บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "FPT" ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย เปิดรายได้ครึ่งปีแรก (ต.ค.65 - มี.ค. 66) 7,130 ล้านบาท กำไร 635 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากพอร์ตฯ ค่าเช่าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมที่แข็งแกร่ง สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 20% เป็นผลจากดีมานด์พื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้ามากขึ้น และกลุ่มอาคารสำนักงานที่มีอัตราการเช่าสูงถึง 92% ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเติบโตดีตามแผน มุ่งเจาะกลุ่มตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่และเซกเมนต์ระดับบนขึ้นไป
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “FPT สามารถสร้างผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกได้ตามเป้าหมายอย่างเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ เดินหน้าตามแผนพัฒนาธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่มีจุดยืนของแบรนด์ที่แข็งแกร่งและแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น มุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านโรดแมป FPT Next 2025 ที่จะขับเคลื่อนบริษัทฯ สู่การเป็น Real Estate as a Service Brand พร้อมยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าและผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ช่วยสร้างแต้มต่อให้ FPT เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งทั้งในปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างดี”
ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 - มีนาคม 2566) มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,130 ล้านบาท กำไรสุทธิ 635 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2566 (มกราคม - มีนาคม 2566) มีรายได้รวม 3,424 ล้านบาท กำไรสุทธิ 318 ล้านบาท โดยธุรกิจเติบโตตามแผนงานที่วางไว้ในการบาลานซ์พอร์ตโฟลิโอทั้งรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และกระแสรายได้จากค่าเช่าที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งสร้างสมดุลให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ตารางเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านการเงิน รอบระยะเวลา 6 เดือน (ตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566)
ผลการดำเนินงานด้านการเงิน ไตรมาส 2 (มกราคม - มีนาคม 2566)
แรงขับเคลื่อนธุรกิจมาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง ในครึ่งปีแรก (ตุลาคม 2565 - มีนาคม 2566) สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่าและบริการได้ถึง 1,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 2 ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ามีจำนวนลูกค้าใช้บริการอย่างหนาแน่น สามารถสร้างอัตราการเช่าได้สูงถึง 86% ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากดีมานด์พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ธุรกิจขยายตัว และนักลงทุนต่างชาติที่ย้ายฐานการผลิตมาไทย รวมถึงมีรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศทั้งโครงการโลจิสติกส์พาร์คในประเทศอินโดนีเซียและประเทศเวียดนามที่สามารถรักษาอัตราการเช่าไว้ในระดับสูงเช่นกัน ทั้งนี้ เตรียมส่งมอบอาคารคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) แห่งใหม่ในไตรมาส 3 ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยรวม 19,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่เพิ่งแล้วเสร็จ
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมในส่วนของอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอ สามารถรักษาอัตราการเช่าไว้สูงถึง 92% และมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากโครงการมิกซ์ยูสสีลมเอจที่เติมเข้ามาในพอร์ตฯ อีกทั้งยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เช่า ขณะที่ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์มีการจัดกิจกรรมการตลาดและอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มทราฟฟิกได้เป็นอย่างดี ด้านธุรกิจโรงแรมได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้นในฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยสร้างรายได้จากการขายในครึ่งปีแรก (ตุลาคม 2565 - มีนาคม 2566) 4,983 ล้านบาท ด้วยการเปิด 5 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม มูลค่ารวม 8,869 ล้านบาท ซึ่งเดินหน้าขยายตลาดบ้านระดับลักชัวรี่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 2 มีการเปิดตัวโครงการ The Royal Residence บ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ราคาจำหน่าย 80 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่ครึ่งปีหลัง (เมษายน – กันยายน 2566) มีแผนเปิดตัวอีก 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยวระดับบนเจาะกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง ทาวน์โฮมในระดับราคาที่เอื้อมถึง และคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ารองรับกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวเป็นครั้งแรก