รีวิว Vivo V7+ สมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบ FullView Display กล้องหน้า 24MP ดีไซน์สวยสะกดใจ
Vivo V7+ เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบ FullView Display รุ่นแรกของ วีโว่ มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามและดูพรีเมี่ยม เข้ากันกับพรีเซนเตอร์ของแบรนด์อย่าง "อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ" นางเอกอันดับ 1 ของประเทศไทย พร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูง 24MP สูงที่สุดในตลาดตอนนี้ และแน่นอนครับเรื่อง Selfie หายห่วงได้เลย คุณภาพดี ใสสว่าง พร้อมฟีเจอร์ละลายหลัง และ Groupfie สำหรับการถ่ายภาพหมู่ ไม่ต้องขอให้เพื่อนเสียสละช่วยถ่ายภาพให้อีกแล้ว สามารถเก็บภาพได้ทุกคนเลยครับ
VIDEO
Vivo V7+ จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Champagne Gold และ Matte Black มีราคาอยู่ที่ 11,990 บาท พร้อมจับมือกับเครือข่ายมือถือทั้ง 3 เจ้าใหญ่ ซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจในราคาสุดพิเศษ นอกจากนี้ Vivo ยังได้ประกาศเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ การแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA เป็นเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี 2018 - 2022 อีกด้วย เป็นการยกระดับแบรนด์ไปอีกขั้นอย่างแท้จริง
Vivo V7+ ชูจุดเด่นกล้องหน้า 24MP Clearer Selfie พร้อมโลโก้ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ การแข่งขัน Fifa World Cup Russia 2018 ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
ตัวเครื่อง Vivo V7+ อะแดปเตอร์ สาย MicroUSB หูฟังแบบ Earbud เข็มจิ้มซิม เคสใส TPU คู่มือ เคสที่แถมมาให้คุณภาพดีครับ ดูแข็งแรงไม่ย้วยง่ายๆ และหน้าจอจะมีกันรอยติดมาให้ตั้งแต่โรงงาน ไม่ต้องหาติดเพิ่มก็ได้
Vivo V7+ มาพร้อมวัสดุพลาสติก งานประกอบไร้รอยต่อ Unibody โดยจะมีการเดินเส้นโครเมี่ยมแวววาวเหมือนเสาอากาศ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้วัสดุโลหะ แต่ตัวงานก็ทำออกมาได้หรูหรามากครับ จะติก็ตรงเป็นรอยนิ้วมือง่าย หน้าจอ IPS ไร้ขอบ FullView Display อัตราส่วน 18:9 ขนาดใหญ่ 5.99 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1440 x 720 pixels, กระจก Corning Gorilla Glass 4 ขอบโค้ง 2.5D หน้าจอสวยเกินสเปคจริงๆครับ แม้จะมีความละเอียด HD+ แต่หน้าจอสวยไม่เลวเลยครับ สีสันสดใส และความสว่างสูง ใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ
Vivo V7+ ขอบหน้าจอบางมากครับ ดูไร้ขอบจริงๆ ด้านบนมีกล้องหน้าความละเอียดสูง 24MP ค่ารูรับแสง F2.0 พร้อมไฟแฟลช Moonlight Glow Flash และลำโพงสนทนา
ด้านหลังมีกล้องหลังความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง F2.0 และไฟแฟลช LED ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และบริเวณโลโก้ Vivo จะเป็นสีโครเมี่ยมแวววาว
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ รองรับสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ นอกจากนี้ Vivo V7+ ยังรองรับ Face Access สแกนใบหน้าอีกด้วย ความแม่นยำทำได้ดีมาก
ด้านบนมีไมค์ตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างจะมีพอร์ทหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมโครโฟน, พอร์ท MicroUSB 2.0 และลำโพง (เสียงลำโพงรุ่นนี้ดังดีครับ และไม่แตก)
ด้านซ้ายจะช่องใส่ซิม ส่วนด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power
ช่องใส่ซิมของ Vivo V7+ จะเป็นช่องแยกครับ รองรับสองซิม และมีช่องสำหรับใส่ MicroSD ไม่ต้องเลือก
Vivo V7+ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3,225 mAh และมีโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงมาให้ โดยหน้าจอจะกลายเป็นโทนขาว-ดำ สามารถใช้งานได้แค่นาฬิกาปลุก, รายชื่อ, โทรศัพท์ และข้อความเท่านั้น ใครที่แบตเตอรี่ใกล้หมดเข้าโหมดนี้ก็จะสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือได้อีกยาวนานเลยครับ
Vivo V7+ ทำงานบน Android 7.1.2 Nougat ครอบทับด้วย Funtouch OS 3.2 การใช้งานต้องบอกว่ารวดเร็ว และลื่นไหลดีมากครับ เรียกได้ว่าเกินสเปคจริงๆ โดยรุ่นนี้มาพร้อม Qualcomm Snapdragon 450, CPU Octa-core 1.8 GHz Cortex-A53, GPU Adreno 506, RAM 4GB, หน่วยความจำ 64GB (รองรับ MicroSD) ลื่นเกินคาด เมนูการทำงานของ Funtouch OS 3.2 บนหน้าจอ FullView Display อัตราส่วน 18:9 นั้นทาง Vivo ออกแบบมาได้ดีครับ ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ดีมาก Funtouch OS นั้นจะแตกต่างจาก UI ระบบ Android ตามปกติ โดยด้านบนจะเป็นในส่วน Notification ส่วนด้านล่างจะเป็นในส่วนของ Quick Toggle และฟังก์ชั่นปรับแสงหน้าจอ, ระดับเสียง และ Recent App ก็จะอยู่ที่ตรงนี้ด้วย
Vivo V7+ สามารถปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบ นั่นก็คือ แบบมีปุ่มที่หน้าจอ และแบบที่ไม่มีใช้การปัดนิ้วจากด้านล่างแทน โดยเราสามารถเข้าไปตั้งค่าได้เองเลยครับ และสามารถปรับแต่งปุ่มบนหน้าจอได้อย่างอิสระ
สามารถใช้งาน Video calls ในโหมด Face Beauty พร้อม Moonlight Glow Flash ผ่านแอปพลิเคชั่นที่รองรับ โดยจะรองรับทั้ง Line, WhatsApp, Facebook Messenger, Viber, BBM และ Zalo
Gesture และ Motion Gesture รวมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานมือเดียว ยังคงจัดเต็มมาให้ครบเลยครับ เรียกว่าใครชอบสมาร์ทโฟนซนๆ Funtouch OS คือคำตอบเลย ที่ผมชอบมากก็คือขนาดอัดฟีเจอร์มาเยอะขนาดนี้ แต่การทำงานลื่นมากๆ แม้ในรุ่นที่สเปคไม่ค่อยสูง
การใช้งาน 2 หน้าจอก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงใช้ 3 นิ้วลากที่หน้าจอลงมาเท่านั้นเอง ความรวดเร็วในการย่อหน้า และสลับแอปพลิเคชั่นทำได้ดีมาก แถมด้วยคุณสมบัติของหน้าจออัตราส่วน 18:9 ทำให้เหมาะกับฟีเจอร์ 2 หน้าจอมากๆ ครับ เพราะมีพื้นที่ให้ใช้งานอย่างเหมาะสมกว่าหน้าจออัตราส่วนเดิม
ภาพหน้าจอพิเศษ เป็นฟีเจอร์ที่รวมเอาการจับหน้าจอแบบพิเศษ สามารถจับภาพหน้าจอแบบวีดีโอ และบันทึกเสียงระหว่างการจับภาพหน้าจอได้ด้วย รวมทั้งสามารถจับภาพหน้าจอเป็นรูปทรงแปลกๆ และสามารถจับภาพหน้าจอแนวยาว
iManager เป็นฟีเจอร์ในการจัดการหน่วยความจำ และพื้นที่ในเครื่อง รวมทั้งควบคุมปริมาณ Data ที่เราใช้งานได้อีกด้วย
Easy Share สามารถสร้างกลุ่มและแชร์ File ให้กันในกลุ่มได้ รวมทั้งสามารถโคลนข้อมูลหากันได้อีกด้วย สะดวกยิ่งขึ้นเวลาเราเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่
และสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยน Wallpaper หรือ Themes ก็มีแอปพลิเคชั่น iTheme มาให้นะครับ เข้าไปดาวน์โหลดกันได้ฟรีๆ
Vivo V7+ มาพร้อมชิปเสียง AK4376A คุณภาพเสียงไว้ใจได้เลยครับ สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงบนสมาร์ทโฟน จับคู่กับหูฟังดีๆผมว่าเพลินเลยละ เครื่องเล่นเพลงรองรับระบบเสียง Hi-Fi (เมื่อต่อหูฟัง) และมีวิทยุมาให้ สามารถบันทึกเสียงเอาไว้ฟังภายหลังได้
ทดสอบด้วยไฟล์ความละเอียด Full HD 1080P สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล และรองรับระบบเสียง Hi-Fi เช่นกัน รวมทั้งรองรับฟีเจอร์ Popup Play
ทดสอบด้วยเกม N.O.V.A. 3 และ Modern Combat 5 เล่นได้อย่างลื่นไหล (แต่เกม Modern Combat 5 ปรับได้ไม่สุด) และ Vivo V7+ ยังมาพร้อมโหมดเกมซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกเวลาเราเล่นเกมให้เพลินเพลินได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่ถูกรบกวน เวลามีสายเรียกเข้าจะแสดงเป็น Popup ทำให้เราไม่ถูกรบกวนเวลาเล่นเกม สามารถเล่นต่อเนื่องได้เลย หรือจะตั้งให้ปฎิเสธสายเรียกเข้าทั้งหมดก็ได้ ยกเว้นสายที่เราอนุญิติเอาไว้เท่านั้น หรือถ้ารู้สึกว่าเป็นการรบกวน สามารถตั้งให้ไม่แสดงสถานะแจ้งเตือนใดๆ เลยระหว่างเล่นเกมก็ได้
Vivo V7+ มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียดสูง 24MP ค่ารูรับแสง F2.0 พร้อมไฟแฟลช Moonlight Glow Flash, กล้องหลังความละเอียด 16MP ค่ารูรับแสง F2.0, รองรับฟีเจอร์ถ่ายภาพแบบจัดเต็ม คุณภาพรูปถ่ายจากกล้องหลังทำได้ในระดับใช้ได้ครับ แต่ในบริเวณแสงน้อยผมว่าขาดความคมและจับโฟกัสพลาดได้ง่าย แต่โดยรวมๆถือว่าโอเคอยู่ แต่กล้องหน้าแจ๋วมากๆ คมกริบ ภาพใสสุดๆ และมาพร้อมโหมด Face Beauty ที่ชาญฉลาด ปรับได้เยอะมากๆ ภาพดูนวลใสแตกต่างจาก Vivo ที่ผ่านมาเลย นอกจากนี้ยังมีโหมด Group selfie ถ่ายภาพ Selfie แบบมุมกว้างเป็นหมู่คณะ และโหมด Portrait mode ถ่าย Selfie แบบละลายหลัง ใครชื่นชอบการถ่าย Selfie ผมว่าไม่ผิดหวังแน่นอน มาชมตัวอย่างภาพถ่ายกันครับ
ตัวอย่างกล้องหน้าของ Vivo V7+ (Selfie)
ตัวอย่างกล้องหน้าของ Vivo V7+ (Group Selfie)
ตัวอย่างกล้องหลังของ Vivo V7+
Vivo V7+ มีรายละเอียดสเปคดังต่อไปนี้ พร้อมผลคะแนนทดสอบ
ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 450 CPU Octa-core 1.8 GHz Cortex-A53 GPU Adreno 506 RAM 4GB หน่วยความจำ 64GB (รองรับ MicroSD) ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น Quadrant Standard ทำไปได้ 20,886 คะแนน ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 59,003 คะแนน ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น NenaMark2 ทำไปได้ 60.1 fps ทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่น MultiTouch Tester รองรับ 10 จุด ทดสอบสัญญาณ GPS จับสัญญาณได้อย่างรวดเร็วดีมาก 2G GSM 900 / 1800 - SIM 1 & SIM 2 3G HSDPA 850 / 900 / 2100 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 40(2300), 41(2500) Wi-Fi 802.11 b/g/n, WiFi Direct, DLNA, hotspot Bluetooth 4.2, A2DP, LE GPS, A-GPS, GLONASS microUSB 2.0, USB On-The-Go พอร์ตหูฟังขนาดมาตราฐาน 3.5 มม. เซ็นเซอร์ Fingerprint (rear-mounted), accelerometer, gyro, proximity, compass Vivo V7+ เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบ FullView Display ที่น่าสนใจครับ มาพร้อมดีไซน์ และสเปคที่เหลือกินเหลือใช้ ใส่ฟีเจอร์มาให้เยอะมาก และกล้องคุณภาพดีโดยเฉพาะกล้องหน้า ที่นอกจากความละเอียด 24MP สูงที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว คุณภาพยังดีมากอีกด้วยถ่ายสนุก ที่น่าเสียดายก็อยู่ที่ชิปเซ็ตที่เลือกใช้ครับ แต่ถึงอย่างไรผมมองว่า Snapdragon 450 นั้นไม่ได้แย่มากนัก แถมยังใช้งานได้ดีอีกด้วย จริงๆ ถ้าจัด Series 6 มาให้ อาจจะถูกใจแฟนๆ ได้มากกว่า และวัสดุในราคานี้น่าจะเป็นโลหะนะครับ รวมทั้งความละเอียดหน้าจอควรจะให้มาที่ Full HD+ จะดูเหมาะสมกว่านี้ แต่รวมๆ แล้วสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่น่าผิดหวัง เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียวในราคา 11,990 บาท