ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการไตรมาสสาม 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 575.7 ล้านบาท
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาสสาม ปี 2561 มียอดรับรู้รายได้ที่ 959 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดรับรู้รายได้ของ 9 เดือนแรก ในปี 2561 นี้ อยู่ที่ 3,040.9 ล้านบาท ขยายตัวราว 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้อย่างแน่นอน ทั้งนี้บริษัทยังรักษาความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกนี้ มีกำไรสุทธิแล้วทั้งสิ้น 575.7 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ "บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี" กล่าวว่า ผลงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมียอดรับรู้รายได้แล้ว 3,040.9 ล้านบาท หรือขยายตัวราว 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงเชื่อมั่นว่า ภาพรวมทั้งปีจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่าสัญญาณทางเศรษฐกิจหลายตัวจะเริ่มมีความเสี่ยงที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกจากประเด็นสงครามทางการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ในส่วนของเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการชะลอตัวลงในเดือนกันยายน ซึ่งรวมถึงภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าบริษัทมีการวางกลยุทธ์ต่างๆ อย่างรัดกุม มีการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกอย่างใกล้ชิด จึงยังคงเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปีที่บริษัทสามารถเติบโตได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ อนึ่ง มาตรการของ ธปท. ไม่กระทบกับธุรกิจของบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทเน้นบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม และเน้น Real Demand ซึ่งบริษัทได้ชะลอโครงการคอนโดมิเนียมมา 1-2 ปีแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษามาตรฐานการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกนี้ บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 39.8% ซึ่งทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) อยู่ที่ 11.9% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ใน 9 เดือนแรกนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 575.7 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นการขยายตัวที่ 17.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับการขยายธุรกิจ บริษัทเพิ่งเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมสำหรับปีนี้อีก 1 โครงการ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการ LIO Elite วัชรพล - สายไหม ซึ่งเป็น Premium Townhome สไตล์ Modern Natural Luxury ราคาเริ่มต้นที่ 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการเพิ่มเติมอีก 1-2 โครงการในช่วงที่เหลือของปี เพื่อสนับสนุนให้บริษัทมีการขยายตัวที่มั่นคง ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน บริษัทยังคงความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน มีระดับหนี้ที่สามารถบริหารจัดการได้ รวมถึงมีวงเงินสำรองที่เพียงพอในการขยายธุรกิจ และรองรับสภาวการณ์ต่างๆ ได้ โดยสิ้นไตรมาสสาม 2561 นี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่เพียงแค่ 0.72 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.5 เท่า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 1778 เว็บไซต์
www.lalinproperty.com