ทาสีบ้านด้วยสีขาวโทนไหนดี?

สีขาวมีอยู่หลายเฉดมาก แต่ขาวที่ไม่ใช่ขาวจั๊วะ จะสามารถเรียกกลุ่มนี้ได้ว่า Off- White คือสีขาวที่มีสีอื่นๆ ผสมอยู่เล็กน้อย เพื่อลดค่าสะท้อนแสงลงทำให้เกิดเฉดสีขาวมากมายหลายร้อยเฉด ทำให้เกิดเป็นขาวที่นุ่มนวล สบายตามากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 2 โทนใหญ่ๆก็คือ สีขาวโทนเย็น (ขาว+เทา ฟ้า เขียว น้ำเงิน) และสีขาวโทนอุ่น (ขาว+แดง เหลือง ส้ม น้ำตาล)

ขอบคุณภาพจาก https://homedeedee.com/33416-autosave-v1/white3_0/

สีขาวโทนอุ่น สีที่ได้ออกมาก็จะทำให้มีความนุ่มละมุน สะท้อนแสงสว่างได้ดี เหมาะกับห้องที่มีแสงธรรมชาติเข้ามาน้อย อย่างเช่นห้องที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก เมื่อทาสีขาวโทนอุ่นจะช่วยปรับสมดุลให้ภายในห้องมีความสบายตามากขึ้น หรือห้องใครที่ใช้ไฟแบบ Daylight (หลอดไฟสีขาว) การทาสีโทนนี้ก็จะทำให้โทนสีในห้องไม่สว่างจ้าจนเกินไป

สีขาวโทนเย็น  สีที่ออกมาทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง สบายตาและทันสมัย เหมาะกับทาสีห้องขนาดที่ไม่ใหญ่ และแสงธรรมชาติเข้ามามากอยู่แล้ว หรือบ้านที่ใช้ไฟแสงสีส้ม (Warmlight) และเหมาะกับห้องที่หันหน้าไปทางทิศใต้หรือทิศตะวันออก เพื่อทำให้สีจากภายในห้องและสีจากภายนอกมีความสมดุลมากขึ้น

หลังจากที่ผู้เขียนได้ไปแผงตัวอยู่ในกลุ่มแต่งบ้านเป็นระยะเวลานานพอสมควร ก็ทำให้ได้โค้ดสีขาวยอดนิยมมาบอกต่อผู้อ่านกันหลายโค้ด* (โค้ด = Code คือ รหัสสีที่เกิดจากการผสมกันของ 3 แม่สีหลัก เมื่อผสมออกมาก็จะได้เป็นรหัสตัวเลขของเฉดสีนั้นๆ ได้ หากทราบโค้ดสีแล้วสามารถแจ้งพนักงาน ณ จุดขายได้เลยว่าอยากได้สีนี้

สีฮิตล้าน% คนใช้เยอะมากๆ เพราะเป็นสีขาวแบบนวลๆ เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและอุณหภูมิแสง

สีกลุ่มนี้เป็นสีขาวโทนกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสีขาวสะอาด มองแล้วรู้สึกสดชื่น

ใครชอบขาวควันบุหรี่ต้องสีนี้เลยสว่างแบบไม่ตะโกน 

อยากได้ห้องแบบมูจิมูใจ ต้องสีนี้ขาวติดครีมนิดๆ ทำให้พื้นที่ดูอบอุ่น โปร่งสบาย

ใครว่าห้องกินข้าวต้องใช้สีโทนร้อนเสมอไป ขาวครีมแบบนี้ก็ทานข้าวอร่อยเหมือนกัน

คิดไม่ออกบอก "สีขาว" ก็ถือว่าไม่ผิดนัก เพราะสีนี้สามารถเข้าได้กับการตกแต่งเกือบทุกประเภท อยู่ที่ว่าบ้านเราหันไปทางทิศไหนถ้าหันไปในที่แสงเข้าเยอะๆ โทนเย็นก็จะเหมาะกว่าโทนร้อน เพราะจะช่วยปรับสมดุลให้บ้านสวยสบายตามากขึ้น หรือถ้าไม่แคร์อะไรชอบสีไหนก็จิ้มสีนั้นได้เลย เพราะบ้านเราเราอยู่เอง เลือกสีที่ถูกใจเพื่อให้อยู่แล้วสบายกาย อย่างไรก็ตามสีขาวเป็นสีที่สกปรกง่ายควรเลือกใช้สีที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความทนทาน และถ้าหากเปื้อนในจุดที่สามารถเช็ดได้ก็ควรเช็ดทันทีเพื่อป้องกันคราบฝังลึก แต่อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วอายุขัยของสีทาผนังจะมีอายุประมาณ 10-15 ปี ดังนั้นเมื่อใกล้ครบกำหนดแล้ว ก็ควรทำการซ่อมแซม ทาสีใหม่เพื่อให้บ้านของเราสวยงาม ไม่ทรุดโทรมตามกาลเวลา

ขอขอบคุณข้อมูลจากบ้านและสวน, TOA, Here A, Delta, Beger และ Benjaminmoore