พรีวิว OPPO R17 Pro กับที่สุดของการถ่ายภาพกลางคืน ด้วย Ultra Night Mode และ AI Camera
จากที่ผมได้ลองใช้งาน
OPPO R17 Pro มาหลายวัน ต้องบอกว่าประทับใจมากๆ เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีเกินกว่าจะตัดสินกันเพียงแค่สเปคจริงๆ เพราะอัดแน่นมาด้วยความพรีเมี่ยมในทุกจุด ตัวเครื่องสวยงามมากๆ มาพร้อมเฉดสีสุดพิเศษ Radiant Mist สีสันไล่โทนแนวขวาง จากสีฟ้าไปจรดสีชมพูสวยงามมากๆ ส่วนสีที่เราได้มาอยู่ในมืออย่าง
Emerald Green เป็นเฉดสีดำอมน้ำเงินที่มีเหลือบสีเขียวเงาวับคล้ายปีกแมลงทับ ก็ให้ความรู้สึกหรูหราและเนี้ยบในทุกรายละเอียด ด้านการใช้งานลื่นไหล และรวดเร็วดีมาก รวมไปถึงการเล่นเกมก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจ แถมแบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานได้แบบครบวัน พร้อมกับรองรับการชาร์จที่รวดเร็วมากๆ ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ดีที่สุดในเวลานี้อย่าง
SuperVOOC Flash Charge
OPPO R17 Pro มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม และวัสดุโลหะอลูมิเนียม รวมทั้งกระจก Corning Gorilla Glass 6 รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจะมีรายละเอียดสเปคดังนี้ครับ
- รองรับ 4G LTE-A Cat15 800/150 Mbps
- มีความบางเพียง 7.9 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 183 กรัม
- อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 ติ่งหน้าจอแบบ Water drop มีขนาดเล็ก สวยงามเอามากๆ และไม่บดบังสายตา
- สวยสดใสด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 1080 x 2340 pixels (402 ppi) กระจกหน้าจอและด้านหลัง Corning Gorilla Glass 6
- Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย ColorOS 5.2
- ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Qualcomm Snapdragon 710, GPU Adreno 616
- RAM 8GB, ROM 128GB ไม่รองรับ MicroSD Card
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, NFC, USB Type-C 3.1
- เซ็นเซอร์ Fingerprint บนหน้าจอ, Facial Unlock, accelerometer, gyro, proximity, compass
- แบตเตอรี่ความจุ 3,700 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ที่ดีที่สุดในตอนนี้ SuperVOOC Flash Charge 10V/5A 50W สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 40% ในเวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น (แต่เดิมมีอยู่บนสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมอย่าง OPPO Find X Automobili lamborghini edition เท่านั้นนะครับ)
OPPO R17 Pro สี Emerald Green
รายละเอียดกล้อง 3 ตัวของ OPPO R17 Pro
สำหรับในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงความโดดเด่นในส่วนของกล้องหลัง 3 ตัวรุ่นแรกของแบรนด์ ออปโป้ กันครับ ขอออกตัวก่อนเลยว่า นี้ไม่ใช่กล้อง 3 ตัวธรรมดาๆ เพราะสำหรับ
OPPO R17 Pro ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยี
TOF 3D Camera (สำหรับการวัด/ถ่ายภาพเชิงลึกแบบสามมิติ) บนสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกของโลก นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบ
AI Ultra-Clear อัจฉริยะ รวมทั้งระบบชดเชยสี PI ที่ช่วยให้สีสันภาพถ่ายของเราสวยงามยิ่งกว่าเดิม สำหรับรายละเอียดกล้อง 3 ตัวจะมีดังนี้ครับ
- กล้องความละเอียด 12MP ที่สามารถสลับค่ารูรับแสงระหว่าง F1.5-2.4 ได้โดยอัตโนมัติ ระยะเลนส์ 26 มม. (Wide), ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55 นิ้ว, Dual Pixel PDAF, OIS
- กล้องความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง F2.6, AF
- TOF 3D Camera
กล้องหน้าของ OPPO R17 Pro จะมีรายละเอียดดังนี้ครับ
- กล้องหน้าความละเอียด 25MP
- ค่ารูรับแสง F2.0 ระยะเลนส์ 20 มม. (Wide Angle)
- ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.8 นิ้ว มาพร้อม AI Beauty
รายละเอียดในส่วนการบันทึกวีดีโอ
- กล้องหลังบันทึกวีดีโอความละเอียด 2160P 30FPS, 1080P 60/120FPS, 720P 240FPS
- กล้องหน้าบันทึกวีดีโอความละเอียด 1080P 30FPS
TOF 3D Camera, อินฟราเรด, กล้องความละเอียด 12MP และกล้องความละเอียด 20MP ถัดมาจะเป็นไฟแฟลชคู่ LED
กล้องหน้าความละเอียด 25MP จัดเต็มด้วย AI Beauty ที่มาพร้อมติ่งหน้าจอแบบ Water drop
หลายคนน่าจะสงสัยว่า
TOF 3D Camera ที่มาพร้อมกับ
OPPO R17 Pro มันคืออะไร สำหรับเทคโนโลยีดังกล่าวมันคือการฉีกแนวกล้อง 3 ตัวรูปแบบใหม่จาก OPPO ที่แต่เดิมจะมี 2 รูปแบบยอดฮิต นั่นคือ เลนส์ Wide + เลนส์ Ultra Wide + เลนส์ Tele หรือ เลนส์ Wide + เลนส์ Tele + เลนส์ Monochrome เป็นต้น แต่ครั้งนี้ ออปโป้ เลือกที่จะฉีกแนวออกไปโดยมาพร้อม เลนส์ Wide + เลนส์ Depth + TOF 3D Camera แทน ซึ่งกล้องที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยในการวัดระยะเชิงลึกแบบสามมิติ โดย TOF (ย่อมาจากคำว่า Time Of Flight) อธิบายการทำงานอย่างง่ายๆ ก็คือ ตัวกล้องจะมีการยิงอินฟราเรดไปที่วัตถุและสะท้อนกลับมาที่กล้อง เพื่อจะวัดระยะความลึก ทำให้ภาพที่ได้ดูมีมิติมากกว่าเดิม ซึ่งแต่เดิมกล้องทั่วไปจะวัดระยะความกว้างและความสูงเท่านั้น นอกจากนี้ยังจะนำไปใช้กับเทคโนโลยี AR และการถ่ายภาพแบบ 3 มิติในอนาคต เป็นก้าวใหม่ในส่วนของกล้องที่น่าสนใจมากๆ เชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีอีกหลายๆ แบรนด์ที่จะนำเทคโนโลยีตัวนี้ไปใช้ด้วย
โดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดด้วย Ultra Night Mode จาก OPPO R17 Pro สำหรับถ่ายภาพกลางคืน
OPPO R17 Pro มาพร้อมโหมดกลางคืนแยกออกมาต่างหาก โดยทางแบรนด์เรียกโหมดนี้ว่า
Ultra Night Mode ชูความสามารถถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างน่าทึ่ง สมกับสโลแกน
"Seize The Night" สำหรับรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้สวยงามมากครับ ด้วยความสามารถของ Smart Aperture สามารถปรับรูรับแสงอัจฉริยะระหว่าง F1.5-2.4 ได้โดยอัตโนมัติ AI Ultra Clear Engine ที่ช่วยประมวลภาพภายในระยะเวลา 2-4 วินาที เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของภาพที่คมชัด และปรับแสงของภาพได้อย่างเหมาะสม สีสันสดใส แสงคมชัด และสว่างอย่างน่าทึ่งจริงๆ รายละเอียดของภาพทำได้ดีมากๆ สำหรับสภาวะแสงน้อยแบบนี้ ใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาพกลางคืน สีสันยามราตรี รับรองว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน มาชมภาพที่ผมถ่ายมาฝากกันครับ
ฟีเจอร์กล้องสุดว้าว ที่มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม
OPPO R17 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องคุณภาพดีที่สุดเท่าที่ ออปโป้ เคยพัฒนาออกมา ยังคงมาพร้อม Optical Zoom 2X, ระบบ AI Ultra-Clear อัจฉริยะ, ระบบชดเชยสี PI, โหมด Portrait, 3D Lighting, AR Sticker และ 3D Omoji มีมาให้เล่นกันครบเลยครับ คุณภาพน่าทึ่งมากๆ (น้องกีต้าร์ นางแบบเราสวยมากด้วย) และที่ผมชอบมากๆ ก็คือในส่วนของการถ่ายย้อนแสง กล้องฉลาดมากจริงๆ มาชมตัวอย่างภาพถ่ายกันเลยครับ
ถ่ายด้วยโหมด 3D Lighting ในสภาพแสงต่างๆ
3D Lighting: Natural Light
3D Lighting: Mono-Tone Light
3D Lighting: BI-Colour Light
3D Lighting: Canvas Light
3D Lighting: Shake Light
ถ่ายด้วยโหมด Portrait ละลายหลังสวยงาม
เปรียบเทียบโทนสี เมื่อปิด-เปิด ระบบชดเชยสี PI จะเห็นว่าสวยงามแตกต่างกันครับ (อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน)
เปรียบเทียบฟีเจอร์ Optical Zoom 2X
ถ่ายในโหมด Auto
ถ่าย Selfie จากกล้องหน้า OPPO R17 Pro (คุณภาพน่าทึ่งมากครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าถ่ายด้วยกล้องหน้า)
ถ่าย Selfie ด้วยโหมด Portrait (บอกว่าใช้กล้องหลังยังเชื่อ)
โหมดลูกเล่น AR Sticker
โหมด 3D Omoji น่ารักๆ ทำให้เรากลายเป็นตัวการ์ตูนได้ง่ายนิดเดียว ก็มีมาให้เหมือนกัน
โปรโมชั่นของ OPPO R17 Pro
เชื่อว่าหลายคนต้องสนใจในสมาร์ทโฟน
OPPO R17 Pro อย่างแน่นอน ตอนนี้ ออปโป้ เปิดให้จองเป็นเจ้าของพร้อมกันตั้งวันนี้ - 30 พ.ย. 61 โดยราคาอยู่ที่ 24,990 บาท สำหรับลูกค้าที่สั่งจองจะได้รับของสมนาคุณสุดคุ้ม มูลค่ารวมกว่า 9,200 บาท ได้แก่
- OPPO VIP Card ประกันหน้าจอแตก ภายใน 1 ปี
- OPPO Tripod ขาตั้งกล้อง สุดพรีเมี่ยม
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นที่คุ้มสุดๆ เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจและจ่ายค่าบริการล่วงหน้า ได้ในราคาเริ่มต้น เพียง 9,990 บาทเท่านั้น จากทั้ง AIS, TrueMove H และ dtac ใครที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ