5 จุดเด่น iPhone X ที่ทำให้น่าสนใจกว่า iPhone 8 Plus
Apple ได้เปิดตัวและวางจำหน่าย
iPhone X สมาร์ทโฟนครบรอบปีที่ 10 ของโทรศัพท์มือถือที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาล และเป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาแพงที่สุดของ Apple อีกด้วย โดยความจุ 64GB มีราคาอยู่ที่ 40,500 บาท และความจุ 256GB ราคา 46,500 บาท
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ หลังจากที่ใช้ดีไซน์เดิมมานานหลายปี ตั้งแต่ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เรื่อยมาจนถึง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่แตกต่างจากเดิมในแง่ของดีไซน์ ก็เพียงในเรื่องของวัสดุเท่านั้น สำหรับ iPhone X นั้นจะมีจุดเด่นอะไรบ้าง ที่ทำให้ต้องหันมาเลือกซื้อรุ่นนี้ ทั้งที่สเปคเหมือนกับ
iPhone 8 Plus แทบทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชิปเซ็ต A11 Bionic ที่เร็วกว่าเดิมถึง 70% เหมือนกัน, รองรับ Fast Charge และ Wireless Charging เหมือนกัน, มีมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP67 ระดับเดียวกัน ตามมาด้วยชุดกล้องคู่ที่มาพร้อมโหมด Portrait อัจฉริยะที่สามารถปรับแต่งแสงระดับโปรด้วย Portrait Lighting จะว่าไปแล้ว นอกจากดีไซน์ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยครับ แต่เพราะเหตุใดที่ทำให้หลายคนต้องยอมจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าเพื่อซื้อ iPhone X มาดูกันครับ
ดีไซน์ที่สะดุดตา
iPhone X มาพร้อมวัสดุกระจกและโลหะสแตนเลสพรีเมี่ยมกว่าที่เคย และหน้าจอไร้ขอบ อัตราส่วน 19.5:9 ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ Apple เลือกใช้หน้าจอ OLED ในสมาร์ทโฟนของตัวเอง (สีสันสดใสสวยมากๆ ครับ แม้จะมีข่าวออกมาอยู่เรื่อยๆ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องของหน้าจอก็ตาม) ขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (458 ppi) เป็นหน้าจอ True-tone display รองรับ Dolby Vision, HDR10 และ 3D Touch
ที่สำคัญ iPhone X นั้นดูล้ำสมัยครับ แตกต่างจากรุ่นเดิมมาก ชนิดที่ว่าดูทีเดียวก็รู้เลย ส่วนทาง iPhone 8 Plus ต่างกันที่วัสดุ ถ้าใส่เคสซะก็แทบจะแยกไม่ออกเลยทีเดียว
ขนาดครื่องเล็กกะทัดรัด
iPhone X มีขนาดตัวเครื่องเล็กกะทัดรัดใกล้เคียงกับ iPhone 8 แต่มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า iPhone 8 Plus (แต่ด้วยอัตราส่วนนี้ หน้าจอมันจะออกแนวยาวแต่แคบนะครับ ใช้แรกๆ อาจต้องปรับตัวพอสมควร) และบริเวณหน้าจอจะมีติ่งยื่นลงมา (หลายคนเรียกมันว่า "รอยบาก") ซึ่งประกอบด้วยกล้องและเซ็นเซอร์ รวมทั้งลำโพงสนทนา สำหรับผมไม่รู้สึกว่ามันดูน่ารำคาญเท่าไหร่ แถมยังให้ความรู้สึกล้ำๆ ด้วยซ้ำ ก็แล้วแต่ใครจะมองแบบไหนครับ (เชื่อว่าในปีหน้า Apple น่าจะสามารถพัฒนาให้ติ่งตรงนี้หายไป)
พัฒนา Face ID มาใช้งานแทน Touch ID
สำหรับในเรื่องของ Face ID เพิ่งจะมีข่าวว่า Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Apple ออกตัวแรง ด่าว่า Face ID ของคู่แข่งห่วยหมดทุกเจ้า เพราะของ Apple นั้นจะใช้กล้อง TrueDepth มาช่วยประมวลผลใบหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อเพิ่มความละเอียดในการจดจำใบหน้า ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ยังเป็นการจดจำแบบ 2 มิติเท่านั้น
ถึงแม้ว่า Face ID ของ Apple จะดูล้ำสมัยแบบสุดๆ แต่ก็มีข่าวออกมาให้เห็นโดยตลอด ว่ามันยังคงมีปัญหาในเรื่องของความแม่นยำ ถึงขนาดที่ฝาแฝดยังสแกนผ่าน หรือหนักกว่านั้นลูกกับแม่ยังดันสแกนผ่าน อีกทั้งข่าวล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศจีน สาวจีนโดนสแกนผ่านโดยเพื่อนร่วมงาน หากทาง Apple ยังไม่แก้ไขให้ดีกว่านี้ ในปีหน้าเราน่าจะได้เห็น Touch ID กลับมาอีกครั้งบนเรือธงของ Apple แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันดูล้ำมากๆ โดยเฉพาะกับแฟนๆ Apple
Animoji แสนน่ารัก
หลายคนอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นฟีเจอร์ที่ดูไร้สาระแต่ Animoji บน iPhone X นั้นไม่ธรรมดานะครับ เพราะเซ็นเซอร์จะสามารถจับสถานะใบหน้าของเรา และนำไปถ่ายทอดอารมณ์บน Animoji ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยทำงานร่วมกับกล้อง TrueDepth แถมเป็นการเปิดตลาด AR บนมือถือให้ก้าวหน้าขึ้นอีกด้วย ถึงขนาดที่คู่แข่งออกมาประกาศก้องเลยว่ากำลังเตรียมซุ่มพัฒนาออกมาชนกันในปีหน้า น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ
กล้องคู่ มาพร้อมค่ารูรับแสงที่สว่างกว่า และระบบกันสั่นที่เหนือกว่า
iPhone X มาพร้อมชุดกล้องคู่ความละเอียด 12 MP (f/1.8, 28 มม.) + 12 MP (f/2.4, 52 มม.) ส่วน iPhone 8 Plus มาพร้อมความละเอียด 12 MP (f/1.8, 28 มม.) + 12 MP (f/2.8, 57 มม.) จะเห็นว่ากล้องตัวแรกสเปคจะเหมือนกันเลยครับ แต่กล้องตัวที่ 2 ของ iPhone X มีค่ารูรับแสงสว่างกว่า และมีช่วงเลนส์กว้างกว่าด้วย ทำให้ได้ภาพที่กว้างกว่า รวมทั้งละลายหลังได้มากกว่า แถมระบบกันสั่นของ iPhone X ยังทำงานพร้อมๆ กันแต่ของ iPhone 8 Plus จะมีระบบ OIS ในกล้องตัวแรกเท่านั้น
และนี้ก็เป็นจุดเด่นทั้งหมดของ
iPhone X ที่ทำให้น่าสนใจ และน่าเลือกซื้อมากกว่า
iPhone 8 Plus แต่ทั้งนี้การตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะรุ่นใดก็ตามต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคนด้วยนะครับ สำหรับ 5 จุดเด่นที่ยกมา หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง หรือหากใครที่มีความเห็นแตกต่างจากนี้ ก็สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้ที่แฟนเพจ
mobile GURU thailand by checkraka.com ได้เลยครับ