เปรียบเทียบ Huawei Mate 10 Pro กับ Samsung Galaxy Note 8 สองสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงของวันนี้
หลายคนน่าจะกำลังคิดกันหนักเลยนะครับ ว่าจะซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นไหนเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือคนสำคัญดี นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีแล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นเด่นๆ ก็เปิดตัวมากันครบแล้ว และที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้ก็หนีไม่พ้น
Huawei Mate 10 Pro และ
Samsung Galaxy Note 8 ยิ่งรายหลังโดนเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นเรือของแบรนด์ต่างๆ เต็มไปหมดเลย ช่างเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นมาแรงจริงๆ และวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้แล้วครับ ส่วนทาง Huawei Mate 10 Pro บ้านเราก็เตรียมจะเปิดให้จองล่วงหน้ากัน 18 - 26 พ.ย. นี้แล้ว และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณปลายเดือนนี้ ใครที่สนใจห้ามพลาดอ่านบทความนี้เลยนะครับ
ดีไซน์
Huawei Mate 10 Pro มีความบางและเบากว่ารุ่นเดิมชัดเจน ตัวเครื่องมีความโค้งมน และด้านหลังนูนขึ้นมาเล็กน้อยจับถือกระชับมือดี วัสดุเปลี่ยนมาใช้ฝาหลังกระจกและมีการใส่ Signature Stripe เข้ามาที่ด้านหลังของตัวเครื่อง และขอบด้านข้างเป็นโลหะขัดลายด้านๆ ดูสวยงามมากๆ ตัวจริงสวยกว่าที่เห็นในภาพโปรโมทเยอะเลยครับ และด้านหลังมีดีไซน์แบบสมมาตร (เท่ากันทั้งซ้ายและขวา) ดูดีและทันสมัย หน้าจอ AMOLED ขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ไร้ขอบ ความละเอียด Full HD+ รองรับ HDR10 compliant กระจก Corning Gorilla Glass 5
Samsung Galaxy Note 8 มีดีไซน์คล้ายๆ Galaxy S8 Plus แต่จะดูเหลี่ยมๆมากกว่า ด้านหลังเป็นกระจก และขอบด้านข้างเป็นโลหะเงาๆ ด้านหลังออกแบบสวยครับ แต่วางตำแหน่งตัวสแกนลายนิ้วมือไม่เหมาะสม ใช้งานค่อนข้างยาก นิ้วจะไปโดนกระจกกล้องได้ง่ายๆ หน้าจอ Super AMOLED โค้งไร้ขอบ Infinity Display อัตราส่วน 18.5:9 ความละเอียด QHD+ รองรับ HDR10 compliant และ 3D Touch ตรงปุ่ม Home เสมือน และ Always-on display กระจก Corning Gorilla Glass 5
ในเรื่องของดีไซน์ผมว่าสวยงามพอๆกัน แต่ว่าทาง Huawei Mate 10 Pro จะดูลงตัวมากกว่า ส่วน Samsung Galaxy Note 8 จะมีจุดอ่อนตรงการวางตำแหน่งด้านหลัง ที่ยังดูไม่ลงตัวนัก แต่เรื่องหน้าจอ Samsung Galaxy Note 8 เหนือกว่าครับ เพราะจัดเต็มทั้งขนาดที่ใหญ่กว่า ความละเอียดสูงกว่า QHD+ และเป็นหน้าจอโค้งซะด้วย และยังมีลูกเล่น 3D Touch บนหน้าจอ
สเปค
Huawei Mate 10 Pro สเปคภายในมาพร้อมชิปเซ็ต Hisilicon Kirin 970, Octa-core (4x2.4 GHz Cortex-A73 & 4x1.8 GHz Cortex-A53), GPU Mali-G72 MP12, RAM 6GB, หน่วยความจำ 128GB (ไม่รองรับ MicroSD), Fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, barometer, compass, แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh รองรับ Super Charge แถมยังผ่านการรับรองเรื่องความปลอดภัยจากหน่วยงานระดับโลก TUV Rheinland อีกด้วย โดย Huawei เป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์แรกที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานนี้
Samsung Galaxy Note 8 สเปคภายในมาพร้อมชิปเซ็ต Exynos 8895 Octa, Octa-core (4x2.3 GHz & 4x1.7 GHz), GPU Mali-G71 MP20, RAM 6GB, หน่วยความจำ 64GB (รองรับ MicroSD), Iris scanner, fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer, heart rate, SpO2, แบตเตอรี่ความจุ 3,300 mAh รองรับ Quick Charge 2.0 และชาร์จไร้สาย Qi/PMA
สเปคภายในถือว่าเป็นรุ่นระดับเรือธงสูงสุดของวันนี้ทั้งคู่ครับ การใช้งานลื่นไหลและรวดเร็ว จะแตกต่างแบบจับต้องได้ ก็ตรงในรายละเอียด Huawei Mate 10 Pro มีการนำ NPU มาใช้ในชิปเซ็ต Hisilicon Kirin 970 ทำให้มันมีความฉลาดมากกว่าชิปเซ็ตตระกูลอื่นๆ ในตอนนี้ สามารถตอบสนองผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาดด้วยระบบ Machine Learning มีหน่วยความจำสูงกว่าอยู่ที่ 128GB แต่ไม่รองรับ MicroSD รวมทั้งมีเซนเซอร์น้อยกว่า ไม่มีสแกนม่านตา และเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ แต่แบตเตอรี่ความจุสูงกว่าอยู่ที่ 4,000 mAh มีเทคโนโลยีชาร์จเร็วเช่นกัน แต่ไม่รองรับชาร์จไร้สาย
ส่วนทาง Samsung Galaxy Note 8 รุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราคือความจุ 64GB น้อยกว่าคู่แข่ง แต่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้ รวมทั้งจัดเซ็นเซอร์มาครบแบบแน่นๆ เยอะที่สุดในคู่แข่งทุกแบรนด์ตอนนี้เลย แต่แบตเตอรี่ให้ความจุมาไม่สูงมากอยู่ที่ 3,300 mAh รองรับชาร์จเร็ว รวมทั้งรองรับชาร์จไร้สายแบบชาร์จเร็วอีกด้วย
กล้อง
Huawei Mate 10 Pro มาพร้อมกล้องคู่ Dual Camera ที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องระดับโลกอย่าง Leica ใช้เลนส์คุรภาพสูง Summilux-H ประกอบด้วย Monochrome ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง F1.6 + RGB ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง F1.6 รองรับ Optical Zoom 2X มีระบบจับโฟกัส 4 ประเภทคือ PDAF + CAF + Laser + Depth Auto Focus และระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) ไฟแฟลชคู่ LED (ทูโทน) บันทึกวีดีโอความละเอียด 2160p@30fps และกล้องหน้าความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง F2.0
พิเศษคือ Huawei มาพร้อมระบบ AI ช่วยในการวิเคราะห์วัตถุในกล้องและปรับค่าแสงสีต่างๆแบบอัติโนมัติ สามารถเปิดโหมดถ่ายภาพที่เหมาะสมแบบอัตโนมัติด้วยความฉลาดของ AI เช่นมันจะรู้ได้เองว่าเรากำลังถ่ายภาพบุคคลอยู่ หรือกำลังถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง (สามารถแยกแยะสุนัข และแมวได้ด้วยนะครับ) หรือแม้แต่สภาพอากาศในรูปแบบต่างๆเช่นพระอาทิตย์กำลังตกดิน โดยจะสามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้มากถึง 13 รูปแบบ นอกจากกล้องหลังระบบ AI ยังสามารถใช้งานกับกล้องหน้าได้ด้วย AI Selfie ที่ทำให้การถ่าย Selfie ของคุณสวยงามและสมจริงขึ้น สามารถแยกแยะเพศ สภาพแสงต่างๆได้อย่างฉลาดมากๆ และ AI Zoom ที่จะทำการปรับแต่งตัวอักษรให้ซูมภาพแล้วไม่แตก เมื่อต้องการถ่ายภาพตัวอักษร (มันรับรู้ได้ขนาดนั้นเลยนะครับ อาจจะไม่ใช่ของใหม่แต่พิเศษตรงเราไม่ต้องมาเปิดฟีเจอร์ใช้งาน แต่ตัวกล้องมันสามารถรับรู้ได้เองโดยอัตโนมัติ)
Samsung Galaxy Note 8 มาพร้อมกล้องคู่ Dual Camera ประกอบด้วยเลนส์มุมกว้าง (Wide-Angle Lens) ช่วงเลนส์ 26 มม. และเลนส์เทเลโฟโต้ (Telephoto Lens) ช่วงเลนส์ 52 มม. ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง F1.7 + 12MP ค่ารูรับแสง F2.4 รองรับ Optical Zoom 2X ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ Live Focus สามารถปรับเอฟเฟกต์โบเก้ได้ตามใจชอบ และสามารถเก็บภาพพร้อมกัน และบันทึกไว้ทั้งสองภาพภายในช็อตเดียว โดยจะได้ทั้งภาพแบบมุมกว้าง และแบบเทเล มาพร้อมระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization), Phase Detection Autofocus และไฟแฟลชคู่ LED บันทึกวีดีโอความละเอียด 2160p@30fps และกล้องหน้าความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง F1.7
สำหรับเรื่องกล้อง Huawei Mate 10 Pro เก่งขึ้นอย่างชัดเจนครับ โทนสีสวย ภาพขาว-ดำ สุดยอดจริงๆ และถ่ายภาพกลางคืนรวมทั้งสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด รวมทั้งลูกเล่นกล้องคู่หน้าชัดหลังเบลอก็เนียนยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าแทบจะไม่พลาดเลยครับ แม้ในสภาพแสงน้อย และที่น่าประทับใจมากๆ คือระบบ AI มันฉลาดเกินคาดครับ ทำงานได้ดีจนต้องขอชมเลย เป็นลูกเล่นที่เรียกได้ว่าไม้ตายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จริงๆ
Samsung Galaxy Note 8 ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยนะครับในเรื่องกล้อง ฟีเจอร์ Live Focus ถ่ายภาพพร้อมกัน 2 ระยะเป็นลูกเล่นที่ว้าวดีครับ แต่ถ้าหวังสวยๆก็ต้องถ่ายแยกกันอยู่ดี คุณภาพรูปถ่าย Samsung ถือว่าเป็นที่ 1 ในตลาดประเทศไทยในทุกสภาพแสง ทำให้อยากนำทั้ง 2 รุ่นมาถ่ายเทียบกันดูจริงๆครับ เพราะเท่าที่ลองมาผมว่ามันดีมากๆทั้งคู่เลย มีจุดที่ว้าวแตกต่างกัน
รายละเอียดอื่นๆ
Huawei Mate 10 Pro ทำงานบน Android 8.0 Oreo และครอบทับด้วย EMUI 8.0 การใช้งานโดยรวมไม่ต่างจากเดิมมากนัก เรียบง่าย และสวยงาม มีแอปพลิเคชั่นแปลภาษาแบบออฟไลน์ที่พัฒนาร่วมกับ Microsoft สามารถแปลภาษาแบบออฟไลน์ได้ทั้งจากตัวอักษร เสียง และข้อความจากรูปภาพ แปลภาษาออฟไลน์ได้กว่า 50 ภาษา แถมแปลได้เร็วกว่าเดิมถึง 300% เลยทีเดียว เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการโยนข้อมูล รวมทั้งรองรับคุณภาพเสียงระดับ 32-bit/384kHz ใช้งานแทนเครื่องเล่นเพลงคุณภาพสูงได้สบายๆ
และฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนตอนสนทนา Huawei Easy Talk ซึ่งมีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการเรียนรู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงของเจ้าของโทรศัพท์ ทำให้สามารถตัดเสียงรบกวนคนรอบข้างได้แม้อยู่ในที่เสียงดัง และเพิ่มความชัดเจนของเสียงเราได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีระบบ GEO Enchanted GPS Technology เข้ามาช่วยให้การใช้งาน GPS แม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถใช้งานได้แม้ในจุดอับสัญญาณอย่างรถไฟไต้ดินเลยทีเดียว
และรองรับ 4.5G LTE-A (3CA) Cat18 1200/150 Mbps สามารถใช้งาน 4G ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิม เป็นเจ้าแรกในตอนนี้ เหนือกว่าคู่แข่งครับ และมาพร้อม PC MODE ซึ่งดูเหนือกว่าคู่แข่ง ตรงไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เพียงแค่ต่อสาย (ข้างนึงเป็น USB Type-C ส่วนอีกข้างเป็น Micro HDMI เท่านั้นเอง) เชื่อมต่อกับหน้าจอแล้วใช้โหมด Android Desktop ได้เลยสามารถเชื่อมต่อกับ Mouse และ Keyboard ผ่าน Bluetooth (ในส่วนนี้ยังรู้สึกกังวลในเรื่องความร้อนนะครับ เพราะไม่ผ่านตัวกลาง) และรุ่นนี้รองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67
Samsung Galaxy Note 8 ทำงานบน Android 7.1.1 Nougat (กำลังจะได้รับอัพเดต Oreo เร็วๆนี้ล่าสุดในต่างประเทสยังเป็นแค่ Beta นะครับ) ครอบทับด้วย TouchWiz หน้าตาการใช้งานสวยงามมากๆครับ ส่วนตัวผมชอบมากกว่า EMUI 8.0 นะ (ก็ต้องแล้วแต่รสนิยมนะครับ) รองรับคุณภาพเสียงระดับ 32-bit/384kHz เหมือนกัน
จุดเด่นเลยก็คือการใช้งานควบคู่กับ S Pen ในรุ่นนี้หัวปากกาขนาดเล็กลงอยู่ที่ 0.7 มม. รองรับแรงกด 4,096 ระดับ แถมหัวปากกาเปลี่ยนมาเป็นยางช่วยถนอมหน้าจอ และให้ความรู้สึกในการเขียน และวาดรูปดีขึ้น มาพร้อมฟีเจอร์ Live Message สามารถเขียนตัวอักษรน่ารักๆส่งให้เพื่อน หรือคนพิเศษดูน่ารักมากๆ และสามารถตั้ง Screen Off Memo การเขียนหน้าจอ โดยที่หน้าจอยังไม่ปลดล็อคหน้าจอ ได้มากขึ้นถึง 100 หน้า พร้อมระบบแปลภาษารองรับมากถึง 71 ภาษา สามารถแปลงค่ามาตราวัดต่างๆ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และสามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอเพื่อใช้งานโหมด Android Desktop ผ่านอุปกรณ์เสริม Samsung DeX ที่หลายๆคนชื่นชอบ และรองรับมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นเหนือกว่าคู่แข่ง อยู่ที่มาตรฐาน IP68
สรุป
Huawei Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมากครับ พัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมในทุกๆจุด กล้องคุณภาพดีมากมีการใช้ AI เข้ามาช่วยทำให้การใช้งานน่าสนใจขึ้นในทุกๆจุด รวมทั้งรวมเอาจุดขายที่โดดเด่นเอาใว้ได้ครบในเครื่องเดียว โดยเฉพาะกล้องที่อัพเกรดได้แบบก้าวกระโดดจริงๆครับ ไม่ใช่ขายแต่ชื่อ Leica เท่านั้นอีกแล้ว จะน่าเสียดายก็ตรงความละเอียดหน้าจอยังอยู่ที่ Full HD+ นี่ละครับ โดยทาง Huawei กล่าวว่าที่ใส่ความละเอียดมาเท่านี้ เพื่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นนั่นเอง (แต่ที Huawei Mate 10 ยังมีหน้าจอ QHD ซะงั้น) สำหรับราคารุ่นนี้อยู่ที่ 27,900 บาท เป็นราคาที่ว้าวมากๆครับเมื่อเทียบกับสเปค กล้อง และดีไซน์ รวมทั้งจะมีรุ่นสุดพรีเมี่ยมอย่าง
PORSCHE DESIGN HUAWEI Mate 10 ออกวางจำหน่ายพร้อมๆ กันอีกด้วย ราคายังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ
Samsung Galaxy Note 8 เป็นสมาร์ทโฟนที่สดใหม่ แม้จะวางจำหน่ายมาพักใหญ่ๆแล้ว แต่ยังอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์และสเปคที่น่าสนใจ เรียกได้ว่าไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจนเลยครับ ครบเครื่องจริงๆ ทั้งดีไซน์ สเปค กล้อง และ S Pen ล้วนตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี มีจุดขายในเรื่องการจดบันทึก และการสร้างสรรค์งานอันเป็นจุดเด่นที่ไม่มีในคู่แข่งอื่นๆ ราคาอยู่ที่ 33,900 บาท