10 สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับ iPhone 6
ในที่สุดสมาร์ทโฟนตัวใหม่จากค่าย Apple ก็วางจำหน่ายในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็สร้างกระแสความฮือฮาได้พอสมควร ทั้งนี้ ถ้าคุณยังลังเลว่าจะตัดสินใจซื้อตัวไหนดี ระหว่างไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัส ลองมาอ่านข้อมูลต่อไปนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจกันก่อนครับ
1. มาพร้อมสองรุ่นหลัก
สมาร์ทโฟนล่าสุดของ Apple ที่เปิดตัวในครั้งนี้มี 2 รุ่นด้วยกัน นั่นคือ iPhone 6 ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p และ iPhone 6 Plus ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p ซึ่งพร้อมให้คุณรับชมภาพยนตร์บนตัวเครื่องได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น โดยทั้งสองรุ่นได้รับการดีไซน์ตัวเครื่องให้มีความโค้งมน บาง และสวยงามกว่าเดิม
2. ใช้ระบบชำระเงินแบบใหม่ Apple Pay
อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจาก iPhone รุ่นก่อนๆ คือ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้นมาพร้อม NFC (Near Field Communication) ซึ่งเหตุผลที่ Apple เพิ่มเทคโนโลยีนี้เข้ามาก็เพื่อให้รองรับกับระบบ Apple Pay ของตนเอง โดยระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการได้ เพียงแค่นำโทรศัพท์มือถือไปแตะในจุดที่ให้บริการเท่านั้น
3. มีกล้องดิจิตอลที่ดีกว่าไอโฟนรุ่นก่อนๆ
กล้องดิจิตอลของ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยกล้องหลัง iSight มาพร้อมความละเอียด 8 เมกะพิกเซล ด้วยพิกเซลขนาด 1.5u และเลนส์รูรับแสง f/2.2 รวมถึงยังมีฟีเจอร์ใหม่ Focus Pixel ที่จะช่วยให้กล้องโฟกัสอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็วและดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นยังถ่ายวิดีโอแบบ slow motion ได้ดีกว่าเก่า และมีโหมด Burst selfies ที่ช่วยถ่ายภาพเซลฟี่จากกล้องหน้าอย่างรวดเร็วถึง 10 ภาพต่อวินาที
4. แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม
ไม่ต้องห่วงว่าการใช้งานสมาร์ทโฟนของคุณจะขาดช่วง เพราะ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus นั้นมีอายุการใช้งานมากกว่าเคย โดย iPhone 6 สามารถใช้งานเฉพาะในส่วนของ Audio ได้ยาวนาน 50 ชม. และสนทนาต่อเนื่องเมื่อเปิดใช้ระบบ 3G ได้ถึง 14 ชม. ส่วน iPhone 6 Plus ใช้งานเฉพาะในส่วนของเสียงนานถึง 80 ชม. และสนทนาได้ต่อถึง 24 ชม. เมื่อเชื่อมต่อระบบ 3G
5. มาพร้อมเซ็นเซอร์บารอมิเตอร์
สมัยนี้เทรนด์การออกกำลังกายกำลังมาแรง ด้วยเหตุนี้เองทาง Apple จึงไม่พลาดที่จะใส่เซ็นเซอร์บารอมิเตอร์เข้าลงไปในไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัส เพื่อตรวจจับความดัน, ความกดอากาศ, อุณหภูมิ และระดับความสูง (วัดจากระดับน้ำทะเล) ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยในเรื่องของการออกกำลังกายของคุณได้ นอกจากนี้ Apple ยังออกแอปพลิเคชันตัวใหม่ที่มีชื่อว่า Health (ออกมาพร้อมระบบประมวลผล iOS8) ที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์และแอปจากผู้ผลิตเจ้าอื่นได้อีกด้วย
6. มีประสิทธิภาพการทำงานรวดเร็วกว่าเดิม
ไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัสใช้ชิพ A8 พร้อมด้วยสถาปัตยกรรม 64 บิต ที่ช่วยประมวลผลการทำงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีโปรเซสเซอร์ร่วม M8 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหวให้ราบรื่น ไร้สะดุด นอกจากนั้น ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัส ยังมีระบบ Wi-Fi 802.11ac และ 4G LTE ที่เร็วกว่ารุ่นเก่าอีกด้วย
7. สามารถแสดงผลหน้าจอให้มีแบบ Landscape ได้
ไอโฟน 6 พลัสถูกออกแบบให้เครื่องสามารถแสดงผลภาพในแบบ Landscape ได้ทั้งในหน้าโฮมสกรีน อีเมล และคีย์บอร์ด จึงช่วยให้คุณมีมุมมองที่สบายตามากกว่าเดิม แถมยังพิมพ์ข้อความหรืออีเมลสะดวกขึ้นด้วย
8. ออกแบบให้ใช้งานด้วยมือเดียวสะดวกยิ่งขึ้น
iPhone 6 มีการใส่ฟังก์ชั่นต่างๆ เพื่อให้คุณใช้งานด้วยมือเดียวได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น เพียงแตะที่ปุ่ม Home สองครั้ง UI ทางด้านบนหน้าจอก็จะเลื่อนลงมาไม่ต้องเอื้อมมือไปกด และเมื่อแตะที่ปุ่ม Home อีกสองครั้ง UI ก็จะกลับคืนไปสู่แบบปกติ
9. ราคาในไทยเริ่มต้นที่ 24,900 บาท
ราคาไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัสในเว็บของ Apple จะเริ่มที่ 24,900 บาท และ 28,900 บาท ตามลำดับ ส่วนราคาจากค่ายมือถือทั้ง DTAC, TRUEMOVE H และ AIS สามารถดูจากลิงก์นี้ได้เลย
http://www.checkraka.com/mobilephone/knowledge/1629810/ 10. สำหรับประเทศไทยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ค่ายมือถือทั้ง DTAC, TRUEMOVE H, AIS และเว็บของ Apple เริ่มจำหน่ายไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัสในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 แต่สำหรับค่ายมือถือของไทยนั้น ได้เปิดให้จองไว้ก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ส่วนเว็บของ Apple สามารถสั่งซื้อได้เลยในวันที่ 31 แต่ต้องรอรับของประมาณ 1-2 สัปดาห์
เป็นไงกันบ้างครับ สำหรับข้อมูลที่เรานำเสนอให้ในคราวนี้ อย่างไรก็ตามถ้าคุณสนใจ และต้องการเป็นเจ้าของไอโฟน 6 และไอโฟน 6 พลัส แล้วอยากซื้อผ่านค่ายมือถือทั้ง DTAC, TRUEMOVE H, AIS คงต้องรอสักพัก จนกว่าของล็อตใหม่จะมา แต่ถ้ารอไม่ไหว การสั่งซื้อผ่านเว็บของ Apple ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ