รีวิว Meizu m2 note สมาร์ทโฟนดีไซน์เลิศหรู สเปคสุดคุ้มในราคาเบาๆ
ในระยะหลังๆ นี้ ท่านผู้อ่านคงจะสังเกตเห็นได้ว่าโทรศัพท์มือถือจากประเทศจีนนั้นกำลังเข้ามาทำการตลาดในบ้านเราอยู่หลายแบรนด์เลยทีเดียว ซึ่ง
Meizu แบรนด์ชั้นนำระดับโลกก็เป็นอีกเจ้าหนึ่งที่นำสมาร์ทโฟนมาจำหน่ายในบ้านเราอยู่หลายรุ่น ซึ่ง
Meizu m2 note รุ่นที่เรานำมารีวิวนี้ก็ได้พกพาเอาคุณสมบัติมากมายเอาไว้ภายใต้ดีไซน์ที่สวยหรู ส่วนประสิทธิภาพจะเป็นเช่นไรนั้น เราได้นำผลสอบมาฝากทุกๆ ท่านแล้ว...
นอกจากในกล่องของสมาร์ทโฟน
Meizu m2 note จะมาพร้อมกับตัวเครื่องแล้ว ยังมีอุปกรณ์หลักๆ ดังต่อไปนี้
- สาย USB สำหรับถ่ายโอนข้อมูล และชาร์จไฟ
- อแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟ
- ที่จิ้มสำหรับเปลี่ยนซิม และการ์ด MicroSD
ซึ่งแม้จะให้มาน้อยไปหน่อย แต่อุปกรณ์ต่างๆ ก็อยู่ในมาตรฐานที่ดีเลย
ภายในกล่องของสมาร์ทโฟน Meizu m2 note
สมาร์ทโฟน Meizu m2 note มาพร้อมตัวเครื่องที่ผลิตจากโพลีคาร์บอเนต มีขนาดอยู่ที่ 150.9 x 75.2 x 8.7 มม. และเบาเพียง 149 กรัม ซึ่งนับว่ามีขนาดกำลังพอดี พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ส่วนดีไซน์ก็ทำออกมาได้เรียบหรู ขอบด้านข้างที่โค้งมนแบบ R-angle curve ก็ช่วยให้เราจับถนัด กระชับมือเมื่อใช้งาน
ทางด้านซ้ายของเครื่องจะมีปุ่ม power และปุ่มเพิ่ม/ลดระดับเสียง
ด้านขวาจะมีถาดใส่ซิมแบบไฮบริด ซึ่งคุณสามารถเลือกใส่ซิมแบบ nano สองซิม
หรือจะใส่ซิมหนึ่งอันกับการ์ด Micro SD ก็ได้ตามใจชอบ
หน้าจอของเครื่องเป็นแบบ IGZO (SHARP) IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 16 ล้านสี 403ppi โดยส่วนประกอบของหน้าจอเป็นกระจกแบบ Dragontrail ที่เขาว่ากันว่ามีความแข็งแกร่ง ทนทานกว่ากระจกแบบ Gorilla Glass อีกทั้งหน้าจอยังมาพร้อมเทคโนโลยี GFF Full lamination ที่ช่วยลดแสงสะท้อน และเพิ่มคุณภาพของการแสดงผลบนหน้าจออีกด้วย ซึ่งจากการทดสอบรับชมภาพยนตร์บนตัวเครื่อง ก็พบว่าหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ของเครื่องนั้นสามารถแสดงผลอย่างคมชัด สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ได้อรรถรสในการรับชมอย่างยิ่ง ไม่ต่างจากมือถือที่ราคาสูงๆ กว่านี้มากนัก
Meizu m2 note ตัวที่เรานำมาทดสอบนี้รันด้วยระบบปฏิบัติการ Flyme 4.5.21 ซึ่งเป็น OS ที่ทาง Meizu ได้พัฒนามาจากระบบ Android 5.1 Lollipop โดยหน้าตาก็จะต่างจากระบบ Android ปกติอยู่บ้างเล็กน้อย มีการวางแอปพลิชั่นทั้งหมดไว้ในหน้าโฮมสกรีน ไม่มีแอปฯ ของ Google มาให้ ต้องดาวน์โหลดเพิ่ม จากการทดสอบ พบว่าโดยรวมออกแบบมาได้ดี หน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย
อินเตอร์เฟสบนระบบปฏิบัติการ Flyme 4.5.21 นั้นดูเรียบหรู ใช้งานง่าย
Meizu m2 note มี App Center ของตัวเองมาให้ (อยู่ในแอปฯ Personalize) ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดแอปฯ
หรือธีมเพิ่มเติมได้จากที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้คอนเทนต์ต่างๆ นั้นรองรับแค่ภาษาจีนเท่านั้น
โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้มี ARM Cortex-A53 แบบ Octa-Core ความเร็ว 1.3GHz ใช้ระบบประมวลผลกราฟิก Mali T720 MP3 และมี RAM ขนาด 2GB พื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน 16GB สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วยการ์ด MicroSD ได้สูงสุด 128GB ซึ่งจากการทดสอบใช้งานถ้าเล่นเกมที่กราฟิกหนักๆ อาจจะมีอาการกระตุกให้เห็นอยู่บ้าง แต่การใช้งานแอปฯ ต่างๆ รวมถึงเล่นเกมก็ลื่นไหลดี
ลองเล่นเกม Star Wars : Galaxy of Heroes และ Need for Speed No Limits
ก็พบว่าเครื่องทำงานได้อย่างลื่นไหลดี ไม่ค่อยมีอาการกระตุกให้เห็น
การทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องด้วยแอปฯ AnTuTu Benchmark (แอปฯ ทดสอบประสิทธิภาพชื่อดังที่ใช้ได้ทั้งบนแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือ) สามารถทำคะแนนได้ที่ 34,039 คะแนน
เครื่องรองรับการเชื่อมต่อได้มากพอสมควร ดังต่อไปนี้
- Wi-Fi 802.11 n/g/b/a (รองรับ dual-band Wi-Fi (2.4GHz/5GHz))
- Bluetooth 4.0 (รองรับเทคโนโลยี BLE)
- GPS, A-GPS, GLONASS
- ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มม.
- รองรับการใช้งาน 4G ได้พร้อมกัน 2 ซิม ทั้งระบบ TD-LTE และ FDD-LTE
- รองรับการใช้งาน USB On-The-Go ผ่านสาย OTG
ซึ่งแม้จะไม่รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น NFC แต่ด้วยราคาของเครื่องเท่านี้ ก็ถือว่าทำคุ้มค่าราคาแล้ว
ทางด้านบนจะมีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ในขณะที่ด้านล่างจะมีพอร์ต Micro USB รวมถึงลำโพง และไมค์สำหรับสนทนา ซึ่งถ้ามองขึ้นไปด้านบนจะเห็น "mBack" ปุ่มโฮมแบบสัมผัสที่ช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้นตามการตั้งค่าของผู้ใช้ เช่น ถ้าสัมผัสทางด้านซ้ายจะเป็นการ Back กลับไปหน้าโฮมสกรีน
ด้วยการที่เครื่องรองรับการใช้งานระบบ 4G ได้พร้อมกัน 2 ซิม คุณจึงท่องโลกออนไลน์ทุกที่ได้ด้วยความรวดเร็ว
ลองใช้แอปฯ GPS Test ทดสอบการรับสัญญาณ GPS ก็ได้รับผลที่น่าพึงพอใจเลยทีเดียว
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้น เครื่องมาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ OmniVision OV5670 มุมกว้าง 69 องศา รูรับแสง f/2.0 ซึ่งรองรับการถ่ายเซลฟี่หรือวีฟี่ได้เป็นอย่างดี ส่วนกล้องหลังนั้นมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung CMOS ขนาด 1/3.06 นิ้ว รูรับแสง f/2.2 ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่ากล้องทำงานได้น่าประทับใจในสภาวะแสงปกติ ภาพที่ได้มีความสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นภาพที่ถ่ายยามที่มีแสงน้อย อาจจะมี noise แสดงให้เห็นอยู่บ้าง
ภาพจากกล้องกลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลนั้นให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
เครื่องมีโหมดการถ่ายภาพมากมาย ทั้งแบบ AUTO และ Manual ซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบ โหมด Light field ที่ระบบจะถ่ายภาพในมุมต่างๆ เก็บเอาไว้ แล้วเราสามารถนำมาเลือกทีหลังได้ว่าจะโฟกัสภาพในส่วนไหน ส่วนไหนชัด ส่วนไหนเบลอก็ว่ากันไป
การเล่นสื่อมัลติมีเดียต่างๆ
Meizu m2 note รองรับไฟล์มัลติมีเดียมากมาย ทั้ง MP4, 3GP, MOV, MKV, AVI, FLV และ MPEG ซึ่งจากการทดสอบรับภาพยนตร์บนตัวเครื่อง ก็พบว่าเราได้รับอรรถรสอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ที่มีความคมชัดระดับ Full HD นั่นเอง
ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD จึงสร้างความเพลิดเพลินในการรับชมภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี
เครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3100mAh ซึ่งเมื่อเทียบจากขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ก็ถือว่าให้มาเยอะอยู่สมควร และจากการทดสอบก็พบว่าแม้จะใช้งานอย่างหนัก แต่แบตเตอรี่ก็อยู่ได้เกือบเต็มวันเลยทีเดียว นอกจากนั้น ยังมีโหมด Power-saving mode มาให้ ซึ่งเมื่อเลือกใช้โหมดนี้ ก็จะเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไปอีกระยะหนึ่ง
เมื่อคุณเข้ามาในโหมด Battery ในส่วนของ Settings คุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้พลังงานของแบตเตอรี่ในรูปแบบไหน ซึ่งถ้าคุณอยากให้แบตเตอรี่ใช้งานยาวนานกว่าเดิม ก็ต้องเลือก โหมด Power-saving mode
แม้จะขาดหูฟัง รวมถึงระบบประมวลผลกราฟิกไม่ค่อยแรงมากนัก และน่าจะมีการเชื่อมต่อแบบ NFC มาให้ แต่ด้วยราคาแค่ 5,990 บาท พร้อมทั้งยังมีตัวเครื่องที่ดีไซน์ออกมาได้ดี สวยงาม งานประกอบดูมีมาตรฐาน และกล้องที่เชื่อใจได้ สมาร์ทโฟน Meizu m2 note จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ต้องการโทรศัพท์มือถือสเปคดี ราคาประหยัดในเวลานี้จริงๆ
ขอขอบคุณ Meizu ที่ให้เครื่องเรามาทดสอบครับ