อยากลองพัก"คอนโด-บ้าน Airbnb ต่างประเทศสักครั้งไหม?" 10 ข้อแนะนำดีๆ ก่อนจอง Airbnb ให้ตรงใจได้ราคาดีๆ

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเมืองไทยนิยมพักในคอนโด หรือบ้านในเมืองไทยที่ปล่อยเช่าผ่าน Airbnb กันเยอะ (หรือ Homeaway ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง) ซึ่งจริงๆ ในบ้านเราการปล่อยเช่าคอนโดผ่าน Airbnb นั้นผิดกฎหมาย (ดูรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2S4Pzfh) ซึ่งทาง Checkraka เองก็ไม่สนับสนุนจนกว่ารัฐบาลจะเข้ามา Regulate เรื่องนี้ให้เป็นจริงเป็นจัง (เพราะการให้เช่าผ่าน Airbnb จะเป็นการรบกวนสิทธิลูกบ้านคนอื่นที่พักอาศัยจริงๆ และมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย) แต่ในหลายๆ ประเทศ ได้มีการ Regulate การพักแบบ Airbnb กันหลายประเทศแล้ว ที่นี้ถ้าเราสนใจอยากพัก Airbnb เวลาไปเที่ยวเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากการอยู่ในโรงแรมห้องเล็กๆ จะมีเทคนิคการจองให้ได้ห้องพักดีๆ ราคาโอเคๆ ยังไงบ้าง วันนี้เรามีข้อแนะนำ 10 ข้อให้ดูกันครับ 

รีวิวคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งจะเป็นตัวบอกที่ดีว่า ที่พักเราจะเป็นแบบไหน ดีหรือไม่ดี ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกห้องที่มีรีวิวในทางบวกเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบวกๆ เกี่ยวกับตัวเจ้าของบ้าน การต้อนรับ ความสะอาดในห้อง ทำเลรอบๆ สิ่งที่ต้องระวังคือห้องที่ไม่มีใครรีวิวเลย หรือมีรีวิวแต่เป็นในทางลบ เช่น ถ้ารีวิวบอกของจริงไม่ตรงกับรูป พวกนี้เราอาจต้องระวังว่าอาจจะเจอห้องที่ไม่ดี  

ปกติโรงแรมจะมีมาตรฐานในการทำความสะอาดห้อง หรืออุปกรณ์ที่ให้ในห้องในระดับหนึ่ง แต่ Airbnb นั้นไม่มีกฎเกณฑ์เรื่องการทำความสะอาดใดๆ ในห้อง และไม่มีกฎเกณฑ์บังคับว่าเจ้าของบ้านจะต้องเตรียมอะไรให้เราบ้าง ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ Host เลย 

ควรเลือกเจ้าของสถานที่ซึ่งได้รับสถานะ Superhost ก่อน เพราะการได้ Superhost เปรียบเสมือนการที่ Airbnb มองว่าเจ้าของรายนี้ใช้ได้ ประเมินโดย Airbnb 4 ครั้งต่อปี ซึ่งการจะเป็น Superhost ได้จะต้องมีคุณสมบัติหลักๆ คือ
(ก) มีประสบการณ์ต้อนรับคนเข้าพักแล้วอย่างน้อย 10 ครั้ง
(ข) ได้รับการรีวิวอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของคนที่เข้าพัก และได้ Rating ไม่ต่ำกว่า 4.8
(ค) ไม่เคยยกเลิกแขกเข้าพัก 
(ง) มีการตอบสนองหรือตอบคำถามในอัตราไม่น้อยกว่า 98% ภายใน 24 ชม. ของคำถาม หรือคำขอที่ได้รับ 

วิธีการตั้งราคาใน Airbnb มีเทคนิคมากมายที่เราต้องรู้ เพราะตัวเลขแรกที่เราเห็นจะยังไม่รวมอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งพอรวมแล้วจะสูงกว่าราคาแรกที่เห็น หลักๆ เลยก็มี ค่าคอมมิชชั่น (เรียกว่าเป็น Service Fee สูงสุดไม่เกิน 20% ที่ Airbnb จะคิดรวมด้วย) บางห้องขอคิดค่าทำความสะอาด ก็จะบวกเข้าไปอีก บางห้องขอคิดค่าประกันด้วย ก็จะบวกเข้าไปอีก บางห้องถ้าอยู่เกินจำนวนคนที่กำหนด ก็จะบวกรายหัวเข้าไปอีก บางเมือง หรือบางประเทศ จะมีค่าภาษี Tourist Tax อีก ก็จะต้องบวกรวมเข้าไปอีก ดังนั้น ก่อนกดจองลอง Sum Up ตัวเลขพวกนี้ให้เห็นทั้งหมดก่อนจะดีกว่า

ถ้าเราอยากอยู่ใกล้ที่ใดที่หนึ่ง เช่น ใกล้รถไฟฟ้า หรือใกล้บางย่าน เราควรดูแผนที่ประกอบให้ดี แต่ตอนแรกเราจะเจออุปสรรคเล็กน้อยเพราะ Airbnb จะไม่เปิดเผยที่อยู่จริงให้เรารู้ (จนกว่าเราจะจองห้องนั้นๆ ได้แล้ว) จะมีแค่วงๆ โดยประมาณในแผนที่ให้ดูเท่านั้น ดังนั้นก่อนจอง มี 2 วิธีที่เราจะรู้ว่าที่พักเราจะอยู่แถวไหน คือ
(ก) อ่านจากรีวิวคนที่เคยพัก
(ข) ดูแผนที่โดยประมาณใน Airbnb ประกอบกับ Google Map โดยเอา 2 แผนที่นี้มากางคู่กันก็จะพอมองเห็นภาพคร่าวๆ ได้ว่าที่พักที่เราจะจองอยู่ประมาณไหน 

บ้านหรือคอนโดใน Airbnb จะไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน ดังนั้น ถ้าเราอยากรู้ว่ามีอะไรให้บ้างในห้อง หรือในตึก เราควรเช็คให้ดี โดยดูได้จากในรายละเอียดตามตัวอย่างข้างล่าง ปัญหาที่มีบ่อยๆ เช่น บางที่จะไม่มีเครื่องเป่าผมให้คุณผู้หญิง บางที่ไม่มี Heater บางตึก (โดยเฉพาะในยุโรป) อาจไม่มีลิฟท์ ซึ่งถ้าเรากระเป๋าใบใหญ่ ก็โหดเอาเรื่องทีเดียว 

ระบบ Airbnb จะให้เจ้าบ้านตั้งได้ว่า การจองจะสามารถยกเลิกอย่างไรได้บ้าง และจะมีค่าปรับอย่างไร ส่วนใหญ่จะมี 3 ระดับซึ่งเจ้าบ้านแต่ละคนก็อาจกำหนดแตกต่างกันออกไป คือ 
(ก) Flexible: ยกเลิกอย่างน้อย 1 วันก่อนเข้าพัก ได้เงินคืนค่าที่พักเต็มจำนวน แต่ถ้ายกเลิกน้อยกว่า 1 วัน คืนแรกไม่สามารถคืนได้ คืนต่อไปได้คืนเต็มจำนวน
(ข) Moderate: ยกเลิกอย่างน้อย 5 วันก่อนเข้าพัก ได้เงินคืนค่าที่พักเต็มจำนวน แต่ถ้ายกเลิกน้อยกว่า 5 วัน คืนแรกไม่สามารถคืนได้ คืนต่อไปได้คืนแค่ 50%
(ค) Strict: ยกเลิกอย่างน้อย 14 วันก่อนเข้าพัก ได้เงินคืนค่าที่พักเต็มจำนวน แต่ถ้ายกเลิกอย่างน้อยแค่ 7 วันล่วงหน้า จะได้คืนค่าห้องพักแค่ 50% 

Airbnb จะมีความหลากหลายของห้องมาก มีทั้งเป็นบ้านหรือคอนโดส่วนตัวที่เจ้าของห้องเป็นคนจัดการปล่อยเช่าเอง บ้านหรือคอนโดที่เจ้าของห้องจ้างเอเจนท์ช่วยจัดการให้ หรือเป็นโรงแรมแต่มาเข้าระบบ Airbnb เป็นต้น และดังนั้น ห้องที่ให้เลือกอาจเป็นได้ทั้งแบบห้องส่วนตัว (Entire Apartment) หรือเป็นแบบแชร์กับคนอื่น (Shared Apartment) ห้องที่แชร์กับคนอื่นบางทีก็คือ B&B ถูกๆ หรือ Guesthouse ที่เป็นห้องรวม หรืออาจต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับคนอื่น ดังนั้น ต้องดูให้ดีก่อนเลือกว่าจริงๆ เราอยากพักแบบไหน  

เรื่องนี้หลายคนอาจไม่รู้ แต่ Airbnb จะมี Function ให้ทางเจ้าบ้านสามารถลดราคาเป็นพิเศษให้แขกเป็นกรณีๆ ไปได้ โดยเรียกว่าเป็น Special Offer จาก Host ซึ่งเราจะขอต่อรองกับเจ้าของบ้านจากราคาหน้าเว็บ โดยวิธีการคือเราต้องส่ง Booking Enquiry ไปหาเจ้าของก่อน และบอกไปว่าเราขอลดราคาเท่าไหร่ก็ว่ากันไป ซึ่งทางฝั่งเจ้าบ้านจะสามารถกำหนด หรือต่อรองราคาใหม่กับเราแบบ 2 ต่อ 2 ได้  

การจองที่พักผ่าน Airbnb คนเข้าพักต้องจ่ายค่าบริการให้ Airbnb ด้วยนอกเหนือจากจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของบ้าน ดังนั้น บางคนจึงอาจพยายามติดต่อเจ้าของบ้านนอกระบบเพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าบริการให้ Airbnb ซึ่งปกติทาง Airbnb ก็จะกันไว้เต็มที่ เช่น ถ้าส่ง Line หรืออีเมลส่วนตัว หรือเบอร์โทรศัพท์กัน ระบบ Airbnb จะมีการ Hide หรือ Block ไลน์ อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว อย่างไรก็ดี ถ้าสุดท้ายเจ้าของกับคนเข้าพักหาทางติดต่อกันได้เองโดยตรง ก็สามารถทำได้ แต่ก็จะมีข้อเสียหลายๆ อย่างทั้งกับเจ้าของบ้าน และคนเข้าพัก เช่น ในมุมมองคนเข้าพัก ถ้าจ่ายเงินไปแล้ว แต่เจ้าของบ้านเบี้ยว เราจะเรียกคืนลำบากเพราะอยู่กันคนละประเทศ หรือหากถึงเวลาเข้าพัก ห้องพักไม่เหมือนในรูปที่โฆษณาไว้ จะไม่มีคนกลางอย่าง Airbnb ช่วยคุยให้ หรือในมุมมองเจ้าของห้อง ถ้าคนเข้าพักทำของเสียหาย เจ้าของห้องต้องจัดการเอง และถ้าสัญญาเช่าเขียนไม่รัดกุม อาจมีปัญหาในการหักเงินมัดจำได้อีก 

การเลือกพัก Airbnb นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับคนที่ต้องการที่พัก ที่เหมาะกับสไตล์ความชอบของตัวเอง ไม่ได้จำกัดแค่ในโรงแรมที่ต้องสะดวกสบาย และมีข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งความชอบนั้นอาจจะไม่ได้รับความสะดวกไปซะทุกอย่าง แต่ก็ได้รับความพอใจจากสิ่งที่ทางให้ผู้เช่ามีให้ ซึ่งตรงกับความต้องการของเราพอดี หรือบางครั้งอาจจะได้ราคาที่ถูกใจด้วย ทางเราจึงหวังว่า เทคนิคการจอง Airbnb ให้ได้ห้องพักดีๆ ราคาโอเค ที่นำเสนอไปนั้น จะช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านที่อ่านบทความนี้ นำไปพิจารณาสำหรับการจองที่พักของท่านในอนาคตได้ครับ