สภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ยังคงต่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่คนเราก็ยังต้องใช้ชีวิตกันนะคะ รวมไปถึงคนที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองตอนนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ไม่น้อย ซึ่งทางภาครัฐได้ลงมาดูแลในส่วนนี้และได้มีการออก "มาตรการด้านภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19" นี้ขึ้นมา โดยให้ประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านใหม่ ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทไว้ด้วย เดี๋ยวเรามาดูกันค่ะว่า มาตรการนี้เป็นอย่างไร และช่วยเหลือ ผู้ที่อยากมีบ้านอย่างไรบ้าง ? (
อ่าน เปิดมาตรการด้านภาษี และค่าธรรมเนียมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในปี 2564)
มาตรการนี้ ช่วยเหลือด้านภาษี ในเรื่องอะไรบ้าง ?
สำหรับสาระสำคัญของมาตรการนี้ ถ้าจะสรุปง่ายๆ เลยก็คือ เป็นมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือเรื่องภาษี เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ นั่นเองค่ะ ซึ่งจะเป็นในเรื่องของการลดภาษีที่ดิน การลดค่าธรรมเนียมการโอน+จดจำนอง และการขยายระยะเวลาการยื่นภาษีประจำปี แต่สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึง "การลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ" ของผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านเป็นหลักค่ะ ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ของมาตรการนี้ไม่ใช่ทุกคนที่กำลังจะซื้อบ้านแล้วจะได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการนี้ เรามาดูสาระสำคัญ 3 ข้อที่ว่านี้กันก่อนค่ะ
1. ลดภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง 90%
ผู้ที่มีที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นของตัวเอง ในส่วนนี้จะทำให้ได้รับสวนลดการเสียภาษีที่ดินไปถึง 90% เลยทีเดียวค่ะ
2. ลดค่าธรรมเนียมการโอน+จดจำนอง
ลดค่าโอนฯ จาก 2% เหลือ 0.01% ค่าจดจำนอง จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
3. ขยายระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี
ในส่วนนี้จะเป็นในเรื่องของภาษีเงินได้ค่ะ จะช่วยในเรื่องของการขยายเวลาการยื่นแบบการเสียภาษีเงินได้แบบออนไลน์ของบุคคลธรรมดา ไปถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ในส่วนการยื่นออนไลน์ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ขยายเวลาไปเป็นภายในวันสุดท้ายของเดือนนั้นๆ
มาตรการนี้ ช่วยเหลือคนซื้อบ้านอย่างไร ?
เมื่อเราตรวจสภาพบ้าน หรือคอนโดเรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% และค่าจดจำนองอีก 1% ซึ่งถ้าหากใครซื้อที่อยู่อาศัยมือหนึ่งในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ก็จะเข้าเงื่อนไขและได้รับส่วนลดในส่วนนี้
จากค่าโอนกรรมสิทธิ์ 2% โดยแบ่งกับผู้ประกอบการคนละครึ่ง ก็จะลดลงเหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจำนองจาก 1% ลงเหลือ 0.01% ด้วยเช่นกัน (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) ใช้ได้สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยจะครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด ที่ซื้อจากผู้ประกอบการ โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เลยค่ะ
โครงการแบบไหน ไม่เข้าเงื่อนไขมาตรการนี้ ?
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามาตราการนี้จะออกมาช่วยเหลือผู้ที่ซื้อบ้านและกำลังจะโอนบ้านเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังมีเงื่อนไขที่จำกัด ทำให้มีคนที่จะซื้อบ้านบางกลุ่มอาจจะไม่ได้รับมาตรการนี้ ซึ่งได้แก่ที่อยู่อาศัยเหล่านี้ค่ะ
1. ที่อยู่อาศัย มือสอง
ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่อยู่อาศัยมือสองทั้งหลาย จะไม่เข้าเงื่อนไขนี้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน, ทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิศ, หรือคอนโดมือสองทั้งหมด ถ้าเราไปซื้อต่อจากเจ้าของเดิม ไม่ว่าจะกู้หรือเงินสด ก็ต้องจ่ายค่าโอน+จดนำนองตามเงื่อนไขเดิมค่ะ
2. ที่อยู่อาศัย ที่มีราคาเกิน 3 ล้านบาท
นอกจากมือสองแล้ว โครงการใหม่เอี่ยมที่ราคาเกิน 3 ล้านบาททั้งหมด ก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นกันค่ะ ทั้งนี้รวมไปถึงการยื่นกู้ในวงเงินที่เกิน 3 ล้านบาทด้วยค่ะ เช่น คอนโดราคา 2.99 ล้าน แต่เราดันกู้ผ่านที่ 3.10 ล้านบาท ก็ไม่เข้าเงื่อนไขค่ะ เพราะฉะนั้น ต้องคุยกับทางธนาคารดีๆ ค่ะว่าเราอยากรับมาตรการนี้ ก็ลองต่อรองลดวงเงิน แต่ถ้าเราต้องการเงินเพื่อมาใช้จ่ายเผื่อส่วนอื่นๆ ก็ต้องยอมจ่ายค่าโอนฯ + จดจำนองไปค่ะ
3. ซื้อที่อยู่อาศัยต่อจากผู้อื่น โดยที่ยังติดผ่อนกับธนาคารอยู่
นอกจากนี้ในกรณีที่เราไปซื้อต่อที่อยู่อาศัยจากผู้อื่น แต่คนๆ นั้นยังติดผ่อนอยู่กับธนาคาร ทำให้เราต้องไปผ่อนต่อธนาคารนั้น หรือไม่ว่าจะ Refinance ใหม่ก็ตาม กรณีนี้ก็จะไม่ได้รับเข้ามาตรการนี้เช่นกันค่ะ
ทั้งหมดนี้จะไม่สามารถรับมาตรการช่วยเหลือในข้างต้นได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครที่กำลังมองหาบ้านอยู่ และอยากได้รับการช่วยเหลือมาตรการนี้ สามารถมองหาบ้าน ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ หรือคอนโด ได้จากเว็บไซต์
Checkraka.com ที่นี่ได้เลย ทั้งนี้เราได้เอาที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มาแนะนำกันที่ด้านล่างนี้เลยจ้า
แนะนำโครงการที่อยู่อาศัย ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท
1. อัลติจูด คราฟ บางนา (Altitude Kraft Bangna) เริ่ม 2.59 ล้านบาท
พรีเมียมทาวน์โฮมโครงการใหม่ใกล้เมกาบางนา เชื่อมความสุขทุกเจนเนอเรชัน ด้วยฟังก์ชันทาวน์โฮมที่ปรับได้ถึง 11 แบบ พร้อมคลับเฮาส์หรู และส่วนกลางท่ามกลางธรรมชาติกว่า 9 ไร่* ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว (
ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่นี่)
2. ชีวาโฮม รังสิต - ปทุม (Chewa Home Rangsit - Pathum) เริ่ม 2.3 ล้านบาท
โครงการนี้มีทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝดสูง 2 ชั้น และอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง เลยค่ะ ออกแบบมาจากศิลปะสไตล์ Art Deco หรูหราแต่เรียบง่าย จำนวนบ้านทั้งหมด 385 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครันทั้ง สโมสร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น (
ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่นี่)
3. สิริ เพลส รังสิต - คลอง 2 (Siri Place Rangsit - Klong 2) เริ่ม 1.99 ล้านบาท
ทาวน์โฮมโครงการใหม่ บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น ทำเลโครงการสะดวกสุดๆ ใจกลางรังสิต เพราะใกล้ทั้งทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ สนามบินดอนเมือง และรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต (
ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่นี่)
4. นิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง (NUE NOBLE FAI CHAI-WANG LANG) เริ่ม 2.3 ล้านบาท
คอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเพียง 80 เมตร เพียง 2 สถานี ถึงจุด Interchange ที่สถานีท่าพระ ซึ่งเป็น HUB ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ (
ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่นี่)
5. ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท จรัญฯ 91 (Supalai City Resort Charan 91) เริ่ม 1.59 ล้านบาท
คอนโด Low Rise สไตล์รีสอร์ท บนทำเลจรัญฯ 91 ออกแบบให้ธรรมชาติเป็นหัวใจของการใช้ชีวิต ตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT บางอ้อ เพียง 190 เมตร และแหล่งช็อปปิ้งมากมาย (
ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่นี่)
หมายเหตุ
1. โครงการทั้ง 5 โครงการข้างต้น เป็นโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ ณ วันที่ 27 มกราคม 2564
2. ราคาที่ระบุข้างต้น เป็นราคาเริ่มต้นของโครงการ อัปเดตล่าสุดเมื่อ 27 มกราคม 2564 ดังนั้น ราคาทั้งหมดนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และโปรดสอบถามเจ้าหน้าที่แต่ละโครงการอีกครั้ง เพื่อข้อมูลล่าสุดที่ถูกต้อง ณ ขณะเวลานั้นๆ