ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ สบช่องภาพรวมเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาคึกคัก ฉลองครบรอบ 36 ปีอย่างยิ่งใหญ่ในเดือนสิงหาคมนี้ ด้วยการมอบข้อเสนอสุดคุ้มแก่ผู้บริโภคที่กำลังมองหาบ้าน พร้อมชี้หากผู้บริโภคต้องการซื้อบ้านควรเร่งตัดสินใจในปีนี้ หลังแนวโน้มการปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้เริ่มชัด รวมถึงการปรับราคาของต้นทุนการก่อสร้างที่อาจส่งผลให้ราคาบ้านในตลาดปรับตัวสูงขึ้น
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 36 ปี ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้คนไทยมีโอกาสได้เป็นเจ้าของบ้านคุณภาพ โดยเฉพาะในปี 2565 กลุ่มที่อยู่อาศัยที่พัฒนาภายใต้ต้นทุนเดิมกำลังจะหมดไป ดังนั้นผู้บริโภคที่วางแผนซื้อบ้านในปีนี้อยู่แล้ว จึงควรเร่งตัดสินใจ โดยบริษัทฯ ได้ใช้โอกาสพิเศษนี้นำเสนอ บ้าน ทาวน์โฮม และบ้านแนวคิดใหม่ ในระดับราคา 2-10 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ประกอบด้วย แลนซีโอ, ไลโอ, บ้านลลิล และลลิล กรีนวิลล์ ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าในเรื่องดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ความพิถีพิถันด้านการออกแบบที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในแบบ French Colonial Style มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นเพื่อรองรับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) โดยมีห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้อง Work From Home ,Study Online หรือแม้กระทั่งปรับมาเป็นห้องผู้สูงอายุรับสังคมสูงวัยในอนาคตได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณส่วน กลางให้มากขึ้นเพื่อลดการเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้ลูกค้าได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า พร้อมยังคัดสรรวัสดุที่ได้มาตรฐานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยอีกขั้นสู่สังคมคุณภาพ
โดย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้จัดโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 36 ปี สำหรับลูกค้าที่จอง ระหว่างในวันที่ 7-8 สิงหาคม 2565 จะได้รับเฟอร์นิเจอร์มูลค่าสูงสุดกว่า 500,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) ได้รับเมื่อจองภายในวันที่ 7-8 สิงหาคม 2565 และโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่
https://bit.ly/2TKmwiO ทั้งนี้ในด้านมุมมองต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 นั้น นายชูรัชฏ์ แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า “โดยปกติแล้วการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นจะเติบโตเฉลี่ยที่ 1.5-2 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดการณ์จีดีพีของไทยในปี 2565 ว่าน่าจะเติบโตอยู่ที่ 2.5-3.5% นั่นหมายความว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5-7% โดยประมาณ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เชื่อว่าภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะปัจจัยจากภาคการส่งออกที่ถือเป็นรายได้หลักของประเทศ ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากที่นานาประเทศเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจกันตามปกติ และได้รับอานิสงค์จากภาวะค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง นอกจากนี้หากมองในด้านภาพรวมของธุรกิจการท่องเที่ยวที่เป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญของไทย จะพบกว่าปัจจุบันมีปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีชาวต่าง ชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเฉลี่ยประมาณ 6-8 ล้านคน ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้รับผลดีตาม มาด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังมีความท้าทายอื่นๆที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องคอยประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เริ่มที่จะทรงตัวจากการที่หลายภาคส่วนเริ่มปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้น พร้อมยังได้มีการปรับแผนเพื่อรองรับผลกระทบจากกรณีพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน จะเห็นได้ว่าข้อดีของการปรับตัวและวางกลยุทธ์เพื่อตั้งรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวสรุป
สอบถามและชมข้อมูล ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่
Call Center 1778 หรือ
https://www.lalinproperty.com/news/36years/