รีวิว สมาร์ทโฟนช่วงราคา 5,000 บาท กับรุ่นยอดฮิต realme 3, Vivo Y91 และ Huawei Y9 2019

ทุกวันนี้เราสามารถมีสมาร์ทโฟนดีๆ สักเครื่องไว้ใช้งานส่วนตัวได้ในราคาเริ่มต้นที่ไม่แพงมากนัก ทำให้มีตัวเลือกในตลาดมือถือมากหน้าหลายตาเลยในตอนนี้ เพราะเพียงมีงบหลักพันบาท คุณก็สามารถเลือกซื้อสมาร์ทโฟนได้ตรงตามต้องการ และพึงพอใจในการใช้งานได้แล้ว เหมือนกับ realme 3, Vivo Y91 และ Huawei Y9 2019 สมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นที่หยิบยกมาแนะนำและเปรียบเทียบสเปกในครั้งนี้ 

เพราะนอกจากจะเป็นสมาร์ทโฟนสามรุ่นยอดนิยมแล้ว ยังมีสเปกประสิทธิภาพการทำงาน กล้องถ่ายรูป ที่เพียงพอและพึ่งพาในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ รวมถึงราคาที่ใกล้เคียงกันมาก (ประมาณ 5,000 บาท) จนทำให้หลายคนตัดสินใจยังไม่ได้สักทีว่า สุดท้ายรุ่นไหนจะเหมาะหรือคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นเพื่อไขข้อสงสัยนี้ให้กระจ่าง อยากให้ตามไปส่องรายละเอียดสเปกทั้งสามรุ่นผ่านบทความนี้กัน รับรองว่าอ่านจบแล้วน่าจะมีตัวเลือกในใจกันอย่างแน่นอน!

เริ่มกันที่เรื่องราวของการออกแบบกันก่อน เพราะนับว่าเป็นประตูบานแรกที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของบางคนเลยก็ว่าได้

realme เลือกออกแบบตัวเครื่องของ realme 3 ภายใต้แรงบันดาลใจจากทางช้างเผือกและแสง Aurora ผสมผสานเข้ากับแนวทางการออกแบบ Unibody Design ที่เน้นให้ตัวเครื่องเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด ดูเรียบง่าย แต่ถือจับใช้งานได้สะดวก กระชับมือ มีมิติตัวเครื่องกว้าง 75.6 x สูง 156.1 x หนา 8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 175 กรัม เท่านั้น

ด้านของ Vivo Y91 สมาร์ทโฟนน้องเล็กของ วีโว่ กับงานออกแบบที่มีการนำเทคโนโลยีการเคลือบผิวของฝาหลังให้ดูมันวาว ผสมผสานเข้ากับการไล่เฉดสีของตัวเครื่องแบบพิเศษทำให้ตัวเครื่องมีสีสันที่ดูสะดุดตา และเมื่อรวมเข้ากับการออกแบบแบบ 3D Curve ทำให้ตัวเครื่องดูกระทัดรัดถือจับได้สะดวกไม่แพ้กัน มีมิติตัวเครื่อง กว้าง 75.1 x สูง 155.1 x หนา 8.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 164 กรัม

ฝั่งของ Huawei เอง ก็เลือกนำแนวทางการออกแบบจากรุ่นพี่ซีรีย์ "Nova" ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ลงมาสู่น้องเล็กอย่าง Huawei Y9 2019 ได้อย่างลงตัว ผสานเข้ากับเทคโนโลยีการออกแบบ 3D Curve ที่ขอบมุมทั้งสี่ด้านโค้งมัน เพื่อให้เกิดการถือจับใช้งานได้คล่องและสะดวก และใส่สีสันที่มีการไล่เฉดสีแบบเฉพาะของหัวเว่ยลงไป มีมิติกว้าง 77.1 x สูง 162.4 x หนา 8.1 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 173 กรัม

ปัจจุบันสมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของหลายคนไม่ว่าจะใช้สำหรับเล่นเกม, ดู VDO Content จาก Youtube, Netflix หรือจากที่อื่นๆ รวมทั้งบางคนยังใช้ทำงานตัดต่อคลิปวีดีโอเบาๆ เพื่อแชร์บนโซเชี่ยล หรือจะใช้อ่านไฟล์เอกสาร เป็นต้น ดังนั้นเรื่องของหน้าจอแสดงผลจึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ควรไม่ควรมองข้ามเลย

มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบหยดน้ำ (Water drop) ขนาด 6.22 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ มีค่า Screen ratio อยู่ที่ 88.3% มีการใช้กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3 มาครอบทับเพิ่มความทนทานในการใช้งานให้มากขึ้น และเป็นรุ่นเดียวจากสามรุ่นที่นำมาเทียบ ที่ใช้กระจก Gorilla Glass ครอบทับมาให้

ด้านของ Vivo Y91 เลือกใช้หน้าจอแสดงผล Halo screen ขนาด 6.22 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ เช่นเดียวกัน และมีค่า Screen ratio อยู่ที่ 88.6% อยู่ในระดับเดียวกับทาง realme 3 

ฝั่งของ Huawei Y9 2019 ใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Notch screen ซึ่งจะมีรอยแหว่งที่ใหญ่กว่าสองรุ่นด้านบน เนื่องจากต้องวางตำแหน่งของกล้องหน้าคู่นั่นเอง ในขณะที่หน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+ ซึ่งเป็นหน้าจอที่มีความละเอียดมากกว่าสองรุ่นด้านบน

มากันที่เรื่องราวของชิปประมวลผล (CPU) ซึ่งเป็นหัวใจของสมาร์ทโฟนในการประมวลผลต่างๆ บนตัวเครื่องเลยก็ว่าได้ การมีหัวใจอย่าง CPU ที่ดี ก็ช่วยทำให้สมาร์ทโฟนของเราตอบสนองต่อความต้องการต่างๆ ในการใช้งานได้ดีด้วยเช่นกัน

realme 3 ใช้ชิปประมวลผล Octa-core MediaTek Helio P60 ความเร็ว 2.0GHz ทำงานร่วมกับ GPU Mali G72 MP3 ซึ่งเป็นชิป CPU ระดับ Mid-End ของทาง MediaTek ที่ก่อนหน้านี้จะนิยมใส่มาให้กับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นๆ โดยให้คะแนนบนแอปฯ Antutu Bechmark อยู่ที่ประมาณ 129,xxx คะแนน 

Vivo Y91 เลือกใช้ชิปประมวลผล Octa-core MediaTek Helio P22 ความเร็ว 2.0 GHz ทำงานร่วมกับ GPU PowerVR GE8320 เป็นชิปประมวลผลระดับ Entry Mid ของ MediaTek โดยให้คะแนนทดสอบบนแอปฯ Antutu Benchmark อยู่ที่ประมาณ 77,xxx คะแนน 

Huawei Y9 2019 เลือกใช้ชิปประมวลผลของตัวเองอย่าง Octa-core Hisilicon Kirin 710 ความเร็ว 2.2 GHz ทำงานร่วมกับ GPU Mali G51 MP4 เป็นชิปประมวลผลระดับ Mid-End ของ Huawei เอง โดยให้คะแนนทดสอบบนแอปฯ Antutu Benchmark อยู่ที่ประมาณ 132,xxx คะแนน

ด้านของ RAM และ ROM (หน่วยความจำหลัก) แต่ละรุ่นจะมีการวางจำหน่ายมีแตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้ก็เลือกกันตามความต้องการและงบที่มีได้เลยครับ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

realme 3 จะวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น คือ

• รุ่น RAM 3GB และ ROM 32 GB รองรับ MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB
• รุ่น RAM 4GB และ ROM 64GB รองรับ MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB

โดยทั้งสองรุ่นของ realme 3 จะมาพร้อมถามใส่ซิมการ์ดแบบ Triple slot ทำให้สามารถใช้งานซิมการ์ดพร้อมกันได้สองซิม และ 1 MicroSD Card 

Vivo Y91 วางจำหน่ายเพียง 1 รุ่นเท่านั้น คือ รุ่น RAM 3GB และ ROM 64GB รองรับ MicroSD Card ได้สูงสุด 256GB เช่นกัน และถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot

Huawei Y9 2019 วางจำหน่ายด้วยกัน 1 รุ่นเช่นกัน โดยรุ่นที่วางจำหน่ายคือ รุ่น RAM 4GB และ ROM 64GB รองรับ MicroSD Card ได้สูงสุด 400GB และถาดซิมเป็นแบบ Triple Slot เหมือน realme 3 และ Vivo Y91

มาถึงไฮไลท์สำคัญอย่างกล้องถ่ายรูป ที่หลายคนให้ความสนใจและอาจรวมถึงใช้ตัดสินใจในการเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่เลยก็ว่าได้ อย่างที่ได้เกริ่นไปว่าเดียวนี้สมาร์ทโฟนที่มีกล้องดีๆ ถ่ายสวย ถ่ายสนุกใช้ทำงานหรือคาดหวังได้นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาร์ทโฟนราคาแพงเสมอไป เพราะเดียวนี้สมาร์ทโฟนหลักพันบาทก็มีกล้องดีๆ ติดตั้งมาให้แล้ว

มาพร้อมกล้องถ่ายรูปหลัก Dual camera ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล (Main + Depth Lens) ครอบทับด้วยกระจก 5 ชั้น (5P) กล้องหลักมีค่า F อยู่ที่ F1.8 ใช้ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF Fast Focus มีโหมดถ่ายภาพกลางคืน Night Scape, โหมดถ่ายภาพย้อนแสง Hybrid HDR, โหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait mode) และโหมดเร่งสีสัน Chroma Boost ตัวกล้องรองรับการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080P 30FPS และสามารถ่าย Slow motion ได้ที่ 720P

ด้านกล้องหน้าใส่กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งานร่วมกับ AI Face Unlock สำหรับปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้า ส่วนโหมดถ่ายภาพเด่นๆ ก็ใส่มาให้ครบอย่าง AI Beauty, HDR mode 

ติดตั้งกล้องถ่ายรูปหลัก Dual camera ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล (Main + Depth Lens) กล้องหลักมีค่า F อยู่ที่ F2.2 มีโหมดถ่ายภาพเด่นที่ใส่มาให้ เช่น โหมด HDR, โหมด PROFESSIONAL, โหมด FACE BEAUTY, โหมดถ่ายภาพ LIVE PHOTOS, โหมด PORTRAIT MODE และใส่ฟิลเตอร์ภาพมาให้ด้วย รวมถึงสามารถโบกมือหรือสั่งด้วยเสียงให้ถ่ายภาพแบบออโต้ได้ ด้านวีดีโอรองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดระดับ FullHD 

ด้านกล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล มีโหมด AI Beauty, HDR และ Gasture โบกมือเพื่อถ่ายภาพอัตโนมัติมาให้ครบถ้วน

เป็นรุ่นเดียวจากสามรุ่นที่ใส่กล้องแบบ Dual camera มาให้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง โดยกล้องหลักมาพร้อมความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล (Main + Depth Lens) กล้องหลักมีค่า F อยู่ที่ F2.0 มีโหมดถ่ายภาพเด่นๆ คือ โหมด HDR, โหมดถ่ายภาพบุคคล, โหมด Pro และฟิลเตอร์ต่างๆ ด้านวีดีโอรองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดระดับ FullHD

ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกล้องคู่ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล การมีเลนส์ Depth เข้ามาช่วยทำให้สามารถถ่ายภาพแนว Bokeh ได้ดีขึ้น 

realme 3 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,230 mAh พร้อมฟีเจอร์ AI Power Master ที่เป็นระบบจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดบนตัวเครื่อง โดยทาง realme ยืนยันว่าสามารถช่วยยืดระยะเวลาของพลังงานแบตเตอรี่ออกไปได้ถึง 10%

Vivo Y91 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,030 mAh ใช้ Machine Learning จาก FunTouch OS ในการจัดการทรัพยากรบนตัวเครื่อง 

Huawei Y9 2019 เลือกใส่แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh มาให้ และใช้ AI ในการจัดการทรัพยากรเหมือนกับทาง Vivo ผ่าน EMUI 9.0 

realme 3 วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ สีฟ้า Radiant Blue, สีดำ Dynamic Black และสีดำคลาสสิก Classic Black (สีพิเศษวางจำหน่ายกับทาง TruemoveH เท่านั้น) และมีรุ่นให้เลือกซื้อด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น 2 ราคา คือ

• รุ่น RAM 3GB และ ROM 32 GB ราคา 4,590 บาท
• รุ่น RAM 4GB และ ROM 64GB ราคา 5,990 บาท

Vivo Y91 วางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวในราคา 5,999 บาท พร้อมสีตัวเครื่องทั้งหมด 2 สี คือ สีดำและน้ำเงิน

Huawei Y9 2019 วางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวเช่นกัน กับราคา 6,990 บาท พร้อมสีตัวเครื่องทั้งหมด 3 สี คือ สีดำ, สีม่วง และสีฟ้า

ถ้ามองจากภาพรวมทั้งเรื่องของดีไซน์ สเปก กล้องถ่ายรูป และฟีเจอร์อื่นๆ ทั้งหมดแล้ว ก็จัดว่ากินกันไม่ลงเลยทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนทั้งสามรุ่นที่นำมาแนะนำกันในครั้งนี้ แต่ทางฝั่งของ realme 3 ดูจะเด่นกว่าอีกสองรุ่นในเรื่องของราคาวางจำหน่ายที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 4,590 บาท เท่านั้น 

และถ้าใครติดตามข่าวจากเราก็จะทราบว่าเขามีโปรโมชั่นร่วมกับทาง Truemove H ด้วย ทำให้สามารถซื้อเครื่องได้ในราคาเบาๆ เพียง 2,490 บาท ยิ่งทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นมากๆ ส่วนเพิ่มเติมอื่นๆ นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบของแต่ละคนแล้วละครับว่า ชอบแบรนด์ไหน ชอบฟีเจอร์ รวมถึง UI ของใครมากกว่ากัน เพราะถ้าวัดกันในด้านของ Hardware ทั้งสามรุ่นถือว่าอยู่ในระดับที่ไล่กันสุดเลย