การซื้อบ้านหรือคอนโดถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ เพราะเราต้องแบกภาระหนี้ก้อนนี้นานถึง 30 ปี ซึ่งการมีภาระหนี้ที่ยาวนานทำให้หลายคนอยากรีบปลดหนี้ก้อนนี้ให้หมดไวๆ เพื่อจะได้นำเงินไปต่อยอด หรือนำไปจัดสรรปันส่วนกับภาระหนี้ในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น บทความนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับผ่อนบ้านยังไงให้หมดไว แถมลดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ตามไปดูกันเลยค่ะ
1. จ่ายค่างวดเกินทุกเดือน
ตามปกติแล้วหากเราชำระค่างวดตามเรทที่ธนาคารกำหนด เงินต้นจะลดไปเพียงเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่จะจมไปกับดอกเบี้ย ดังนั้น หากเราชำระค่างวดเกินกว่าเรทที่ธนาคารกำหนดทุกเดือน เงินที่ชำระเกินจะถูกนำไปตัดเงินต้น และส่งผลให้ดอกเบี้ยลดลง เช่น ธนาคารกำหนดให้ชำระค่างวดเดือนละ 15,000 บาท เราอาจจะชำระเกินสัก 5,000 - 10,000 บาท ก็จะสามาถช่วยร่นระยะเวลาในการเป็นหนี้ได้มากเลยทีเดียว
2. จ่ายเพิ่มปีละครั้ง
หากใครที่มีภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนเยอะ ไม่สามารถจ่ายค่างวดเกินได้ทุกเดือน วิธีการจ่ายค่างวดเพิ่มปีละครั้ง (งวดที่ 13) ก็สามารถช่วยลดเงินต้นได้เหมือนกัน แต่อาจจะไม่มากเท่าการจ่ายค่างวดเกินทุกเดือนแบบข้อ 1
3. มีเงินก้อนให้รีบโปะ
สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ได้โบนัสประจำปี หรือฟรีแลนซ์ที่ได้เงินก้อนจากโปรเจคต่างๆ ให้นำเงินส่วนหนึ่งมาโปะบ้าน เพื่อช่วยลดเงินต้นและลดดอกเบี้ย ทางที่ดีควรเลือกโปะช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้การโปะบ้านคุ้มค่ามากขึ้น
4. ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่
ในการกู้สินเชื่อบ้านนั้น รูปแบบของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบ MRR โดยจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยบ้านใน 3 ปีแรกจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ แต่ในปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ทำให้เราต้องจ่ายเพิ่มเป็นจำนวนมาก ดังนั้น วิธีที่จะช่วยลดเงินต้นและลดดอกเบี้ยได้ดีก็คือการปรับโครงสร้างหนี้ โดยสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
4.1 รีไฟแนนซ์ (Refinance) เป็นการย้ายหนี้เดิมจากธนาคารเก่าไปยังธนาคารใหม่ ซึ่งทางธนาคารใหม่จะเสนอดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ทำให้เราสามารถปลดหนี้บ้านได้ไวขึ้น แต่ทั้งนี้ควรพิจารณาเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้ข้อเสนอที่ตอบโจทย์ที่สุด
4.2 รีเทนชัน (Retention) เป็นการขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ซึ่งมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากเท่าการรีไฟแนนซ์ เนื่องจากหลายธนาคารจะมีโปรโมชั่นกรณีที่ลูกค้าอยากรีเทนชัน และหากเป็นลูกหนี้ชั้นดี ไม่มีประวัติชำระหนี้ล่าช้า ยิ่งทำให้โอกาสในการอนุมัติสูงขึ้นด้วย
แต่ทั้งนี้ควรอ่านสัญญาสินเชื่อให้ถี่ถ้วนว่าสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้เมื่อไหร่ เพราะหากเราดำเนินการตอนที่ยังไม่หมดอายุสินเชื่อ เราอาจจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมากได้
5. เช็กสิทธิพิเศษกับทางบริษัท
ปัจจุบันหลายๆ บริษัทมี benefit ให้พนักงาน เช่น มีการดีลข้อเสนอสุดพิเศษกับทางธนาคาร เพื่อให้พนักงานที่ยื่นกู้ซื้อบ้านได้รับดอกเบี้ยอัตราพิเศษ หรือหลายๆ อาชีพ เช่น แพทย์ ข้าราชการ ที่มักจะได้รับโปรโมชั่นพิเศษในการซื้อบ้าน เป็นต้น
6. ไม่สร้างหนี้เพิ่ม
การเพิ่มหนี้สินในขณะที่เราแบกรับภาระหนี้ใหญ่อย่างการผ่อนบ้านนั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดและอาจนำมาซึ่งการจ่ายหนี้ไม่ไหว ดังนั้น ควรโฟกัสทีละอย่าง เคลียร์หนี้บ้านให้จบก่อน เพื่อให้สถานะทางการเงินมีความคล่องตัวและไม่แบกรับภาระหนี้ที่หนักจนเกินไป