เพราะสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนลูก เหมือนเพื่อน เหมือนญาติสนิทของเรา ก่อนจะรับสัตว์มาเลี้ยงหลายๆ บ้านก็จะมีการเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสม หาข้อมูลทั้งเรื่องการรับประทาน โรคประจำตัวในแต่ละสายพันธุ์ การนอน เป็นต้น ซึ่งวัสดุปูพื้นบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะสุนัขและแมวที่มีน้ำหนักตัวเยอะๆ โดยปกติแล้วพื้นบ้าน 80-90% ที่ชั้นล่างจะเป็นแกรนิตโตหรือกระเบื้องเคลือบ เมื่อสัตว์เลี้ยงของเราเดินก็จะเกิดการลื่น จึงต้องใช้กล้ามเนื้อในการบังคับและพยุงตัวอย่างหนัก เมื่อนานๆ เข้าก็มักจะเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม กล้ามเนื้ออักเสบได้ ดังนั้นวัสดุปูพื้นจึงจำเป็นต้องเป็นวัสดุที่ไม่ลื่นเพื่อรักษาสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเราให้อยู่กับเราไปได้นานๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ
1. พื้นลามิเนต
ไม้พื้นลามิเนต UNIX 8mm MD3078 Teak Schiff ราคา 611 บาท/กล่อง จาก
scghome พื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนไม้จริง กรรมวิธีเกิดจากการบีบอัดไม้ด้วยความแรงสูงและเคลือบด้วยฟิล์ม ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี เหมาะสำหรับการปูพื้นบ้านที่มีน้องหมาน้องแมวอยู่ด้วยเพราะไม่ลื่น โดยพื้นลามิเนตที่นิยมขายจะมีอยู่ 2 ขนาดคือความหนา 8 มิลลิเมตร และ 12 มิลลิเมตร
หากเป็นพื้นที่เรียบได้ระดับดีอยู่แล้ว 8 มิลลิเมตรก็เพียงพอ แต่ถ้าหากเป็น 12 มิลลิเมตร ก็จะเหมาะกับพื้นที่เรียบแต่ยังไม่ได้ระดับแบบเนียนกริบ ความหนาที่เพิ่มขึ้นนี้ก็จะลดความยวบยาบเวลาเหยียบพื้นได้
ข้อดี - ทนต่อรอยขีดข่วน ไม่สะสมเชื้อโรค ข้อเสีย- ไม่ทนต่อความชื้น
2. พื้นไม้จริง
ปาร์เก้พื้นไม้สัก 8x200 cm. ราคา 3,200/มัด จาก
ช.ชิตะวาค้าไม้ พื้นไม้จริงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในสไตล์ธรรมชาติ หากเป็นพื้นไม้จริงๆ ไม่ได้เคลือบหนาก็จะไม่ลื่นเหมาะกับสัตว์เลี้ยง แต่ควรเป็นไม้เนื้อแข็ง อาทิ ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้สักก็จะทำให้พื้นทนทานอยู่กับเราไปนานๆ ข้อควรระวังสำหรับสัตว์เลี้ยงคือควรขัดจนเรียบไม่ให้มีเสี้ยน และการวางเรียงต้องให้เท่ากัน ไม่ชั้นนั้นอาจจะสะดุดได้
ข้อดี - มาจากธรรมชาติ ปลอดภัย ข้อเสีย - เป็นรอยง่าย
3. พื้นไวนิลหรือกระเบื้องยาง
LAMETT สี Miami Beach หนา 5.55 มม. ขนาด 178x1235 มม. ชั้นกันสึกหรอหนาพิเศษ 0.55 มม. ราคา 649 บาท/ตร.ม. (1,421.31 บาท/กล่อง) จาก
nocnoc กระเบื้องยาง ไวนิล หรือ ไวนิล SPC คือชื่อเรียกของพื้นชนิดนี้ วัสดุทำมาจากยางจึงทำให้ทนต่อความชื้น เวลาน้องๆ ขับถ่ายหรือรับประทานอาหารเลอะเทอะก็ไม่เป็นปัญหา ทำความสะอาดง่าย อีกทั้งกระเบื้องยางนี้ยังมีแรงเสียดทานสูง มีความหนืด ทำให้สัตว์เลี้ยงยึดเกาะได้ดีเวลาเดินหรือวิ่ง เรียกได้ว่าพื้นที่เหมือนเกิดมาเพื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราเลยค่ะ
ข้อดี - กันน้ำ ทนความชื้น ข้อเสีย - อายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี
4. กระเบื้องชนิดผิวหยาบหรือด้าน
กระเบื้อง GP 20x120 เชอร์ริชน้ำตาล (HYG) R10 ตัดขอบ PM ราคา 959/กล่อง จาก
Cotto ตามบ้านทั่วๆ ไปมักจะปูพื้นบ้านด้วยกระเบื้องเพราะแข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย และยังเงาดูสวยงามอีกด้วย แต่สิ่งที่ตามมาก็คือพื้นกระเบื้องนั้นจะมีความลื่นเมื่อโดนน้ำหรือความมัน แต่สำหรับสัตว์เลี้ยงของเรานั้นไม่ต้องมีน้ำหรือน้ำมันก็ลื่นแล้ว เพราะอุ้งเท้าและเล็บของน้องๆ ไม่เหมือนกับเรา ถ้าหากชอบความทนทานของกระเบื้องจริงๆ แนะนำกระเบื้องที่มี Texture เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานก็จะช่วยลดปัญหาสุขภาพและอุบัติเหตุสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ ชนิดที่แนะนำก็คือ
- กระเบื้องผิว Semi-Polish
- กระเบื้องผิว SATIN
- กระเบื้อง R 9 หรือ R 10 (ตัวเลขคือค่าที่ทนทานต่อความลื่นซึ่งระดับ 6-19 องศา)
- กระเบื้องผิว NATURAL
- กระเบื้องผิว Matt เป็นต้น
ข้อดี - แข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน เย็นสบาย ข้อเสีย - ราคาสูงเมื่อเทียบกับวัสดุปูพื้นอื่นๆ
5. พรม
พรมขนห่วงรุ่น Comfort ความหนารวม 10mm ขนาด 40x40 cm จาก
Fabric Floor Easy Carpet พรมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์ในบ้าน แต่อาจจะต้องเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการฝึกเรื่องการขับถ่ายมาเป็นอย่างดี เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าพรมอุ้มน้ำ กักฝุ่น ทำความสะอาดค่อนข้างยาก และถ้าหากเป็นขนแบบพิเศษ และผืนใหญ่ๆ จำเป็นที่จะต้องใช้บริการผู้เชี่ยวชาญมาทำความสะอาดให้ด้วยค่ะ แต่ในปัจจุบันจะมีพรมสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษ ที่จะมีเทคโนโลป้องกันกลิ่น ทำความสะอาดง่ายขึ้น แต่ราคาก็จะสูงกว่าพรมแบบปกติด้วยเช่นกัน
ข้อดี - ลดเสียงดัง ผิวสัมผัสนุ่มสัตว์เลี้ยงชอบ ข้อเสีย - สกปรกง่าย กักฝุ่น ต้องหมั่นทำความสะอาด
ปัจจุบันการปูพื้นใหม่ทำได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุที่เป็นกระเบื้องยาง หรือวัสดุปูพื้นที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ๆ สามารถปูทับลงกับพื้นเก่าไปได้เลย อีกทั้งยังมีหลายสีหลายแบบให้เลือก ทนต่อการขีดข่วน เพื่อแลกสุขภาพของน้องหมาน้องแมวของเรา เปลี่ยนเลยทีเดียว 1 ครั้ง ใช้ได้ไปยาวๆ เลยค่ะ