");
OPPO F11 Pro กับกล้องคู่ 48 ล้านพิกเซล ส่วนผสมที่ลงตัวของกล้องสมาร์ทโฟนยุคใหม่
เปิดตัวกันไปเรียบร้อยสำหรับ
OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนซีรีย์ "F" รุ่นใหม่ของ
ออปโป้ กับการเป็นสมาร์ทโฟนซีรีย์ที่มีแฟนคลับในไทยเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของรุ่นมือถือทั้งหมดในตลาดเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากเรื่องของสเปก ฟังก์ชั่น รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่อง ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่มากขึ้นแล้ว ด้านของกล้องถ่ายรูปก็เป็นอีกสิ่งที่ทางออปโป้ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้กล้องของ F11 Pro ให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ตอบรับทุกความต้องการของผู้ใช้งานในยุคนี้ ที่เน้นใช้งานกล้องมือถือเป็นกล้องหลักได้อย่างลงตัว
โดยครั้งนี้ ออปโป้ เลือกใส่กล้องคู่ความละเอียดสูง 48+5 ล้านพิกเซล มาให้บน
OPPO F11 Pro ซึ่งเป็นการเลือกใช้ตัวโมดูลกล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล และมีขนาดเซ็นเซอร์รับแสงที่ใหญ่ขึ้นถึง 80% เป็นครั้งแรกบนซีรีย์ F ด้วย ทำให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องด้านการถ่ายภาพอีกรุ่นของออปโป้เลยก็ว่าได้ เพราะมีดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เมื่อผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยี ฟังก์ชั่น รวมถึงราคาเปิดตัวอันเย้าหยวนใจ บอกเลยว่า "ห้ามพลาด" ทุกประการ
แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น และประกอบกับได้มีโอกาสลองสัมผัสเล่นเครื่องจริงด้วย เลยอยากพาทุกคนไปร่วมรู้จักและลองสัมผัสเจ้าสมาร์ทโฟนซีรีย์ F รุ่นใหม่นามว่า "OPPO F11 Pro" นี้ไปพร้อมกันครับว่าจะสมคำร่ำลือหรือไม่ ถ้าพร้อมแล้ว... ไปกัน!
การเปลี่ยนแปลงจาก "Selfie Expert" มาสู่ "Brilliant Portrait"
มาเริ่มกันที่เรื่องราว เมื่อครั้งอดีตกับนิยาม "Selfie Expert" ที่แปลง่ายๆ ว่า ผู้เชียวชาญด้านการถ่ายภาพเซลฟี่ของออปโป้กันก่อน เพราะน่าจะเป็นภาพลักษณ์ ที่ทำให้ทุกคนจดจำออปโป้ในทิศทางที่ว่า ถ้าหากให้นึกถึงสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพเซลฟี่ได้สวย เนียน คมชัด เอาอยู่ทุกสถานการณ์ ก็ต้องนึกถึงสมาร์ทโฟนออปโป้เป็นแบรนด์แรกอย่างแน่นอน
แต่เมื่อกาลเวลาเปลียนไป เทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้น รวมถึงคำถามที่ผู้ใช้มักสงสัยตามมาคือ อ้าว! สมาร์ทโฟนออปโป้มีดีแค่กล้องหน้าเท่านั้นหรอ? ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าใครได้ลองใช้หรือเคยสัมผัสสมาร์ทโฟนออปโป้มาก่อน น่าจะทราบดีว่ากล้องหลังของออปโป้เองก็จัดว่าเป็นกล้องที่ให้ผลลัพธ์ของการถ่ายภาพที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดมือถือในทุกปีเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเพื่อดึงให้จุดเด่นทั้งสองออกมาได้เด่นชัด และไปด้วยกันได้อย่างลงตัว ประกอบกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทางออปโป้ได้รังสรรค์ขึ้นมาหลายสิ่งหลายอย่าง "Brilliant Portrait" จึงกลายมาเป็นนิยามใหม่ ที่ทางออปโป้เลือกใช้แทนของเดิม เพื่อที่จะเข้ามาเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกข้อสงสัยที่กล่าวมาได้แบบไร้รอยต่อ
กับการนำเทคโนโลยีด้านกล้องถ่ายรูป ที่เกิดจากการพัฒนา ปรับปรุง จนได้กล้องหลังที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมมาใช้งานในสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่น ซึ่ง
OPPO F11 Pro ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ทางออปโป้เลือกใส่กล้องความละเอียดมาสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มาให้ พร้อมกับนำความสามารถของโหมด
Ultra Night Mode และ
Color Mapping มาใส่ลงไปด้วย ทำให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่จัดจ้านเรื่องกล้องในย่านราคานี้ทันที และตอบโจทย์นิยามใหม่ Brilliant Portrait หรือการถ่ายภาพ Portrait สวยแม้ในที่แสงน้อย
กล้องคู่ (Dual camera) ตัวใหม่บน OPPO F11 Pro
กล้องคู่ความละเอียด 48 + 5 ล้านพิกเซล อาวุธใหม่ที่ถูกติดตั้งมาบน OPPO F11 Pro ซึ่งกล้องหลักจะเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ F 1.79 ตัวเลนส์ครอบทับด้วยกระจกถึง 6 ชั้น (6P) มีระบบกันสั่น VCM แบบ Ball-Bearing Closed Loop ซึ่งเป็นระบบกันสั่นและใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ 1/2.25 นิ้ว มี Pixel Size อยู่ที่ 1.6 ไมโครเมตร ทำให้เวลาถ่ายภาพในที่แสงจ้า ตัวเครื่องจะสามารถถ่ายภาพความละเอียด 48 ล้านพิกเซล แบบ Ultra HD ได้โดยตรง
ในขณะที่กล้องตัวสองความละเอียด 5 ล้านพิกเซลคือ กล้อง Depth Lens ใช้สำหรับเก็บภาพเชิงลึกทำให้ภาพมีมิติ และได้ภาพแนว Bokeh ออกมาสวยงาม แสงไฟเป็นดวงกลมสวยสมจริง เมื่อใช้งานคู่กับกล้องหลักความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล จึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของกล้องมือถือยุคใหม่กับผลลัพธ์ในการถ่ายภาพ ที่ทำให้เราสามารถเก็บทุกรายละเอียดของโมเมนท์ที่เราต้องการได้อย่างครบถ้วน ซึ่งการมีภาพถ่ายที่คมชัด รายละเอียดครบถ้วนเพียง 1 รูป ก็เพียงพอที่จะนำไปต่อยอดเป็นภาพในมุมมองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Wide, Panorama และอื่นๆ ได้แบบสบายๆ เพราะใจความสำคัญของทุกภาพอยู่ที่ "คมชัด และรายละเอียดครบ" เหมือนกันหมด
2 โหมด Low Light สุดเจ๋ง DNA จากรุ่นพี่มาสู่รุ่นน้อง
โหมดถ่ายภาพ
Portrait mode และ
Ultra Night Mode สองโหมดถ่ายภาพที่เคยสร้างความฮือฮา และความประทับใจบนรุ่นพี่อย่าง
OPPO R17 Pro มาแล้ว ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดลงสู่
OPPO F11 Pro ด้วยเช่นกัน โดย
OPPO F11 Pro ขับเคลื่อนการถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วยโหมด Ultra-clear night mode และ Color Mapping ซึ่งเป็นวิธีในการพัฒนาระบบของ OPPO ที่ออกแบบพิเศษสำหรับการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ
Ultra night mode
Portrait mode
โดยวิธีนี้จะจดจำฉากอัตโนมัติพร้อมจับคู่เป้าหมายที่กำลังถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ใน Ultra-clear night mode ระบบจะสามารถแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลและพื้นหลัง โฟกัสที่ใบหน้า พร้อมปรับสีผิวสำหรับการถ่ายภาพกลางคืน เพื่อให้ได้ภาพที่เป็นธรรมชาติมีชีวิตชีวา อีกทั้งในโหมดนี้ยังช่วยลด Noise โดยรวม, ลด Highlights, ปรับช่วงการรับแสง และเพิ่มความสว่างในส่วนที่มืด เพื่อให้ได้ภาพที่ละเอียดและคมชัดมากยิ่งขึ้น และเมื่อผสมผสานเข้ากับกล้องคู่ความละเอียดสูง 48+5 ล้านพิกเซล ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร? ผมมีภาพตัวอย่างมาฝากกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait mode ตอนกลางคืน (Low Light) จากกล้องคู่ 48+5 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่าย Ultra night mode จากกล้องคู่ 48+5 ล้านพิกเซล
การวางจำหน่าย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นน้ำจิ้มเล็กๆ น้อยๆ ที่นำมาฝากกัน สำหรับใครที่สนใจก็เตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งทาง
ออปโป้ จะวางจำหน่าย
OPPO F11 Pro ในราคา 10,990 บาท พร้อมสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือ สีดำ Thunder Black และสีเขียว Aurora Green โดยจะเปิดให้สั่งจองแบบพรีออเดอร์แบบ Exclusive deal บน Lazada ในวันที่ 15 มีนาคม 2562 เวลา 20.00 น. พร้อมรับของแถมสุดพิเศษ OPPO VIP Card และ OPPO Smart Bag มูลค่า 6,950 บาท (ของแถมมีจำนวนจำกัด) และรับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศฟรี!!
ส่วนวันที่ 16 มีนาคมนี้ จะเปิดสั่งจองแบบพรีออเดอร์ผ่านร้านค้าชั้นนำและ OPPO Brand Shop ทุกสาขา พร้อมรับของแถมสุดพิเศษ OPPO VIP Card และ OPPO Smart Bag มูลค่า 6,950 บาท (ของแถมมีจำนวนจำกัด) และเปิดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมเป็นต้นไป ยังไงใครที่สนใจแนะนำว่าไปสั่งจองกันไว้ได้เลย แค่บัตร VIP ก็คุ้มมากๆ แล้ว