอบนะ
สำหรับการใช้งานในหนึ่งวันของ Poco F2 Pro ด้วยขนาดแบตเตอรี่ 4,600 mAh กับหน้าจอแสดงผลระดับ FullHD+ ถ้าไลฟ์สไตล์การใช้งานเป็นแบบทั่วไปเช่น เล่นโซเชี่ยลตอบแชท, คุยโทรศัพท์ และยามว่างก็หยิบมาฟังเพลงออนไลน์ ดูยูทูป หรือเล่นเกมบ้าง ในหนึ่งวันแบตเตอรี่เหลือๆ เลย พอกลับบ้านค่ำๆ ก็หลอดแดงพอดี แต่ถ้าหากไลฟ์สไตล์เน้นด้านใดด้านหนึ่งมากกว่านี้ แนะนำให้พกพาวเวอร์แบงก์ไว้ได้เลยไม่รอดแน่นอน! ส่วนการชาร์จพลังงานกลับ Poco F2 Pro รองรับชาร์จเร็ว 30W ซึ่งลองทดสอบชาร์จหลายๆ ครั้งดูพบว่าในระยะเวลา 20-30 นาที เจ้า F2 Pro สามารถชาร์จไฟกลับได้ประมาณ 40-50% เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าคิดเป็นเลขกลมๆ ชาร์จให้เต็ม 100% ก็คงใช้เวลาราวๆ 50-60 นาทีนั่นเอง
ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วยผลคะแนน Benchmark
- ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วยแอปพลิเคชั่น Antutu Benchmark ได้คะแนนรวม 573,263 คะแนน
- ทดสอบความเร็วในการอ่าน-เขียนของหน่วยความจำด้วยแอปพลิเคชั่น AndroBench ได้ Sequential Read 1648.04 MB/s | Sequential Write 716.75 MB/s
- ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ภาคพื้นดินด้วยแอปพลิเคชั่น GPS Tester พบว่าจับสัญญาณได้ 39 ดวงจาก 74 ดวง
- ทดสอบ Multi-touch รองรับการสัมผัสพร้อมกันบนหน้าจอ 10 จุด
- ทดสอบการรองรับการแสดงผลวีดีโอสตรีมมิ่งที่ความละเอียดระดับสูงด้วย Google WideVine CDM : L1 รองรับการแสดงผลที่ความละเอียดระดับสูงขณะสตรีมมิ่งวีดีโอ
กล้องถ่ายรูป Quad camera 64MP
Poco F2 Pro มาพร้อมกล้องถ่ายรูป Quad camera ที่ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียดสูง 64MP (f/1.89) ซึ่งใช้เซ็นเซอร์เป็นเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX686 พร้อมกับตัวเลนส์ที่เป็นมุม wide ด้วย ทำให้ถ่ายภาพปกติก็ให้มุมภาพที่กว้างกว่ากล้องมือถือทั่วไป ส่วนโทนสีของภาพก็จะสดจัดจ้านมากๆ พร้อมคอนทรานท์หนักๆ เหมาะกับการถ่ายอาหารหรือถ่ายวิวสุดๆ
ในขณะที่กล้องตัวที่สองเป็นกล้อง Ultra wide-angle ความละเอียด 13MP (f/2.4) ให้ FOV หรือมุมมองของภาพกว้างถึง 123 องศา ซึ่งเป็นความกว้างที่สูงสุด ณ ตอนนี้ของกล้องมือถือแล้ว และด้วยความกว้างขนาดนี้ทางโปโกจึงใส่ซอฟต์แวร์ลดการบิดเบี้ยวของภาพมาให้ด้วยใครที่คิดว่ามันกว้างไปก็อย่าลืมเปิดใช้กันนะช่วยได้เยอะเลย
ส่วนกล้องสองตัวสุดท้ายคือ กล้องมาโครสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ โดยมีระยะการจับโฟกัสอยู่ที่ประมาณ 3-10 เซนติเมตร ซึ่งให้ภาพมาโครที่สวยมาก จนอาจเป็นมือถือระดับแรร์ที่ถ่ายภาพมาโครสวยที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้เลยนะ และกล้องสุดท้ายคือกล้อง depth สำหรับใช้ช่วยจับภาพที่ต้องการความลึกอย่างเช่น การถ่าย Portrait นั่นเอง ส่วนผลงานหลังกล้องของรุ่นนี้เป็นอย่างไร? ไปพิจารณากันดูด้วยตัวเองจากภาพตัวอย่างด้านล่างได้เลยครับ!
คุณสมบัติการถ่ายวีดีโอ
- AI 8K video
- 4K recording
- Video bokeh
- Steady video
- Vlog mode
- Video filters
- Cinematic mode | Movie frame
- Macro slow-motion video | 960 fps slow motion video
หน้าเมนู (UI) ของกล้องถ่ายรูป
ภาพตัวอย่างจากกล้อง Quad camera 64MP บน Poco F2 Pro
- Ultra wide-angle (มุมกว้างพิเศษ)
- อาหาร & สัตว์เลี้ยง (Foods & Animal)
โหมดถ่ายรูปพิเศษ : Cinematic screen
กล้องหน้า Pop-up ความละเอียด 20MP
กล้องหน้าของ Poco F2 Pro เป็นกล้องหน้าแบบป็อปอัปหรือเลื่อนขึ้นมาจากขอบด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งทางโปโกใส่ลูกเล่นเอ็ฟเฟ็กเสียงและไฟมาให้ขณะเลื่อนขึ้น-ลง โดยเราสามารถเข้าไปปรับแต่งค่าเหล่านี้ได้จากเมนูตั้งค่าบนเครื่องเลย ส่วนความละเอียดของกล้องหน้าอยู่ที่ 20MP ตัวกล้องรองรับการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080P และถ่าย Slow-motion ได้ที่ 120FPS ที่ความละเอียด 720P ลองไปดูภาพตัวอย่างจากกล้องหน้ากันครับ
ภาพตัวอย่างจากกล้องหน้า
มาถึงตรงนี้ผมเชื่อว่า หลายคนน่าจะได้คำตอบในใจเกี่ยวกับ Poco F2 Pro กันแล้ว และน่าจะเห็นพ้องกันกับผมว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ "คุ้มค่า" และน่าซื้อที่สุดในเรทราคานี้แล้วล่ะครับ กับสิ่งต่างๆ ที่ได้กลับมาทั้งกล้องถ่ายรูปที่ถ่ายได้สวยและสนุกหวังผลได้ รวมไปถึงการตอบสนองต่อการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ที่ทำได้ดีเยี่ยม และสเปกตัวเครื่องที่จัดมาให้ระดับเทียบเท่ารุ่นท็อปของแบรนด์อื่นๆ แต่กลับวางจำหน่ายในราคาที่ยังคงเข้าถึงได้ เรียกว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความคุ้มค่าคุ้มราคาไปหมด ดังนั้นใครที่ไม่ได้ยึดติดแบรนด์ และกำลังมองหาสมาร์ทโฟนแรงๆ ตอบสนองต่อการใช้งานครบทุกมิติ กล้องถ่ายสนุก ดีไซน์แปลกใหม่ ในราคาเบากระเป๋าเจ้า Poco F2 Pro จะตอบโจทย์ให้กับคุณได้แน่นอน
การวางจำหน่าย
Poco F2 Pro จะวางจำหน่ายและรับประกันตัวเครื่องภายใต้แบรนด์ Xiaomi ในประเทศไทยด้วยราคา 17,999 บาท โดยมีสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ สีเทา Cyber Grey, สีม่วง Electric Purple, สีขาว Phantom White และสีฟ้า Neon Blue ใครที่สนใจและตัดสินใจได้แล้วก็สามารถไปจับจองกันได้ทั้งช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada, JD Central หรือหน้าร้าน Mi Brand Shop ทุกสาขา