รีวิว OPPO F11 สมาร์ทโฟนกล้องคู่ 48MP โดดเด่นแม้ที่แสงน้อย พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC 3.0
OPPO F11 สมาร์ทโฟนจากแบรนด์
ออปโป้ ที่เพิ่งส่งตามหลังรุ่นพี่อย่าง
OPPO F11 Pro ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ กับสเปกที่จัดมาให้แบบเต็ม ๆ จนเรียกได้ว่ายกเอาฟีเจอร์เด่น ๆ ของตัวพี่มายัดใส่ไว้ให้ ทั้งกล้องคู่ 48 ล้านพิกเซล และเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC 3.0 กับราคาที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ด้วยงบไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท!
OPPO F11 ใส่จุดเด่นกล้องคู่ความละเอียดสูง 48 + 5 ล้านพิกเซล หน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ Full HD+ ขนาด 6.5 นิ้ว มีรอยบากรูปหยดน้ำ ใช้ขุมพลัง Helio P70 จับคู่กับ RAM 4GB และ ROM 128GB มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,020 mAh แถมยังใส่เทคโนโลยีชาร์จไว VOOC Flash Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ในเวลาเพียง 30 นาที มาให้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
- ตัวเครื่อง OPPO F11 สี Marble Green
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- ชุดหูฟังแบบ Earbuds
- สายชาร์จ Micro USB
- ชุดคู่มือและใบรับประกันสินค้า
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- เคสโทรศัพท์แบบใส
รายละเอียดสเปกของ OPPO F11
- หน้าจอแสดงผล Waterdrop Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2,340 x 1,080 พิกเซล) ในอัตราส่วน 19.5:9
- หน่วยประมวลผล CPU Mediatek Helio P70
- หน่วยประมวลผล GPU Mali-G72 MP3
- ระบบปฏิบัติการ Color OS 6.0 (บนพื้นฐาน Android 9.0)
- รองรับ 2 ซิมการ์ด
- หน่วยความจำ RAM 4GB
- หน่วยความจำ ROM 128GB
- รองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วย MicroSD Card สูงสุด 256GB
- กล้องหลังคู่ ความละเอียด 48MP (f/1.79) + 5MP (f/2.4)
- กล้องหน้า ความละเอียด 16MP (f/2.0)
- ช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- พอร์ต Micro USB 2.0
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
- รองรับระบบสแกนด้วยใบหน้า
- แบตเตอรี่ขนาด 4,020 mAh
- รองรับชาร์จไว VOOC Flash Charge 3.0
OPPO F11 มาพร้อมตัวเครื่องสีสันสวยงาม มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ Marble Green และ Fluorite Purple โดยเครื่องที่ทางเราได้รับมานั้นเป็นสี Marble Green ซึ่งเป็นสีเขียวเข้มอมดำ พื้นผิวเรียบลื่น และมีความมันวาว เมื่อต้องกับแสงจะเห็นเป็นเส้นริ้วคล้ายกับลายของหินอ่อนตามชื่อสีที่ถูกตั้งมาให้ ให้ภาพลักษณ์ของความสุขุมนุ่มลึก น่าค้นหา พร้อมตัดขอบตรงส่วนเลนส์กล้องและที่วางนิ้วสำหรับสแกนลายนิ้วมือ รวมทั้งโลโก้บริเวณด้านหลังตัวเครื่องเป็นสีทอง เพิ่มความหรูหราได้เป็นอย่างดี
OPPO F11 มีมิติตัวเครื่องกว้าง 76.1 x สูง 162 x หนา 8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวโดยรวมประมาณ 188 กรัม ด้านหน้าของตัวเครื่อง ใช้หน้าจอแสดงผล IPS LCD มาพร้อมติ่งแบบหยดน้ำ (Waterdrop) ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2,340 x 1,080 พิกเซล (Full HD+) สัดส่วนการแสดงผล 19.5:9 และมีพื้นที่การแสดงผลด้านหน้าต่อตัวเครื่องมากถึง 90.70%
ตรงส่วนด้านบนของหน้าจอบริเวณรอยบากเป็นตำแหน่งสำหรับวางกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้างที่สุด f/2.0 รองรับ AI Beautification ถัดขึ้นไปเหนือกล้องเป็นลำโพงสนทนา
บอดี้เป็นวัสดุพลาสติก ส่วนบนวางกล้องหลังแบบ Dual Camera โดยมีกล้องหลักความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้างที่สุด f/1.79 กล้องตัวที่สองความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้างที่สุด f/2.4 รองรับ AI Ultra-clear Engine, Ultra Night Mode และ Dazzle Color Mode ตำแหน่งถัดลงมาวางไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือ ถัดมาที่ส่วนล่างของตัวเครื่องวางโลโก้ OPPO พร้อมข้อความ Designed by OPPO โดยทั้งเลนส์กล้อง ไฟแฟลช เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และโลโก้ ถูกจัดวางในแนวนอน ดูเป็นระเบียบ สวยงาม
ด้านบนของตัวเครื่อง มีไมค์ตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างของตัวเครื่อง มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ไมโครโฟน พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB 2.0 และลำโพงเสียง
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และมีการแต้มแถบสีไว้ให้ดูเด่นชัดขึ้นอีกด้วย
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง มีปุ่ม Volume สำหรับปรับเพิ่ม-ลด ระดับเสียง และถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot
OPPO F11 รันบนระบบปฏิบัติการ Android OS 9.0 ครอบทับด้วย ColorOS เวอร์ชั่น 6.0 ที่มีหน้าตาของอินเตอร์เฟสสวยงาม ใช้งานง่าย สบายตา มาพร้อมระบบสำหรับการจัดการทรัพยากรบนตัวเครื่องอย่าง Hyper Boost มาให้ด้วย การใช้งานจึงรวดเร็วและลื่นไหล
Lock Screen
สำหรับหน้าจอล็อคสกรีน ใช้วิธีการปัดหรือสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน เพื่อป้อนรหัสผ่านในการปลดล็อคหน้าจอ หรือสแกนลายนิ้วมือสแกนบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง หรือสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกแล้วปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าสู่หน้า Home Screen ได้เลย
Home Screen
เมื่อปลดล็อคที่หน้าล็อคสกรีนเรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่หน้าเมนูหลักของ ColorOS 6.0 สามารถปรับแต่งเคลื่อนย้ายไอคอนต่าง ๆ ได้ง่าย ด้วยการกดค้างที่ไอค่อนแล้วลาก หรือจะเพียงกดค้างบริเวณพื้นที่ว่างบนหน้าจอเพื่อปรับแต่งวิตเจ็ต ภาพพื้นหลัง และลักษณะพิเศษต่าง ๆ ได้
ผู้ช่วยอัจฉริยะ
จากหน้า Home เมื่อปัดไปทางด้านซ้ายก็จะพบกกับผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่รวมเมนูทางลัดสำหรับการใช้งานแบบเร่งด่วน การแจ้งเตือน ข้อมูลสภาพอากาศ โปรแกรมนับก้าว รูปภาพ ผู้ติดต่อที่ชื่นชอบ ซึ่งถ้าไม่ต้องการใช้งานส่วนไหน ก็สามารถเข้าไปปิดตั้งค่าได้
Notification Bar
เมื่อปัดหน้าจอลงจะพบกับแถบแจ้งเตือน โดยจะมีการนำฟีเจอร์ที่ใช้งานบ่อย ๆ มาแสดงไว้ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
แถบด้านข้างอัจฉริยะ
จากหน้า Home Screen สามารถปัดเรียกแถบเมนูลัดออกมาจากขอบหน้าจอด้านขวาเพื่อเข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ เรียกใช้งานกล้องถ่ายภาพ จับภาพหน้าจอ หรือบันทึกภาพหน้าจอได้ทันที และสามารถเข้าไปตั้งค่าปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ หรือถ้าไม่ต้องการใช้งานก็สามารถเข้าไปตั้งค่าปิดได้ที่ 'ตัวช่วยเพิ่มความสะดวก' ได้
โคลนแอพ
โคลนแอพ เป็นการสร้างสำเนาชุดใหม่ของแอปพลิเคชั่นขึ้นมา โดยที่สามารถใช้งานได้ทั้งตัวหลักและตัวสำเนาโดยไม่กระทบกัน โดยแอปที่สามารถใช้งานได้ก็จะมี Facebook, Instagram, Messenger, WeChat ฯลฯ
การแบ่งหน้าจอแอป
โหมดแยกหน้าจอแอป เป็นการใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นพร้อมกัน บนหน้าจอเดียวกัน สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายด้วยการใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้นด้านบนเพื่อเปิดใช้งาน หรือกดปุ่มมัลติทาส์กค้าไว้เพื่อเข้าสู่โหมดแบ่งหน้าจอ หรือกดปุ่มมัลติทาส์ก จากนั้นแตะที่ปุ่มขวาบน แล้วเลือกหน้าจอแบ่งส่วน
โหมดขับขี่
โหมดการใช้งานที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการขับขี่ โดยสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับอุปกรณ์บลูทูธได้
ระบบรักษาความปลอดภัย
มีระบบรักษาความปลอดภัยให้กับโทรศัพท์ทั้งการใส่รหัสผ่าน สแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ระบบเสียง
ระบบเสียง HD Real Sound เสียงที่ถูกขับออกมามีคุณภาพและมิติเสียงดี โดยยังมาพร้อมกับ Music Party สำหรับการเปิดเพลงพร้อมกันหลาย ๆ เครื่องผ่านวง WLAN อีกด้วย
OPPO F11 ใช้ชิปประมวลผล Mediatek Helio P70, Octa-core ความเร็ว 2.1 GHz ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 พร้อมด้วยหน่วยความจำภายใน (ROM) ที่ 128GB และหน่วยความจำ RAM ที่ 4GB ให้ความสามารถในการใช้งานโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเล่น Facebook, ดู Youtube, แชท Line, เช็ค e-mail, ฟังเพลงผ่าน Application ฯลฯ เป็นไปอย่างลื่นไหล เมื่อทดลองเปิดใช้งานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันก็ยังไม่พบอาการหน่วง ค้าง หรือกระตุก
OPPO F11 เลือกใช้สเปกแบบเดียวกับรุ่นพี่ OPPO F11 Pro ซึ่งมีจุดต่างแค่เพียงเรื่องของสเปก RAM เท่านั้น ทำให้ผลคะแนนทดสอบที่ออกมาไม่ต่างกันมากนัก ประสิทธิภาพโดยรวมแล้วถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว
คะแนนทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน
- ทดสอบด้วยแอปฯ AnTuTu Benchmark ได้คะแนน 147,341 คะแนน
- ทดสอบด้วยแอปฯ GeekBench 4 ได้คะแนน Single Core 1,525 คะแนน และ Multi Core 6,010 คะแนน
- ทดสอบด้วยแอปฯ MultiTouch Tester รองรับการสัมผัสสูงสุด 10 จุด
- การจับสัญญาณทดสอบด้วย GPS Tester จับสัญญาณได้อย่างรวดเร็ว
- ทดสอบ DRM Info รองรับ Widevine DRM L3 สามารถดู Netflix ที่ความละเอียด 480P
การใช้งานสื่อบันเทิงต่างๆ
OPPO F11 มาพร้อมหน้าจอ Waterdrop Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ขอบหน้าจอบาง สามารถรับชมสื่อบันเทิงต่าง ๆ ได้อย่างเต็มตา แม้ขอบด้านล่างจะหนากว่าด้านอื่น ๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ
สำหรับการเล่นเกมนั้น OPPO F11 มาพร้อมด้วยฟีเจอร์ Game Space ที่มีโหมดช่วยเร่งความเร็วกราฟิก อำนวยความสะดวกในระหว่างการเล่นเกม รวมทั้งการปิดกั้นการรบกวนต่าง ๆ เพื่อให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ OPPO F11 ยังใส่เทคโนโลยี Hyper Boost ที่ช่วยจัดระเบียบการใช้งานทรัพยากรของ Application ซึ่งจะช่วยดึงศักยภาพการประมวลผลในระหว่างการเล่นเกมออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และจากการทดลองเล่นเกมออนไลน์ RoV ตัวเครื่องสามารถตอบสนองทางด้านกราฟิกได้ในระดับที่น่าพอใจมาก สามารถเปิดโหมดภาพ HD และโหมด High Frame Rate ได้ ซึ่งเฟรมเรทโดยรวมวิ่งอยู่ที่ 56-60 FPS ภาพสวย เล่นได้ต่อเนื่อง และลื่นไหลมาก ๆ ไม่กระตุก การันตีด้วย MVP ของเกม 2 รอบเลย
OPPO F11 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูง 4,020 mAh สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ซึ่งจากการทดลองใช้งานทั่วไป ทั้ง ถ่ายภาพ เล่นเกม ดู Youtube และเล่นสื่อโซเชียลต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ยังคงมีแบตเตอรี่เหลือให้ใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะหมดระหว่างทาง
ทางด้านของการชาร์จ OPPO F11 ยังรองรับการชาร์จไว VOOC Flash Charge 3.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว โดยชาร์จเต็ม 50% ในระยะเวลา 30 นาที
กล้องหลัง
OPPO F11 เลือกใส่กล้องถ่ายภาพเลนส์คู่ (Dual Rear Camera) แบบเดียวกันกับที่อยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นพี่อย่าง OPPO F11 Pro เลยทีเดียว กล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/1.79 และใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ (6P Lens) ทำให้ภาพที่ได้มีความสว่างและคมชัด โดยทำงานร่วมกับกล้อง Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.4
รองรับโหมดถ่ายภาพกลางคืน (Ultra Night Mode), โหมดปรับแต่งสีสันภาพอัตโนมัติ (Dazzle Color Mode), โหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Mode), โหมดถ่ายภาพ HDR (High Dynamic Range), โหมดถ่ายภาพพาโนรามา (Panorama Mode), โหมดผู้เชี่ยวชาญ (Pro Mode), โหมดเร่งความเร็วในการบันทึกวิดีโอ (Time-Lapse Mode), โหมดบันทึกวิดีโอเคลื่อนไหวช้า (Slow-motion Mode) พร้อมใส่ฟีเจอร์ Google Lens ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของทาง Google ที่สามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับรูปภาพมาให้อีกด้วย
หน้าตาเมนูกล้องถ่ายภาพ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO F11
ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาพแสงกลางคืน (Auto)
Brilliant Portrait in Low Light สวยแม้แสงน้อย
OPPO F11 ชูจุดเด่นการถ่ายภาพในสภาวะที่มีแสงน้อยและการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode ที่ใช้เทคโนโลยี AI Ultra-clear Engine ช่วยประมวลผลและเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อเปิดใช้งาน ภาพจะถูกเร่งแสงให้สว่าง คมชัด และสีสันจัดขึ้น โดยใช้ระยะเวลาในการจับภาพประมาณ 2 - 5 วินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายที่เปิดใช้ Ultra Night Mode บน OPPO F11
กล้องหน้า
OPPO F11 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 รองรับเทคโนโลยี AI Beautification ปรับแต่งใบหน้าให้สวยงาม และสามารถถ่ายแบบหน้าชัดหลังละลายได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO F11
Selfie ในโหมดออโต้
Selfie แสงกลางวันแบบเปิดใช้ฟิลเตอร์
Selfie แบบหน้าชัดหลังละลาย
Selfie แสงกลางวันแบบหน้าชัดหลังละลาย
OPPO F11 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม พร้อมจับเอาสเปกและฟีเจอร์เด่น ๆ ของรุ่นพี่อย่าง OPPO F11 Pro มาใส่ไว้แบบไม่มีกั๊ก ทั้งกล้องหลังคู่ความละเอียดสูง พร้อมโหมดสำหรับการถ่ายภาพที่มีมาให้ครบ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟเพิ่มระหว่างวัน หรือถ้าเกิดแบตฯ หมดกลางทาง OPPO F11 ยังมากับระบบ VOOC Flash Charge ชาร์จไฟได้ไว ไร้กังวล ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ภาพลักษณ์ดูแพง แต่ราคาไม่แรงนะจ๊ะ ปรับราคาใหม่ เหลือเพียง 7,990 บาทเท่านั้น จัดเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่น่าคบหามาก ๆ
จุดเด่น
- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม ดูพรีเมียม หรูหรา
- หน้าจอแสดงผล Waterdrop Screen ขนาด 6.5 นิ้ว แสดงผลกว้างเต็มตา และคมชัดชัดระดับ Full HD+
- ชิปเซ็ต Mediatek Helio P70 ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM 4GB + ROM 128GB พร้อมใส่เทคโนโลยี Hyper Boost ทำให้การทำงานของโทรศัพท์ลื่นไหล ไม่กระตุก ค้าง หรือหน่วง
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 + 5 ล้านพิกเซล ให้ผลลัพธ์การถ่ายภาพที่สวยงามคมชัด พร้อมถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยหรือกลางคืนให้สวยงามได้อย่างน่าทึ่งด้วย Ultra Night Mode และสามารถปรับแต่งสีสันให้สดใสขึ้นโดยอัตโนมัติด้วย Dazzle Color Mode
- รองรับการสแกนด้วยลายนิ้วมือบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งสามารถใช้งานได้รวดเร็วมาก ๆ
- แบตเตอรี่ความจุสูง 4,020 mAh สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
- รองรับชาร์จไว VOOC Flash Charge 3.0
- ทำงานบนระบบปฏิบัตการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
- ราคาสุดคุ้มค่าเพียง 7,990 บาทเท่านั้น แต่ได้ดีไซน์และสเปกในระดับเดียวกับรุ่นพี่เลยทีเดียว
จุดสังเกต
- พอร์ตเชื่อมต่อยังเป็นแบบ Micro USB
- ตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย แต่การใช้งานโดยปกติจะมีการใส่เคสอยู่แล้ว จุดนี้จึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
- ถาดใส่ซิมการ์ดยังเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งหากต้องการเพิ่มหน่วยความจำด้วย MicroSD Card ก็จำเป็นต้องถอดสลับกับซิมการ์ดที่สองก่อน
OPPO F11 มีให้เลือก 2 สี คือ สีเขียว Marble Green และสีม่วง Fluorite Purple กับดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม สเปกดี กล้องถ่ายภาพประสิทธภาพสูง ในราคาสุดคุ้มเพียง 7,990 บาท ใครที่กำลังสนใจหรืออาจจะเล็งรุ่นพี่ไว้แต่งบยังไม่ถึง ตัวนี้จัดว่าประสิทธิภาพแทบจะไม่ต่างกัน ฉะนั้นไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง! สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สำหรับใครที่สนใจสมาร์ทโฟนรุ่นพี่ OPPO F11 Pro สามารถเข้าไปอ่านบทความรีวิวแบบเจาะลึกกันได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลย