นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ด้วยความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะเติบโตตามกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน และการผนึก 3 กลุ่มธุรกิจภายใต้แพลตฟอร์มอสังหาฯครบวงจร ทำให้สามารถบรรลุการดำเนินงานด้าน ESG ได้ตามเป้าหมาย การได้รับจัดอันดับจากองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือทั้งในระดับประเทศและระดับสากลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจตามพันธกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และ บรรษัทภิบาล บริษัทฯจะยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานเช่นนี้ต่อไป เพื่อรักษาความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนนักลงทุนทุกกลุ่มควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป”
การได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) สะท้อนถึงความสามารถของ FPT ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนครอบคลุมด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และพิสูจน์การบริหารจัดการธุรกิจระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
พร้อมกันนี้ ในระดับสากล บริษัทฯยังได้รับการประเมินและจัดอันดับด้านความยั่งยืนจาก GRESB ซึ่งในปีนี้ FPT ได้รับการจัดอันดับในระดับ A ด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนของบริษัทซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยบริษัททั่วโลกและบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันที่เข้าร่วมการประเมิน โดยมีคะแนนการเปิดเผยข้อมูลเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับกลุ่มบริษัทประเภท Diversified Real Estate Company นอกจากนี้ยังได้รับ GRESB Green Star ในหมวดโครงการที่พัฒนาเสร็จสิ้นและอยู่ระหว่างดำเนินงาน (Standing Investments) และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (Development Projects) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นองค์กรที่มีการบูรณาการหลักการด้านความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ FPT ยังได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการ จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์
เพื่อมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นองค์กรปลอดคาร์บอนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ภายในปี ค.ศ. 2050 FPT จะยังคงเดินหน้าดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้พลังงาน ตลอดจนประยุกต์ใช้นวัตกรรมที่สนับสนุนให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน