10 จุดเด่น Huawei P10 และ P10 Plus สมาร์ทโฟนกล้องคู่ที่โดดเด่นที่สุดในตอนนี้
การกลับมาของสุดยอดสมาร์ทโฟนกล้องคู่ Huawei P10 และ P10 Plus สานต่อความสำเร็จของ Huawei P9 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความนิยมในฟังชั่นกล้องคู่ในสมาร์ทโฟน ด้วยการจับมือกับ Leica แบรนด์กล้องพรีเมี่ยมระดับโลก ร่วมกันพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับ และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไปทั่วโลก ล่าสุด Huawei P10 และ P10 Plus ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Mobile World Congress (MWC 2017) ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน มาพร้อมการอัพเกรดใหม่ในทุกจุด จะมีอะไรที่โดดเด่นบ้างมาดูกันเลย
1. กล้องคู่ Leica และกล้องหน้าจาก Leica เป็นครั้งแรก
เริ่มต้นจากกล้องก่อนเลยครับ เพราะเป็นจุดเด่นที่เพื่อนๆ น่าจะสนใจมากที่สุด มาคราวนี้ยังคงมาพร้อมกล้องคู่จาก Leica รวมทั้งกล้องหน้าก็ร่วมกันพัฒนากับ Leica เช่นกัน โดยเป็นกล้องคู่ความละเอียด 12MP (สี) + 20MP (ขาว-ดำ) ค่ารูรับแสง F2.2, ระบบกันสั่น OIS, Leica optics, phase detection autofocus, dual-LED (dual tone) flash และกล้องหน้าความละเอียด 8MP ค่ารูรับแสง F1.9 โดยกล้องหน้าแม้จะไม่ใช่กล้องคู่แต่ Huawei พัฒนาฟังก์ชั่นช่วยให้ถ่ายภาพ Selfie แล้วฉากหลังละลายมี Bokeh ได้ด้วย
2. Leica 2.0 Pro Edition และเลนส์ Leica Summilux
มาพร้อม Leica 2.0 Pro Edition อัพเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Huawei Mate 9 โดยจะมาพร้อม ฟังก์ชั่น Portrait Mode ถ่ายภาพบุคคลให้สวยงามอย่างมืออาชีพ ซึ่งจะเหนือชั้นกว่าการถ่ายภาพหน้าชัด-หลังเบลอแบบปกติ และในรุ่น Huawei P10 Plus จะมาพร้อมเลนส์ Leica Summilux ยกระดับความเป็นมืออาชีพเข้าไปอีก และทั้งคู่รองรับการบันทึกวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K
3. ดีไซน์ใหม่ และโทนสีสุดพิเศษจาก Pantone Color Institute ผู้นำด้านสีสันของโลก
Huawei ได้ออกแบบ Huawei P10 และ Huawei P10 Plus ใหม่ทั้งหมดเลยครับ มาพร้อมดีไซน์ที่ดูแข็งแรงและสวยงาม ผ่านเทคนิคการขัดผิวแบบ Hyper Diamond-cut ให้สมาร์ทโฟนดูสวยโดดเด่นยิ่งขึ้น มีการเคลือบผิวเนียนมือแบบการพ่นทราย (บางสีจะเป็นผิวเงา) นอกจากนี้ยังจับมือกับ Pantone Color Institute ผู้นำด้านสีสันของโลก ออกแบบสีสันสุดพิเศษทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในครั้งนี้ มีสีสันที่สวยงาม โดดเด่น และแหวกแนวไม่เหมือนใครอย่าง Dazzling Blue และ Greenery ต้องบอกว่าสวยงามเกินห้ามใจจริงๆ
4. หน้าจอ IPS-NEO LCD สวยสดใส และมาพร้อมความละเอียดระดับ QHD
Huawei P10 และ Huawei P10 Plus มาพร้อมหน้าจอ IPS-NEO LCD ทั้งคู่ แต่ขนาดหน้าจอและความละเอียดจะแตกต่างกัน โดย Huawei P10 ขนาดหน้าจอ 5.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P มีขนาดหน้าจอเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย (Huawei P9 มีขนาด 5.2 นิ้ว), กระจก Corning Gorilla Glass 5 โค้ง 2.5D ส่วนทางด้าน Huawei P10 Plus มีขนาดใหญ่กว่า 5.5 นิ้ว ความละเอียด QHD, กระจก Corning Gorilla Glass 5 โค้ง 2.5D
5. ชิปเซ็ต HiSilicon Kirin 960
Huawei P10 และ Huawei P10 Plus เลือกใช้ชิปเซ็ต HiSilicon Kirin 960 รุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนเรือธงอย่าง Huawei Mate 9 และ Mate 9 Pro นอกจากนี้สเปคในจุดอื่นๆ ก็จัดเต็มทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น GPU Mali-G71 MP8, RAM 4GB, หน่วยความจำ 64GB (สามารถเพิ่ม Micro SD Card ได้สูงสุด 256GB) และในรุ่น Huawei P10 Plus จะมีตัวเลือก RAM 6GB, หน่วยความจำ 128GB ออกมาวางจำหน่ายด้วย
6. แบตเตอรี่ความจุสูง พร้อมรองรับ Fast battery charging (Super Charge)
Huawei P10 มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 3,200 mAh และ Huawei P10 Plus ความจุ 3,750 mAh พร้อมทั้งรองรับ Fast battery charging (Super Charge) ทั้งคู่ โดยทาง Huawei ได้พัฒนาให้มีความปลอดภัยระดับสูง
7. รองรับ 4.5G เป็นรุ่นแรกของโลก
Huawei P10 Plus เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับ 4.5G (4x4MIMO 600Mbps) เสารับสัญญาณ 4 จุด ใครที่เน้นในเรื่องสัญญาณแรงๆ และรองรับเครือข่ายได้มากๆ รับรองว่ารุ่นนี้สมใจอยากแน่นอน
8. ทำงานบน EMUI 5.1 ที่ทาง Huawei รวมพัฒนากับ GoPro
Huawei P10 และ Huawei P10 Plus ทำงานบน EMUI 5.1 เวอร์ชั่นใหม่ที่ทาง Huawei รวมพัฒนากับ GoPro ซึ่งจะมีความโดดเด่นในโหมด Gallery และมีความเสถียร รวมทั้งความลื่นไหลสูงกว่าเดิม
9. เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือย้ายมาอยู่ด้านหน้า
Huawei P10 และ Huawei P10 Plus จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหน้านะครับ โดยจะอยู่ตรงปุ่ม Home และบนหน้าจอก็มีปุ่มคำสั่งระบบสัมผัสเช่นกัน โดยปุ่มนี้จะเป็นการสแกนลายนิ้วมือแบบสัมผัส ไม่ต้องออกแรงกดนะครับ และจะอยู่ใต้กระจก ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายๆ
10. อุปกรณ์เสริมแบบจัดเต็ม
Huawei P10 และ Huawei P10 Plus มาพร้อมอุปกรณ์เสริมหลากหลายรูปแบบ มีเคสให้เลือกมากมาย และแน่นอนว่ามีเคสจาก Leica ออกมาด้วย รวมทั้งรูปทรงอื่นๆ ใครที่ชอบเคสของแท้จากแบรนด์ผู้ผลิต สบายใจได้เลยมีให้เลือกเพียบครับ
สรุป
Huawei P10 และ Huawei P10 Plus จะวางจำหน่ายในตลาดโลกภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งน่าจะรวมประเทศไทยด้วย ใครที่รอคอยอยู่ก็มาลุ้นราคากันครับ ผมว่าเรื่องความเจ๋งต่างๆ ของเครื่องไม่น่าจะมีใครกังขาแล้ว ที่รอก็ราคานี่ละ ถ้ามีข้อมูลอัพเดทเมื่อไหร่จะนำมาฝากกันอย่างแน่นอน