รีวิว OPPO F7 64GB อีกระดับของการถ่ายภาพเซลฟี่ ด้วยกล้องหน้า 25 ล้าน และเทคโนโลยี AI Beauty

OPPO F7 อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนในซีรีย์ F จาก ออปโป้ ที่มาพร้อมจุดเด่นเรื่องของการนำเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 มาผสานเข้ากับกล้องหน้าความละเอียดสูง 25MP ทำให้ถ่ายภาพเซลฟี่สนุกยิ่งขึ้น ด้านตัวเครื่องยังคงเลือกใช้ดีไซน์หน้าจอไร้ขอบอัตราส่วน 19:9 ทำให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น 16% โดยทาง ออปโป้ ประเทศไทย วางจำหน่าย OPPO F7 ในราคา 10,990 บาท มีสีตัวเครื่องให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ สีแดง (Solar Red), สีเงิน (Moonlight Silver) และสีดำ (Diamond black) ส่วนจะน่าสนใจแค่ไหนไปชมรีวิวกันเลย

หน้ากล่องของ OPPO F7 จะชูด้วยไฮไลท์เครื่องสีแดง Solar Red และใส่รายละเอียดของความละเอียดกล้องหน้า 25MP ที่มีการผสานเทคโนโลยี AI Beauty มาเป็นอีกจุดเด่น โดยภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ดังนี้

• OPPO F7 (64GB)
• เคสใส TPU แบบ Soft Case 
• อแดปเตอร์ชาร์จไฟ (Output 5V - 2A)
• สายชาร์จ USB - MicroUSB
• ชุดหูฟัง Earbud (Small Talk)
• เข็มจิ้มซิมการ์ด
• คู่มือการใช้งาน

• หน้าจอแสดงผล Super Full Screen ขนาด 6.23 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (อัตราส่วน 19:9)
• CPU Octa-core Helio P60 ความเร็ว 2.0 GHz
• GPU Mali G72 MP3
• RAM 4GB
• ROM 64GB (MicroSD Card 256GB)
• กล้องถ่ายรูป 16 MP (F1.8) 
• กล้องหน้า 25 MP (F2.0)
• แบตเตอรี่ 3400 mAh

อ่านรายละเอียดสเปค OPPO F7 เพิ่มเติม

• 2G : คลื่น 850/900/1800/1900MHz
• 3G : คลื่น 850/900/1900/2100MHz
• 4G LTE : คลื่น 850/900/1800/2100MHz
• Dual nano SIM Card
• WiFi : 2.4 | 5 GHz 802.11 a/b/g/n/ac
• USB OTG

OPPO F7 มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องภายใต้คอนเซ็ปท์ "Glossy Unique Design" ที่ออกแบบให้ด้านหลังของตัวเครื่องมีการสะท้อนแสงและเงาจะมุมมองต่างๆ ทำให้ตัวเครื่องดูมีมิติ และหรูหรา แต่ด้วยขนาดหน้าจออัตราส่วน 19:9 จึงอาจทำให้ดูแปลกตา และไม่ชินมือเท่าไร เพราะตัวเครื่องมันจะยืดขึ้นหน่อย แต่ภาพรวมถือว่าทำออกมาดูดีเลยทีเดียว

ด้านหน้าของตัวเครื่อง มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบ Super Full Screen ขนาด 6.23 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล มีอัตราส่วนการแสดงผล 19:9 จึงทำให้ด้านบนของหน้าจอมีติ่งอยู่หน่อย เพื่อไว้วางตำแหน่งของกล้องหน้า ลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์

ด้านล่างตัวเครื่อง มีรูเสียบหูฟัง 3.5 mm ลำโพงเสียง และพอร์ทเชื่อมต่อ MicroUSB

ด้านซ้าย มีปุ่มปรับระดับเสียง เพิ่ม-ลด ส่วนด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง และช่องใส่ซิมการ์ดหรือ MicroSD Card (รองรับสูงสุด 256GB) ที่สามารถใช้งานพร้อมกันได้สองซิมการ์ด และ 1 MicroSD Card ไม่ต้องแย่งกันแล้ว

ด้านหลังตัวเครื่อง มีการเล่นลวดลายผลึกเพชรในรุ่นสีดำ Diamond Black เมื่อเวลาส่องกับแสงจะเล่นเงากับแสง ทำให้ดูหรูหราพอสมควร แต่ถ้าถือในที่มืด ก็จะดูดำสนิทเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าความสวยแบบนี้ก็ต้องแลกกับการเป็นรอยนิ้วมือที่ง่ายมากๆ 

ในขณะที่มุมซ้ายบน มีเลนส์กล้องถ่ายรูปความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่ง OPPO ก็ใจดีใส่รูรับแสงมาให้ที่ F1.8 ทำให้ถ่ายภาพบรรยากาศ Low Light ได้สบายๆ พร้อมทั้งยังมีไฟแฟลช LED ให้ตามมาตรฐานกล้องสมัยใหม่ และขยับลงมาอีกนิดก็จะเจอกับแป้นสแกนลายนิ้วมือ ที่วางตำแหน่งไว้ค่อนข้างดี แต่ด้วยตัวสแกนแบนราบเกือบจะเป็นระนาบเดียวกับฝาหลัง จึงอาจต้องคลำๆ กันนิดหน่อย

OPPO F7 แสดงผลด้วยหน้าจอขนาด 6.23 นิ้ว บนสัดส่วนการแสดงผลแบบใหม่ 19:9 จึงมีติ่งหน้าจออยู่หน่อย ในขณะที่ภาพรวมของหน้าตา UI ยังคงใช้การออกแบบสไตล์ Flat design เหมือนรุ่นก่อนๆ และรันบน Android OS เวอร์ชั่น 8.0 Oreo ครอบทับด้วย Color OS 5.0

จากหน้า Home ถ้าเราปัดหน้าจอไปทางด้านซ้ายสุด จะพบกับหน้าต่างของ Smart Assistant ที่เสมือนเป็นผู้ช่วยแจ้งเตือนเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เราบันทึกไว้บนเครื่องหรือจะเรียกดูสภาพอากาศต่างๆ ก็ได้เช่นกัน

OPPO F7 สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบแบ่งการใช้งานออกเป็นสองหน้าจอบนหน้าจอเดียวกันได้ โดยเราสามารถเรียกเปิดใช้งานโหมดแบ่งหน้าจอได้ด้วยกันทั้งหมด 4 วิธี ทำให้เราสามารถเรียกใช้งานได้เกือบทุกโอกาสเลย ซึ่งทั้ง 4 วิธี มีดังนี้

• เมื่ออยู่ในแอป ที่รองรับ ให้ลากนิ้ว 3 นิ้วขึ้นด้านบน 
• กดปุ่ม MutiTask บนแถบปุ่มนำทางด้านล่างค้างไว้
• ในหน้าเมนู multiTask ให้ดึงการ์ดของแอปฯ ที่ต้องลง หลังจากนั้นจะมีไอคอนแบ่งหน้าจอขึ้นมาให้เลือก
• เมื่อมีการแจ้งเตือนจากแอปฯ ที่รองรับ สามารถกดเรียกใช้ได้เลย

นอกจากนี้ OPPO F7 ยังมีฟังก์ชั่นใช้งานแอปพลิเคชั่นแบบบัญชี (ID) ให้เลือกใช้งานอีกด้วย โดยแอปฯ โซเชียลยอดนิยมอย่าง Facebook หรือ LINE ก็รองรับฟังก์ชั่นนี้ คุณพ่อบ้านใจกล้าทั้งหลายน่าจะได้เฮแน่นอน เพราะสามารถแยกบัญชีเล่นได้

โหมด Fix Screen หรือปรับให้พอดีหน้าจอของ Youtube

แสดงผลแบบต้นฉบับ VDO บน Youtube (มีขอบดำซ้าย-ขวา)

OPPO F7 เลือกใช้ CPU Octa-core Helio P60 ความเร็ว 2.0 GHz ซึ่งจัดว่าเป็น CPU ในระดับ Mid-High ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานในด้านของ Multimedia และ AI เพิ่มขึ้นมาจาก ซีรีย์ MT 6xxx และเมื่อจับคู่ทำงานร่วมกับ GPU Mali G72 MP3 ยิ่งทำให้สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายๆ 

คะแนนทดสอบประสิทธิภาพการทำงานด้วยแอปฯ

• ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น AnTuTu Benchmark ได้คะแนนรวม 139820
• ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น Geekbench 4 ได้คะแนนรวม 1318 (single Core) และ 4765 (Multi Core)
• ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น MultiTouch Tester รองรับ 10 จุด

มาที่เรื่องของเกมกันบ้าง โดย OPPO F7 มี GPU เป็น Mali G72 MP3 ซึ่งถือเป็นกราฟฟิกการ์ดที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานด้านกราฟฟิกที่ค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว และเมื่อจับคู่กับ Helio P60 ผลที่ได้จากการทดสอบเล่นกับเกมยอดนิยมในตอนนี้อย่าง ROV และ PUBG Mobile คือ เล่นได้สนุก มีแอบกระตุกบ้างในบ้างครั้ง แต่ภาพรวมก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ เพราะในส่วนของการตั้งค่านั้น OPPO F7 ไม่รองรับการตั้งค่าให้แสดงผลกราฟฟิกแบบ High ทั้งสองเกมเลย (ปรับได้สูงสุดแค่ Medium) ซึ่งก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน

แต่ก็ยังมีส่วนที่ชอบอยู่เหมือนกัน ตรงที่มีโหมด Gamer ให้ด้วย โดยตัวระบบจะทำการเร่งสปีด CPU และปรับความเหมาะสมของระบบให้อัตโนมัติ พร้อมทั้งยังปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ระหว่างเล่นเกมให้ด้วย ซึ่งโหมดนี้จะทำงานให้อัตโนมัติทันทีที่เปิดเกมขึ้นมา จากการลองใช้ก็ถือว่าช่วยให้ได้อรรถรสในการเล่นเกมดีขึ้นในระดับหนึ่ง

หน้าจอแบบ 19 : 9 กับการแสดงผลเมื่อเล่นเกม ROV

OPPO F7 ให้แบตเตอรี่ขนาดความจุ 3400 mAh มาพร้อมกับตัวเครื่อง ซึ่งเมื่อลองทดสอบใช้งานจริงในหนึ่งวัน โดยไลฟ์สไตล์คือ ใช้งานทั่วไป มีเล่นโซเชียล Facebook, LINE, IG ครั้งละ 5-10 นาที ดูวีดีโอบ้าง ฟังเพลงสตรีมมิ่ง เล่นเกมบ้างสลับกันไป แบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ถึงเย็นพอดี แต่ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานด้วยก็จะช่วยยืดไปได้อีก 1-2 ชั่วโมง ถือว่าพอเพียงในหนึ่งวัน

OPPO F7 มาพร้อมกล้องถ่ายรูปความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F1.8) มีไฟแฟลช Dual LED มาให้ในตัว โดยในส่วนของกล้องหลังนั้น ด้วยค่ารูรับแสงที่ค่อนข้างกว้าง จึงทำให้เวลาถ่ายภาพกลางแจ้งหรือในที่มีแสงสว่างมากภาพจะออกไปแนวฟุ้งๆ รวมทั้งระบบออโต้โฟกัสยังไม่แม่นยำ มีเอ๋อๆ บ้างในบางจังหวะ ซึ่งน่าจะมีอัพเดทมาแก้ไขในภายหลัง

ในขณะที่กล้องหน้าที่เป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็ให้ความละเอียดมามากถึง 25 ล้านพิกเซล (F2.0) ผสานการทำงานระหว่างเซนเซอร์ HDR ที่ฝังอยู่ตรงติ่งหน้าจอ ใช้ในการปรับแสงให้เหมาะสมคู่กับระบบ AI Beauty 2.0 ที่ตัวระบบจะเรียนรู้การใช้งานของผู้ใช้ และนำเสนอภาพที่ดีที่สุดออกมาให้ ซึ่งจากการใช้งานจริงคิดว่าสาวๆ น่าจะชอบกัน ลองไปดูตัวอย่างภาพถ่ายด้านล่างกัน

• โหมดปกติ (ซ้าย) และ โหมด AI Beauty (ขวา)

• โหมด Bokeh (หน้าชัดหลังเบลอ)

• โหมด AR Sticker

• โหมด Vivid (เร่งสีสัน)

• โหมดปกติ

• โหมด Vivid | เปิด (ซ้าย) ปิด (ขวา)

ข้อดี

• หน้าจอใหญ่ แสดงผลได้เต็มตาด้วยอัตราส่วน 19:9 ขนาด 6.23 นิ้ว FullHD 
• กล้องหน้าความละเอียดสูง 25 ล้านพิกเซล มีโหมดสำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่มาให้ และโหมด AI ที่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ แน่นอน
• ให้พื้นที่หน่วยความจำภายในมาให้เยอะ 64GB และ ROM 4GB เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป 
• รองรับการใช้งานแบบแบ่งหน้าจอ (MutiTask) ใช้งานสะดวกมาก
• รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่น 2 บัญชี ทำให้แยกบัญชีใช้ได้อิสระ
• ซิมการ์ดใส่พร้อม MicroSD Card ได้เลย 2 ซิมการ์ด ไม่ต้องแย่งกัน ตอบโจทย์พกเครื่องเดียวได้เลย

จุดสังเกต

• ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายมากๆ
• กล้องหลังเมื่อใช้งานจริง ยังมีเพี้ยนๆ ออโต้โฟกัสไม่เข้าจุด และภาพติดฟุ้งๆ
• ตัวเครื่องออกไปทางอ้วนหน่อยๆ คนที่ชอบใส่กางเกงเดฟอาจจะต้องระวังนิด
• ตัว CPU Helio P60 เป็น CPU Mid-High ของค่าย MTK แต่กลับเปิดโหมดกราฟฟิกสูงไม่ได้ในบางเกม
• ด้วยหน้าจอ Ratio ใหม่ 19:9 อาจทำให้บางแอปพลิเคชั่นยังไม่รองรับ