การเลือกแบบบ้านถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะจะต้องนำไปเพื่อใช้ขออนุญาตในการปลูกสร้างอาคารตามกฎหมาย และยังต้องนำมาใช้ในการก่อสร้างจริงอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจมีคำถามว่า "แล้วจะหาแบบบ้านได้จากที่ไหนบ้าง?" วันนี้เราหาคำตอบมาให้แล้วค่ะ ตามไปชมกันเลย
1. จ้างทีมงานออกแบบมืออาชีพ
วิธีแรกคือการเลือกใช้ทีมงานมืออาชีพ หรือการหา "สถาปนิก" นั้นเอง เพื่อที่จะเข้ามาช่วยสรุปความต้องการจากเรา และนำไปเป็นโจทย์ในการออกแบบ หลังจากพูดคุยและปรับเปลี่ยนแก้ไขแบบบ้านจนถูกใจแล้ว สถาปนิกจะร่วมกันกับทีมวิศวกรโครงสร้าง วิศวกรสุขาภิบาล และวิศวกรไฟฟ้า นำไปเขียนเป็นแบบก่อสร้างขึ้นมา ซึ่งเราสามารถนำแบบที่ได้มานี้ไปยื่นขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร และนำไปใช้ประมูลราคาเพื่อหาผู้รับเหมาต่อไป ซึ่งขั้นตอนในการออกแบบบ้านี้ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูง และใช้เวลาปรับแก้แบบนานหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าของบ้านจะได้แบบบ้านที่ถูกอกถูกใจอย่างแน่นอน และข้อดีของการจ้างสถาปนิกให้ออกแบบให้คือ เราจะได้บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครอีกด้วย
2. บริษัทรับสร้างบ้าน
บริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่จะมีทั้งทีมออกแบบและทีมก่อสร้างอยู่ด้วยกัน พูดง่ายๆ ว่าเป็น "ผู้รับเหมาที่รับออกแบบบ้านด้วย" ส่วนใหญ่ก็จะมีแบบบ้านสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้เราเลือกอยู่แล้ว แต่ถ้าแบบบ้านที่ทางบริษัทมียังไม่ถูกใจก็สามารถปรับเปลี่ยน แก้ไขเพิ่มเติม หรือให้ทางบริษัทออกแบบใหม่ทั้งหมดเลยก็ได้ แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งกรณีนี้ควรจะคุยรายละเอียด คอนเซ็ปต์ งบประมาณ และระยะเวลาให้ชัดเจน
เทคนิคที่จะช่วยให้การประมูลราคาถูกและดี อาทิ
1. ค่าออกแบบและค่าก่อสร้างออกจากกัน : โดยทั่วไปบริษัทรับสร้างบ้านมักจะรวมค่าออกแบบและค่าก่อสร้างไว้ในก้อนเดียวกัน ควรเจรจาให้แยกค่าใช้จ่ายทั้งสองส่วนนี้ออกจากกัน เพื่อที่เราจะได้สามารถแยกพิจารณาหรือต่อรองราคาในแต่ละส่วนได้ชัดเจนง่ายขึ้น
2. ซื้อวัสดุเอง : หากสามารถเจรจาขอแยกซื้อวัสดุก่อสร้างบางส่วนเองได้ นอกจากจะทำให้ได้ของที่ถูกใจแล้ว ยังสามารถเลือกราคาที่เราพอใจได้อีกด้วย บางทีอาจจะได้ของดีในราคาที่ถูกกว่าที่ทางบริษัทจัดซื้อให้ ซึ่งส่วนนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย
3. ขอส่วนลดค่าออกแบบคืน : ถ้าบริษัทรับสร้างบ้านที่ออกแบบบ้านให้เราได้เป็นผู้ก่อสร้าง อาจพูดคุยเพื่อขอส่วนลดค่าออกแบบคืนได้ในภายหลัง
3. แบบบ้านสำเร็จรูป
ปัจจุบันการหาแบบบ้านสวยๆ สามารถทำได้ง่ายมาก และมีหลากหลายช่องทาง ไม่จะเป็นการเสิร์ชหาข้อมูลจากเว็บไซต์ เช่น แบบบ้านฟรีจากสำนักงานกรมโยธา กทม., แบบบ้านฟรีจาก ธอส. ฯลฯ หรืออาจดูได้จากหนังสือรวมแบบบ้าน ดูจากโบชัวร์ที่แจกตามโครงการบ้านจัดสรร แต่ถ้าหากอยากได้แบบบ้านที่มีรายละเอียดมากขึ้นมาหน่อย ก็สามารถขอได้จากสำนักงานเขต หรือ อบต. ก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารูปแบบการจัดวางห้อง ขนาดพื้นที่ แม้กระทั้งตัวบ้านเอง อาจจะไม่เข้ากับที่ดินที่เรามีซะทีเดียว จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ลงตัวกับที่ดินของเรามากที่สุด และแบบบ้านสำเร็จรูปเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่แนวทางคร่าวๆ เท่านั้น เพราะยังไงก็ต้องไปจ้างทีมออกแบบให้เขียนแบบโดยละเอียดเพื่อใช้ในการขออนุญาต และใช้ในงานก่อสร้างจริงอยู่ดี
แบบบ้านที่ดีนอกจากความสวยงามแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความเหมาะสมและความลงตัวกับสภาพแวดล้อมของเรา ทั้งตำแหน่งที่ดิน รวมไปถึงทิศทางแดด ลม และฝน จึงจะถือได้ว่าเป็นแบบบ้านที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นควรให้เวลาในการหาแบบบ้าน หรือในการการออกแบบ รวมไปถึงขั้นตอนปรับแก้จนกว่าจะได้แบบบ้านที่ถูกใจไม่ควรรีบร้อน เพราะบางที่บ้านหลังนี้อาจจะเป็นบ้านหลังแรก และเป็นบ้านหลังเดียวที่จะต้องอยู่คู่กับเราไปอีกนาน
ข้อมูลจาก : หนังสือ HOME GUIDE BOOK 8 ขั้นตอนสร้างบ้านในฝัน