วันนี้เราจะมาชวนพูดคุยกันเรื่อง จะเลือกซื้อ "บ้าน" หรือ "รถ" ก่อนกันดี ? ในฉบับมนุษย์เงินเดือนหรือ First Jobber ที่ไม่ไ่ด้มีทรัพย์สินติดตัวมากมายพอที่จะซื้อทรัพย์สินมูลค่าหลายแสน หรือหลายล้านได้ในเวลาเดียวกัน (แต่ถ้าใครมีความพร้อมทั้งสองอยู่แล้วก็ถือว่าดีไปค่ะ) เพราะฉะนั้นเราต้องมีหลักในการคิด และพิจารณาก่อนการเลือกซื้อของทั้งสองอย่างนี้ ว่าจะตัดสินใจเลือกอะไรก่อนดี ในระหว่างที่เรากำลังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่นี้
เช็คความพร้อมก่อนจะตัดสินใจ ซื้อบ้าน หรือ ซื้อรถ ?
สำหรับมนุษย์เงินเดือน หรือ First Jobber ที่ไม่ได้มีรายได้มากมายก่ายกอง และไม่ได้มีทรัพย์สมบัติเพียงพอที่จะซื้อสินทรัพย์ทั้งสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องมานั่งคิดและพิจารณากันก่อนค่ะว่า เรามีความจำเป็นในการซื้ออะไรก่อน มากกว่ากัน เพราะเราไม่สามารถฟันได้ทันทีว่า อายุเท่านี้ควรจะซื้ออะไรก่อนดี เพราะแต่ละคนก็จะมีความพร้อมที่แตกต่างกันไป เราจะมาดูกันค่ะว่า ตอนนี้เราควรจะเป็น ทีมซื้อบ้าน หรือ ทีมซื้อรถ ก่อนกันแน่ ?
คนที่เหมาะกับการซื้อบ้านก่อน
ในวัยเริ่มทำงาน หรือทำงานไปได้ซักพัก หลายคนก็เริ่มวางแผนอนาคตว่าอยากจะสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง ด้วยการย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ หรือย้ายออกจากอพาร์ตเม้นท์ แล้วอยากมีบ้านเป็นของตัวเองบ้าง ก็อาจจะหันมามองว่าการซื้อบ้านก่อนนั้นตอบโจทย์มากกว่า เพราะเราสามารถซื้อทิ้งไว้ ผ่อนทิ้งไว้ ในระหว่างที่ก่อร่างสร้างครอบครัวใหม่ เมื่อวันนึงพร้อม เราก็คงผ่อนบ้านไปได้ระยะหนึ่งแล้ว อาจจะเหลือหนี้ไม่มาก ทำให้ไม่ต้องรับภาระหนักเกินไปในวันที่มีครอบครัวแล้ว
ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่มีรถสาธารณะค่อนข้างครอบคลุม และไม่มีปัญหาใดๆ ในการใช้รถสาธารณะเหล่านี้ ก็อาจจะหันมาซื้อบ้านก่อน เพราะสามารถเดินทางได้ด้วยรถโดยสาร หรือรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั้งในเมือง และออกนอกเมืองได้แล้ว หรือแม้กระทั่งจะเดินทางไปต่างจังหวัด ก็สามารถใช้รถสาธารณะได้
สำหรับผู้ที่ได้อยากได้บ้านก่อน ต้องมั่นใจว่าตัวเองนั้นมีเงินเก็บเพียงพอที่สามารถจะไปดำเนินการเรื่องการยื่นกู้เพื่อซื้อบ้านได้ เพราะค่าใช้จ่ายนั้นก็ถือว่าเยอะพอสมควร ทั้งค่าจอง ค่าทำสัญญา เงินดาวน์ และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะมีตั้งแต่เริ่มจองบ้านไปจนถึงวันที่เข้าอยู่ และถึงแม้เข้าอยู่แล้วก็ยังมีค่าตกแต่ง และค่าบำรุงรักษาอีกมากมาย ที่จะเกิดขึ้นนับจากซื้อบ้าน ซึ่งจะใช้เงินก้อนมากกว่าการซื้อรถหลายเท่าตัว
นอกจากเงินก้อนที่ต้องใช้ในการทำสัญญาต่างๆ แล้ว ในช่วงเวลาที่เราผ่อนบ้าน ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพื่อผ่อนบ้านอีก นอกจากจะเป็นเงินขั้นต่ำในการผ่อนแล้ว เราจำเป็นต้องจ่ายเกินขั้นต่ำ หรือมีเงินสำหรับโปะ เพื่อที่จะได้ร่นระยะเวลาการเป็นหนี้ให้สั้นลงด้วยค่ะ
คนที่เหมาะกับการซื้อรถก่อน
First Jobber บางคนก็ยังไม่ได้คิดเรื่องวางแผนอนาคต ที่จะสร้างครอบครัวกับใคร หรือไม่ได้อยากจะมีครอบครัว และต้องการอาศัยอยู่กับพ่อแม่ การซื้อบ้านก็คงไม่จำเป็น แต่ถ้าวันนึงเกิดอยากจะสร้างครอบครัว หรืออยากจะมีบ้านใหม่ให้พ่อแม่ แล้วอยากซื้อบ้านใหม่ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะการซื้อรถ จะทำให้การกู้ซื้อบ้านนั้นง่ายขึ้นตามไปด้วยค่ะ
เป็นคนที่พื้นเพที่อยู่อาศัยนั้นค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง หรือไกลจากที่ทำงาน ทำให้ต้องเดินทางเป็นระยะทางที่ไกล และต่อรถหลายรอบ ก็อาจจะมีความจำเป็นในการซื้อรถมากกว่า เพราะจะได้ไม่เสียเวลาไปกับท้องถนนมากเกินไป
เงินก้อนสำหรับดาวน์รถนั้น ไม่เยอะเท่าบ้าน และสามารถเตรียมเงินเก็บสำหรับจอง หรือดาวน์รถ ได้โดยใช้ระยะเวลาที่ไม่มาก อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ใช้รถ ก็ยังมีค่าบำรุงรักษา ค่าจิปาถะ ยิบย่อยที่ไม่ต่างจากบ้านเหมือนกันค่ะ ซึ่งก็ต้องเตรียมส่วนนี้ไว้ด้วยเช่นกัน
การผ่อนรถนั้นใช้ระยะเวลาสั้นกว่าบ้านอยู่หลายปีทีเดียวค่ะ ซึ่งสูงสุดจะผ่อนได้นานถึง 7 ปี ก็ยังถือว่าเร็วกว่าบ้านค่ะ เพราะบ้านนั้นถ้าไม่ได้มีเงินก้อนคอยโปะ หรือจ่ายเกินขั้นต่ำ อย่างน้อยก็อาจจะใช้เวลาถึง 10 ปีขึ้นไปในการผ่อนบ้านจนเสร็จเลยทีเดียวค่ะ แต่ถ้าเราไม่อยากเป็นหนี้นาน ก็เลือกผ่อนรถให้เสร็จภายในไม่กี่ปี เพื่อที่จะทำเรื่องกู้ซื้อบ้านต่อได้เร็วขึ้นได้ด้วยค่ะ
หลายคนมองข้ามเรื่องที่จอดรถ เพราะคิดว่าเมื่อมีรถแล้วก็ค่อยคิดว่าจะเอารถไปจอดที่ไหนก็ได้ แต่ในความเป็นจริง เราควรมีที่จอดรถก่อนที่จะซื้อรถค่ะ เพราะการจอดรถไม่เป็นระเบียบ เป็นอีกปัญหาหลักของบ้านเรา และคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำ เราก็ทำมั่ง พอทำกันเยอะก็กลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งๆที่ไม่ถูกต้อง หลายคนได้รับความเดือดร้อนจากการจอดรถไม่เป็นระเบียบ ไม่จอดในที่ของตัวเอง ไปจอดหน้าบ้านคนอื่นบ้าง จอดในที่ห้ามจอดบ้าง สุดท้ายก็มีปากเสียงกัน เป็นปัญหากับสังคมนั่นเองค่ะ
จะเห็นว่า หลักๆ แล้วในการซื้อบ้านนั้น จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และเยอะกว่าการซื้อรถ นับตั้งแต่วันที่เราเริ่มจอง ไปจนถึงได้ครอบครอง และเข้าอยู่ ล้วนแล้วแต่ใช้เงินมากกว่าทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าการซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ จะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็ต้องดูตลาดวงการอสังหาฯ ให้ดี ถึงจะขายได้เพื่อให้ได้กำไร หรืออย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการซื้อบ้านจะใช้เงินเยอะกว่า แต่ถ้าดูจากเช็คลิสต์ด้านบนแล้ว เราพร้อมที่จะซื้อบ้านมากกว่า ก็ซื้อบ้านก่อนเลยค่ะ แต่ถ้าเช็คแล้ว ไม่พร้อมทั้งซื้อบ้าน และซื้อรถ ก็ยังไม่ต้องซื้ออะไรทั้งนั้น การไม่สร้างหนี้ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ น่าจะดีกว่าค่ะ ขอให้ทุกท่านโชคดีค่ะ