วันนี้ Checkraka จะพาไปรีวิวโครงการแนวราบจากศุภาลัยในทำเลทองฝั่งธนบุรี กับโครงการ
ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ (Supalai Grand Essence @Thaphra Interchange) โครงการ Home office และบ้านแฝดระดับลักซ์ชัวรี่ สไตล์ Modern Luxury ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด
"THE QUINTESSENTIAL LIVING…แก่นแท้แห่งชีวิตเหนือระดับ" ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย เพียง 600 ม. จาก MRT ท่าพระ และ 1.2 กม. จาก BTS ตลาดพลู
สำหรับแบรนด์ "ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์" เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่อัพเกรดความพรีเมียมเพิ่มขึันจากแบรนด์ "ศุภาลัย เอสเซ้นส์" ได้ความเป็น Luxury Living ที่ตอบโจทย์ได้ครบทั้งการพักอาศัยและทำธุรกิจในที่เดียวกัน ยกระดับการพักอาศัยให้ดีกว่าที่เคยด้วยระบบ Home Automation วัสดุระดับพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รองกับการติดตั้งลิฟต์โดยสาร และทำเลที่ขยับเข้าใกล้ตัวเมืองมากขึ้นกว่าเดิม
- ชื่อโครงการ : ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ (Supalai Grand Essence @Thaphra Interchange)
- เจ้าของโครงการ : บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน)
- ราคาเริ่มต้น : เริ่มต้น 19.9 - 33.39 ล้านบาท
- พื้นที่โครงการ : 2-3-41.0 ไร่
- จำนวนบ้าน : 18 ยูนิต
- ขนาดที่ดิน : ตั้งแต่ 30.00 - 67.60 ตารางวา
- ขนาดพื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 351-516 ตารางเมตร
- สิ่งอำนวยความสะดวก : ลิฟต์ส่วนตัว, Home Automation, กล้อง CCTV, ที่จอดรถ, Easy Pass, EV Charger, ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
- ที่ตั้งโครงการ : แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร 10600 ( Google Map )
- วันที่เยี่ยมชมโครงการ ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2565
โครงการศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บน ถ.รัชดาภิเษก แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า ท่าพระ ซึ่งจัดเป็นทำเลใจกลางเมืองของฝั่งธนบุรี จะเรียกว่าเป็น CBD ของฝั่งธนบุรีเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยตัวทำเลที่อยู่ใกล้เมืองมากๆ จะเดินทางเข้าสู่ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสีลม-สาทรก็ทำได้สะดวกใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
สถานที่สำคัญต่างๆ รอบๆ โครงการ
เรื่องของความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ไม่เป็นสองรองใคร เพราะทำเลโดยรอบโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งรวมอาหารอร่อยๆ มากมายที่รวมกันอยู่ในย่านตลาดพลู ซึ่งอยู่ใกล้โครงการเพียง 700 เมตรเท่านั้น หิวเมื่อไหร่ก็ไปเดินเล่นหาของอร่อยทานได้ทุกวัน นอกจากนี้ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นชุมชนเก่าที่มีความเงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนย่านใจกลางเมือง
แหล่ง Shopping
เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ ห่างจากโครงการประมาณ 2.4 กม.
ไอคอน สยาม ห่างจากโครงการประมาณ 5.1 กม.
ตลาดพลู ห่างจากโครงการประมาณ 700 ม.
มีของอร่อยให้เลือกทานหลากหลายทั้งอาหารคาว
และขนมหวาน ของทานเล่น
โรงพยาบาล
โรงพยาบาลพญาไท 3 ห่างจากโครงการประมาณ 2.1 กม.
โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี ห่างจากโครงการประมาณ 4.5 กม.
โรงพยาบาลศิริราช ห่างจากโครงการประมาณ 6.1 กม.
สถานศึกษา
โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ ห่างจากโครงการประมาณ 3.9 กม.
โรงเรียนซางตาครู้สศึกษา ห่างจากโครงการประมาณ 4.0 กม.
โรงเรียนศึกษานารี ห่างจากโครงการประมาณ 5.0 กม.
บรรยากาศรอบๆ โครงการ
โครงการ ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์...ตั้งอยู่ใกล้กับถนนรัชดาภิเษกซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของฝั่งธนบุรีทำให้การเดินทางสะดวกไม่ต้องเดินเข้าซอย โดยฝั่งด้านหน้าโครงการจะเป็นทิศตะวันออกหันเข้าหาถนนรัชดาภิเษก แนวอาคารพักอาศัยมีระยะร่นห่างจากถนนใหญ่พอสมควรเพื่อช่วยปัองกันเสียงรบกวนจากถนน ส่วนบรรยากาศโดยรอบโครงการอีก 3 ฝั่ง ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์เก่าความสูงประมาณ 4 ชั้น ซึ่งทางโครงการก็ได้ให้ความสำคัญตรงจุดนี้ โดยการติดตั้งรั้วบ้านความสูง 3 เมตร พร้อมเพิ่มระแนงความสูงอีก 3 เมตร รวมเป็น 6 เมตร เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน
ที่พักอาศัยในทำเลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอาคารพาณิชย์เก่า ส่วนโครงการใหม่ที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้เกือบทั้งหมดก็จะเป็นในรูปแบบคอนโดมิเนียม ไม่มีสินค้าในลักษณะ Home Office หรือบ้านแฝดอยู่ในโซนนี้เเลย จึงสามารถพูดได้ว่าโครงการ ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ จึงถือเป็น Rare Item ที่เป็นโครงการ Home Office และบ้านแฝด หนึ่งเดียวในโซนท่าพระก็ว่าได้
ด้านหน้าโครงการฝั่งทิศตะวันออกหันไปทางถนนรัชดาภิเษก
อาคารฝั่งทิศเหนือจะติดกับอาคารพาณิชน์ความสูง 5 ชั้น
อาคารฝั่งทิศใต้จะติดกับสำนักงานเขตบางกอกใหญ่
โครงการ ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกทั้งผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว และผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า เพราะอยู่ใกล้ MRT สายสีน้ำเงิน สถานีท่าพระเพียง 600 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่สามารถเดินได้ ส่วนถนนรัชดาภิเษกก็สามารถเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักสำคัญได้หลายเส้นทาง จะเดินทางเข้าเมืองไปในย่าน CBD อย่างสีลม-สาทร ก็สะดวก ไม่ว่าจะใช้เส้นทาง ถ.จรัญสนิทวงศ์ ถ.เพชรเกษม ถ.พระราม3 หรือ ถ.ราชพฤกษ์-สาทร บวกกับปัจจุบันที่อุโมงค์ทางลอด รัชดา-ราชพฤกษ์ ได้เปิดให้ใช้งานแล้วยิ่งทำให้การจราจรในทำเลนี้คล่องตัวมากขึ้น
การเดินทางด้วยรถยนต์
1. เดินทางเข้า-ออก โครงการโดยใช้ถนนราชพฤกษ์-สาทร
2. เดินทางเข้า-ออก โครงการโดยใช้ถนนจรัญสนิทวงศ์
3. เดินทางเข้า-ออก โครงการโดยใช้ถนนเพชรเกษม
4. เดินทางเข้า-ออก โครงการโดยใช้ถนนพระราม 3
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำ โครงการ ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ ก็ตอบโจทย์ได้ดี เพราะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีท่าพระ โดยใช้ทางออก B2 ระยะเดินห่างจากโครงการประมาณ 600 เมตร โดยเราจะไปสำรวจบรรยากาศเส้นทางการเดินจาก MRT สถานีท่าพระ มายังตัวโครงการกันค่ะ
หากใช้ MRT ท่าพระ ให้ลงทางออก B2
บรรยากาศทางเดินที่เลาะแนวถนนมุ่งหน้าไปทางโครงการ
เดินมาไม่ไกลจะเจอกับป้ายรถโดยสารประจำทาง
เดินตรงมาอีกนิดจะเริ่มเห็นแนวอาคารพาณิชย์ทางด้านขวา
เดินเลยแนวอาคารพาณิชย์มาก็จะเริ่มเห็นตัวอาคารของโครงการ ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์
ด้านหน้าโครงการมีป้ายโครงการมองเห็นได้ชัดเจน
และจากโครงการหากมุ่งหน้ามาทางแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ก็ยังมีรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูอีกด้วย
ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นต์ @ท่าพระ อนิเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการโฮมออฟฟิศและบ้านแฝด สไตล์ Modern Luxury บนเนื้อที่โครงการ 2-3-41 ไร่ ขนาดที่ดิน ตั้งแต่ 30.00 - 67.60 ตารางวา ที่สามารถออกแบบเป็นที่ทำงานและรองรับการพักอาศัยได้ในที่เดียวกัน เน้นการดีไซน์ที่ผสมผสานกันระหว่าง Urban & Nature ได้หน้าต่างกระจกบานใหญ่เปิดรับลมและแสงธรรมชาติ พร้อมกับความเป็นส่วนตัวขั้นสุดจำนวนที่พักอาศัยเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น พร้อมจัดเต็มวัสดุระดับพรีเมียม และนวัตกรรมทันสมัยที่ใส่มาในตัวโครงการ อาทิ
- Home Automation : VDO Doorbell, Digital Door Lock, Smart Control Panel, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดรางม่านจากสมาร์ทโฟน, ประตูรั้วอัตโนมัติ
- EV Charger : ติดตั้งจุดรองรับ EV Charger ไว้ภายในบ้านทุกหลัง
- เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง : พร้อม CCTV 5 จุด รวมถึงกล้องทั้งภายนอกตัวบ้านบริเวณที่จอดรถ 1 ตัว และภายในตัวบ้าน 2 ตัว (ที่ชั้น 1 และชั้นลอย)
- Automatic Electric Control : ควบคุมไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน โดยที่จะแยกแต่ละชั้น แต่ละโซนไว้ให้ ควบคุมได้ทั้งไฟ และแอร์ นอกจากนี้ยังมี Motion sensor ที่ช่วยเปิดไฟเวลาที่เดินผ่าน และปิดไฟ เวลาที่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เป็นการช่วยประหยัดไฟไปในตัว
- ลิฟต์ส่วนตัว : ออกแบบพื้นที่พร้อมระบบไฟฟ้ารองรับการติดตั้งลิฟต์โดยสาร
- Automatic Toilet : ของ Cotto บริเวณชั้น 1 และห้อง Master bedroom ชั้น 4 เท่านั้น
- ที่จอดรถส่วนกลาง : 15 คัน
พื้นที่จอดรถส่วนกลางรองรับการจอดได้สูงสุด 15 คัน
แบบบ้านของโครงการมีทั้งหมด 2 แบบ เป็น Home Office 4.5 ชั้น มีทั้งหมด 14 หลัง และบ้านแฝด 3.5 ชั้น มีทั้งหมด 4 หลัง จุดเด่นของ Home Office 4.5 ชั้นนั้น สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบบ้านได้หลายแบบ จะทำเป็นโฮมออฟฟิศ หรือเป็นที่พักอาศัยก็ได้ ฟังก์ชั่นการใช้งานออกแบบมาให้สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่าง Flexible ซึ่งจะออกมาเป็นแบบไหนนั้น วันนี้มีภาพบ้านตัวอย่างของแบบ Home Office 4.5 ชั้นมาฝากกันค่ะ
Home Type
Home office 4.5 ชั้น : พื้นที่ใช้สอย 351-516 ตรม. 3 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ 2 ห้องทำงาน ที่จอดรถ 2-3 คัน
บ้านแฝด 3.5 ชั้น : พื้นที่ใช้สอย 390-462 ตรม. 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องทำงาน 2 ห้องรับแขก ที่จอดรถ 4 คัน
บ้านตัวอย่าง
แบบบ้านที่เราจะพาไปชมนั้นเป็นบ้านตัวอย่างตกแต่งของแบบ Home Office 4.5 ชั้น ซึ่งตอนนี้โครงการกำลังจัดโปรโมชั่น ติดตั้งแอร์ให้ฟรี 9 ตัว โดยจะเป็นแอร์แบบฝังฝ้า 3 ตัว ที่ชั้น 1 (2 ตัว) และชั้นลอย 1 ตัว นอกนั้นจะเป็นแอร์ผนังปกติห้องละ 1 ตัว ในแต่ละชั้นจัดแบ่งพื้นที่การใช้งานแต่ละห้องแยกกันอย่างชัดเจน
พื้นที่จอดรถสามารถจอดรถได้ 2-3 คัน
ตัวบ้านจะยกสเต็ปสูงขึ้นมา สามารถกันฝุ่นเข้าตัวบ้านได้ ประตูบ้านเป็นบานสไลด์ 4 บานใหญ่ๆ แบบนี้เลยค่ะ กระจกเขียวตัดแสงอนุรักษ์พลังงาน ขอบอลูมิเนียม ประตูหน้าต่างทั้งหมดเป็นของแบรนด์ Tostem ช่วยป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก และป้องกันเสียงรบกวนเข้าสู่ตัวบ้าน
ด้านหน้าบ้านมีจุดรองรับการติดตั้ง EV Charger ให้ด้วยค่ะ เป็นไฟ 3 เฟส ที่เพียงพอต่อการติดตั้ง EV Charger พร้อมทั้งติดตั้ง CCTV ด้านหน้าบ้าน 1 ตัวมาให้ด้วย
จากแปลนบ้านด้านบน จะเห็นว่าเข้ามาแล้วจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งถ้าหากใครออกแบบให้เป็นโฮมออฟฟิศก็สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นส่วน Reception ได้ค่ะ
สำหรับชั้นหนึ่งวัสดุปูพื้นเป็นพื้นกระเบื้องพอร์ซเลน แผ่นใหญ่ลายแบบนี้เลยค่ะ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นด้านหน้าเป็นแบบ Double Volume มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 4.9 เมตร
ทำให้พื้นที่ห้องนั่งเล่นตรงนี้โปร่งโล่ง สามารถออกแบบได้อย่างหลากหลาย
เข้ามาโซนด้านใน จะเป็นห้องนั่งเล่นอีกโซนหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าจะอยู่ที่ 2.15 เมตร
ด้านหลังจะเป็นพื้นที่ห้องครัว (บริเวณเคาน์เตอร์สีดำ) มีห้องน้ำในตัว และมีห้องเก็บของใต้บันไดให้ ปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้ดัดแปลงเป็นสำนักงานขาย โดยบ้านมาตรฐานนั้นจะได้ประตูบานเลื่อนกั้นไว้ตั้งแต่ส่วนที่เป็นเคาน์เตอร์เป็นต้นไป
ตำแหน่งห้องน้ำ Powder Room ได้ชุดสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ Cotto และห้องเก็บของใต้บันได
ลานซักล้างด้านหลังบ้าน ทางโครงการก่อกำแพงสูง 3 เมตร พร้อมติดตั้งแนวระแนงสีขาวเพิ่มให้อีก 3 เมตร รวมเป็นความสูงทั้งหมด 6 เมตร เพื่อบังสายตาจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด
พื้นที่ข้างบันไดตรงนี้ที่ทำเป็นช่องสี่เหลี่ยมโรยหินกรวดแบบนี้คือ พื้นที่สำรองติดตั้งลิฟต์ สำหรับใครที่อยากติดตั้งลิฟต์ไว้ในอนาคต พร้อมกำลังไฟแบบ 30/100 ซึ่งเป็นกำลังไฟที่มากกว่าบ้านปกติทั่วไป ทำให้เพียงพอต่อการติดตั้งลิฟต์
ขึ้นไปดูชั้นบนกันต่อเลยค่ะ พอมาส่วนบันไดก็จะเริ่มสัมผัสได้ถึงไม้จริง บันไดนี้ทำมาจากไม้สัก ทำสีสำเร็จทั้งลูกตั้งและลูกนอน มีความกว้าง 1.5 เมตร
ชั้นนี้จะเป็นชั้นลอย พื้นของชั้นนี้จะเป็นไม้สักแบบเดียวกับบันได ได้ระเบียงและราวกันตกวัสดุเป็นกระจกแบบในภาพเลยค่ะ
โครงการตกแต่งไว้เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน
ซึ่งบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่โล่ง บริเวณชั้นลอยมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.2 เมตร
ขึ้นไปดูชั้นสองกันต่อเลยค่ะ บันไดก็ยังคงเป็นบันไดไม้สัก ซึ่งได้แบบนี้ทุกชั้นเลยค่ะ
สำหรับชั้น 2 ขึ้นไป จะเริ่มมีการแบ่งห้องเป็นชั้นละ 2 ห้อง คือโซนหน้าบ้าน และหลังบ้าน โดยห้องโซนด้านหน้าบ้านจะมีขนาดพื้นที่ใหญ่และกว้างกว่าห้องโซนหลังบ้าน เรามาดูที่ห้องโซนหลังบ้านกันก่อนค่ะ ที่เห็นในภาพได้กั้นห้องด้วยกระจก แต่บ้านมาตรฐานจะได้เป็นผนังทึบฉาบเรียบทาสีปกติ
เข้ามาด้านในชั้นนี้ตกแต่งไว้เป็นเหมือนห้องประชุม ชั้นนี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร
ห้องนี้ก็ออกแบบเป็นห้องทำงาน แต่เราก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องพักอาศัยก็ได้เช่นกัน ถ้าหากสมาชิกครอบครัวท่านไหนมีสมาชิกกันหลายคน
จุดเด่นของแบบบ้านเลยก็คือมีห้องน้ำในตัวให้ทุกห้อง ห้องน้ำชั้น 2 จะมีพื้นที่กั้นห้องอาบน้ำ และพื้นที่โถสุขภัณฑ์ให้แบบนี้เลยค่ะ กั้นด้วยกระจก Tempered บานเปิด พื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อน โถสุขภัณฑ์แบรนด์ Cotto
อีกด้านหนึ่ง ห้องโซนหน้าบ้านผนังบ้านมาตรฐานเป็นผนังทึบฉาบเรียบทาสีปกติเช่นกัน
ห้องทางโซนหน้าบ้านจะมีพื้นที่กว้างขวางกว่า ความพิเศษของห้องชั้น 2 โซนหน้าบ้าน คือเป็นเพียงห้องเดียวที่มีระเบียง พื้นที่ระเบียงกว้างสามารถเดินออกไปรับลมด้านนอกหรือใช้งานได้จริงอีกด้วยค่ะ
ห้องนี้สามารถทำพื้นที่ Pantry เล็กๆ สำหรับกินขนม ทำชา กาแฟในยามว่างได้ด้วยค่ะ
แน่นอนว่าห้องนี้ก็มีห้องน้ำในตัวให้เช่นกัน
หน้าตาห้องน้ำเหมือนกับห้องเมื่อสักครู่ ห้องน้ำค่อนข้างสว่าง ได้ไฟติดเพดาน 2 ดวง
บ้านตัวอย่างได้ออกแบบให้เป็นเหมือนออฟฟิศนั่งทำงาน
และยังมีพื้นที่ทำเป็นห้องประชุมขนาด 6-8 ที่นั่งได้ด้วย
พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างสามารถกั้นเป็นห้องประชุมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้เลย
ภาพนี้เป็นห้องฝั่งหลังบ้านของชั้น 3 ค่ะ โครงการตกแต่งไว้เป็นกึ่งๆ ห้องทำงาน
สามารถทำให้เป็นห้องสตูดิโอได้
ซึ่งห้องนี้ก็จะมีห้องน้ำในตัวให้เช่นกัน
มาดูห้องฝั่งหน้าบ้านของชั้น 3 กันต่อค่ะ
ห้องนี้ออกแบบเป็นห้องพักอาศัยรูปแบบห้องเพนท์เฮ้าส์ มีพื้นที่กว้างขวางที่ให้อารมณ์เหมือนยกห้องเพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่ของคอนโดมาไว้ที่นี่เลยทีเดียวค่ะ
สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้ตอบโจทย์ได้หลากหลายฟังก์ชั่น จะทำเป็นมุมนั่งเล่นเหมือนกับบ้านตัวอย่างก็ได้ค่ะ
มีพื้นที่สำหรับ Walk in Closet
และมีห้องน้ำในตัวเช่นกัน
วางเตียง King Size ได้สบาย
ข้างเตียงเหลือพื้นที่อีกค่อนข้างเยอะ จะวางเป็นโต๊ะข้างเตียงเก๋ๆ สำหรับเก็บของก็ยังได้
จากมุมนี้จะมองเห็นตำแหน่ง Walk in Closet บริเวณปลายเตียง
ห้องนี้ยังคงได้หน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่ง
มุมมองจากบันไดชั้น 3 มองไปด้านล่างบิดเป็นเกลียวสวยงาม
ขึ้นไปดูชั้น 4 กันเลยค่ะ ตรงโถงบันไดทางโครงการติดตั้งโคมไฟติดผนังโทนสีดำแบบนี้มาให้ 1 ดวง ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกชั้นค่ะ
สำหรับชั้นนี้จะไม่ได้ตกแต่งใดๆ เป็นเหมือนบ้านมาตรฐานที่ถ้าเราซื้อก็จะได้แบบนี้เลยค่ะ ประตูที่ได้เป็นประตูสำเร็จรูปสีขาวเซาะร่อง พร้อมมือจับก้านโยกแบบนี้ เรามาดูห้องฝั่งหลังบ้านกันก่อนค่ะ
บ้านมาตรฐานที่ได้ก็จะเป็นแบบนี้เลย แอร์ที่ได้ก็ได้แอร์ปกติแบบนี้ มีห้องน้ำในตัวแบบนี้ ซึ่งจะคล้ายๆ กับชั้นอื่นๆ ค่ะ ปกติจะได้ผนังฉาบเรียบทาสี แต่ช่วงนี้มีจัดโปรโมชั่นชั้น 4 แถมวอลเปเปอร์ด้วยค่ะ
ความสูงจากพื้นถึงฝ้าตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นมาก็จะเท่ากันหมดที่ 2.4 เมตร
ห้องน้ำของชั้น 4 จะมีความพิเศษตรงชุดสุขภัณฑ์อัตโนมัติ ซึ่งจะได้ทั้งห้องด้านหน้าและด้านหลัง
บ้านมาตรฐานที่ได้ก็จะเป็นห้องกว้างขวางแบบนี้เลยค่ะ ซึ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นวอลเปเปอร์ และติดตั้งแอร์ให้ในจุดตามภาพเลย
มีห้องสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์แยก ซึ่งสามารถวางต้นไม้เล็กๆ ประดับตกแต่งได้
หน้าต่างได้บานใหญ่ๆ แบบนี้เลย
ห้องน้ำระบบอัตโนมัติพิเศษสำหรับชั้น 4
สุขภัณฑ์ก็เป็นแบบอัตโนมัติค่ะ
ฝักบัวทรงกลมของ Cotto
อันนี้เป็นสวิตช์ไฟมาตรฐานที่โครงการให้มา ใช้ของ Schneider
เต้าเสียบ 3 รู ใช้ของ Schneider
สวิตช์หลายฟังก์ชั่นใช้ Schneider เช่นกัน
ตัวนี้เป็น Motion Sensor ติดตั้งบริเวณโถงทางเดินบันได เป็นฟังก์ชันมาตรฐานให้กับบ้านทุกหลัง ช่วยควบคุมการเปิดปิดไฟบริเวณโถงทางเดินเวลาที่เดินผ่าน และปิดไฟและเวลาที่ไม่มีใครใช้งาน เพื่อช่วยในการประหยัดไฟ
ขึ้นมาดูที่ชั้นดาดฟ้ากันต่อเลยค่ะ
ชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่เปิดโล่ง สามารถรับลมได้เย็นสบาย เป็นพื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้ หรือนั่งเล่นรับลมได้ เนื่องจากโซนนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก็จะทำให้ช่วงเย็นโซนนี้ก็จะค่อนข้างร่ม
พื้นปูด้วยกระเบื้องวัสดุเหมือนโซนพื้นที่จอดรถ และมีการปูหญ้าเทียมทับด้านบนอีกหนึ่งชั้น เป็นการช่วยซับความร้อนทำให้พื้นที่บนดาดฟ้าไม่ร้อนจนเกินไป
ราคาเริ่มต้น
- โฮมออฟฟิศ ขนาด 30.00 ตร.ว. เริ่มต้น 19.90 ล้านบาท
- บ้านแฝด ขนาด 47.8 ตร.ว. เริ่มต้น 26.55 ล้านบาท
- ค่าส่วนกลาง 50-70 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดิน)
โปรโมชั่น
- บัตรกำนัลทอง มูลค่า 500,000 บาท
- ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ + ค่าจดจำนอง
- ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี
- ฟรีค่าประกันมิเตอร์ประปา
- ฟรีค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า
หากพูดถึงความคุ้มค่า ก็ต้องบอกว่าโครงการ "ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์" จัดมาว่ามีความคุ้มค่าและน่าสนใจมากๆ อีกโครงการหนึ่ง ทั้งในด้านราคาที่เริ่มต้นเพียง 56,000 บาท/ตร.ม. แต่ได้ที่ดินและพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า เมื่อเทียบกับราคาคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ที่เฉลี่ยต่อ ตร.ม. จะอยู่ที่ประมาณ 70,000 - 100,000 บาท/ตร.ม. นอกจากนี้ที่ดินในทำเลนี้ยังมีมูลค่าในตัวเองเพราะอยู่ติดถนนใหญ่และการหาที่ดินที่จะสร้างโครงการแนวราบลักษณะแบบนี้ก็คงหาได้ไม่ง่ายนัก ในอนาคตหากอยากปล่อยเช่า เรทค่าเช่าอาคารพาณิชย์หรือโกดังในย่านนี้ปล่อยเช่าได้ราคาดีสูงถึงประมาณ 90,000 - 130,000 บาท/เดือน เลยทีเดียว
โครงการ "ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ @ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์" เปิดขายรอบ Pre-Sale อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 5-6 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดให้ลูกบ้านเริ่มเข้าอยู่ได้ในเดือน มิถุนายน 2566 โดยส่วนที่จะเสร็จก่อนคือส่วนของบ้านแฝด ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้าชมโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1720 เว็บไซต์
https://www.supalai.com/