เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งและเครื่องใช้ภายในบ้าน นอกจากจะให้ความรู้สึกเรื่องความสวยงามน่าอยู่ ยังให้ประโยชน์ในเรื่องการอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้อยู่อาศัย ของตกแต่งบางชิ้นเมื่อเวลาผ่านไปข้าวของนั้นจะเสื่อมสภาพ ยิ่งในปัจจุบันที่เราทุกคนต้องเจอกับสถานการณ์ของไวรัส โควิด 19 ที่กำลังระบาด การดูแลรักษา รวมไปถึงการทำความสะอาดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากทำได้อย่างไม่ทั่วถึง อาจมีเชื้อโรคสะสมซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยได้ เราจึงควรใส่ใจและรู้จักการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ของเหล่านั้นอยู่กับบ้านเราไปนานๆ วันนี้ Checkraka.com มีวิธีการดูแลรักษาของตกแต่งชิ้นหลักภายในบ้านมาฝากกันค่ะ
โซฟารับแขก
ห้องรับแขกเป็นสิ่งแรกที่พบเห็นหลังจากที่เปิดประตูบ้านเข้ามา โซฟารับแขกถือว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลักในบ้าน เพราะจะจัดวางไว้ส่วนแรกสุดสำหรับต้อนรับแขก บางบ้านอาจจะใช้เป็นที่นั่งเล่น ดูทีวี หรือใช้ทำกิจกรรมยามว่าง ซึ่งจัดว่าเป็นจุดสำคัญที่คนภายในครอบครัวมาอยู่ร่วมกัน สำหรับโซฟาที่ใช้ตกแต่งภายในบ้านมีหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ แบบหนัง และแบบผ้า ทั้งสองแบบมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้
วิธีการดูแลรักษา
1. โซฟาผ้า
โซฟาผ้าจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ผ้าแบบเส้นใยธรรมชาติ และ ผ้าแบบเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติของผ้าแตกต่างกันออกไป รวมทั้งการดูแลรักษาก็จะต้องคำนึงถึงส่วนประกอบของเส้นใยผ้าดังกล่าวด้วย
- ผ้าเป็นที่สะสมของฝุ่น ควรดูดฝุ่นเป็นประจำ
- สำหรับผ้าหุ้มโซฟาที่สามารถถอดซักได้ ให้เลือกใช้ผงซักฟอกคุณภาพดีๆ และนำลงซักตามปกติ แต่ควรศึกษาวิธีการซักบนฉลากที่ติดมากับผ้าก่อนนำไปซัก
- หากเกิดรอยเปื้อนบนผ้าคลุมโซฟา สามารถขจัดคราบเปื้อนได้หลายวิธี เช่น การใช้น้ำยาในการทำความสะอาดเบาะรถยนต์แบบผ้า ใช้ผงซักฟอกผสมกับน้ำอุ่นแบบเจือจาง แล้วเช็ดด้วยผ้าขาว จากนั้นรอให้แห้ง หรือใช้ทิชชู่เปียกสำหรับเด็กเช็ดทำความสะอาด เพราะมีความบอบบางมาก จึงไม่ค่อยทำลายพื้นผิวโซฟา
2. โซฟาหนัง
มีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานมากกว่าโซฟาผ้า และโซฟาชนิดอื่นๆ มีอายุในการใช้งานนาน และการทำความสะอาดก็ไม่ยากนัก ซึ่งการดูแลรักษาและทำความสะอาด มีดังนี้
- หนังเป็นรอยขีดข่วนง่าย การขัดถูรุนแรง อาจทำลายผิวหน้าของหนังทำให้ความสวยงามลดลง และควรดูดฝุ่นที่ติดตามซอกของโซฟาออกอย่างสม่ำเสมอ
- การทำความสะอาดคราบสกปรกเล็กน้อยโดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นพอหมาดๆ (ไม่ต้องชุ่ม) เช็ดถูบริเวณที่เป็นคราบสกปรก
- หากมีรอยเปื้อนที่เป็นคราบหนัก ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับเครื่องหนังโดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะช่วยขจัดคราบสกปรกที่เกิดขึ้นแล้ว ยังป้องกันไม่ให้พื้นผิวที่เป็นหนังแห้งแตก และยังคงความสวยงามเช่นเดิม
- หากโซฟาตั้งอยู่ในห้องปรับอากาศ ไม่จำเป็นต้องเช็ดบำรุงบ่อยนัก เพราะอาจทำให้โซฟาเกิดความเสียหายได้
โต๊ะทานอาหารและโต๊ะทำงาน
โต๊ะกินข้าว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้งานแทบทุกวัน เป็นที่ๆ ทุกคนภายในบ้านมารวมตัวกัน ทานอาหาร พูดคุย หรือเป็นที่ที่เพื่อนฝูงมารวมตัวทานอาหารกัน บางครั้งโต๊ะกินข้าวเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายที่ไม่จำเป็น ไม่มีที่พอสำหรับวางอาหาร แถมเศษอาหารยังทำให้เกิดคราบสกปรกต่างๆ ที่กำจัดออกได้ยาก และยังนำเชื้อโรคมาสู่อาหารอีกด้วย ส่วนโต๊ะทำงานก็เป็นที่สำหรับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลงาน แต่ก็เป็นแหล่งสะสมความสกปรกได้เช่นกัน ไม่ว่าเป็นกองเอกสาร หมึกจากปากกาหลากสี เศษฝุ่นจากดินสอ ยางลบ เราจึงควรทำความสะอาดเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคในอนาคต
วิธีการดูแลรักษา
- อันดับแรกควรกำจัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นสำหรับการทานอาหาร หรือการทำงานออกไป หากเป็นเครื่องปรุงรส หรือขนมทานเล่นควรเก็บทันทีที่ทานเสร็จเรียบร้อย เพื่อความสะอาดของโต๊ะอาหาร และยังป้องกันแมลงวันอีกด้วย
- เช็ดทำความสะอาดโต๊ะอาหารทุกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ ด้วยผ้าชุบน้ำ และควรเช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งทั้งโต๊ะทานอาหารและโต๊ะทำงาน หากเป็นโต๊ะไม้ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาด เพราะฤทธิ์ของน้ำยาอาจจะกัดเนื้อไม้เป็นรอยได้
- ตำแหน่งที่ตั้งก็สำคัญ ควรตั้งโต๊ะให้เลี่ยงแสงแดด เพราะจะทำให้เนื้อไม้เกิดรอยแตกได้ ความชื้นก็เป็นอันตรายต่อเฟอร์นิเจอร์ไม้เช่นกัน เพราะจะทำให้เนื้อไม้บวม อาจป้องกันด้วยการทาด้วยสีน้ำมัน ก็จะช่วยกันความชื้นได้ดีเลยทีเดียว
- พื้นที่ใช้วางโต๊ะก็สำคัญเช่นกัน ควรใช้เกลือเช็ดที่พื้นอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อขจัดคราบสกปรก ลองย้ายโต๊ะจากจุดเดิมเปลี่ยนไปจุดใหม่บ้าง จะได้ทำความสะอาดจุดนั้นได้ง่าย และความสกปรกจะได้ไม่สะสม
ผ้าม่าน
ของตกแต่งอีกอย่างที่มีอยู่แทบทุกบ้าน นั่นคือ ผ้าม่าน บางบ้านเป็นผ้าม่านขนาดเล็ก บางบ้านก็มีขนาดใหญ่ นอกจากผ้าม่านจะให้ความสวยงามบ่งบอกถึงสไตล์ของบ้านแล้ว สิ่งสำคัญของผ้าม่าน คือช่วยทำหน้าที่บดบังแสงแดดจากภายนอกเข้าสู่ภายในตัวบ้าน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คนในบ้าน ผ้าม่านที่มีขนาดใหญ่ ยาว และหนา การทำความสะอาดมักจะทำได้ยาก โดยเฉพาะบางห้องที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ไม่ได้เปิดผ้าม่านบ่อยนัก มักจะมีฝุ่นสะสมจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาได้
วิธีการดูแลรักษา
- การทำความสะอาดง่ายๆ เบื้องต้น คือ ปิด-เปิดผ้าม่านบ่อยๆ เพราะการเปิดผ้าม่านบ่อยครั้งทำให้ไม่มีฝุ่นมาเกาะสะสม และช่วยเรื่องการส่งพลังทางฮวงจุ้ยให้มีการไหลเวียนที่ดี ไม่หยุดนิ่งอีกด้วย
- เริ่มจากส่วนบนสุด คือส่วนของรางม่าน หรือตะขอเกี่ยว เช็ดทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำ จากนั้นดูดฝุ่นไล่จากส่วนบนสุดของผ้าม่านก่อน ควรดูดฝุ่นประมาณเดือนละครั้ง เป็นการยืดอายุของผ้าม่านให้ใช้ได้นาน และยังคงความสวยงามสะอาดอยู่ตลอดเวลา
- ควรถอดซักอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้ผ้าม่านสะอาด สีสันสดใส ขจัดฝุ่นที่ฝัง คราบเลอะต่างๆ รวมทั้งกลิ่นที่ฝังติดแน่น
- ฉีดสเปรย์ที่มีกลิ่นหอมสำหรับฉีดใส่ผ้าม่าน เพื่อเพิ่มความสดชื่นและบรรยากาศดีๆ ให้กับห้อง
ตู้หนังสือและชั้นวางของ
สำหรับบ้านไหนที่ชอบอ่านหนังสือ มีหนังสือที่เก็บสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ตู้หนังสือหรือชั้นวางหนังสือเหล่านี้ คือแหล่งสะสมฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบสะสมหนังสือ แต่ไม่ค่อยมีเวลาหยิบมาอ่าน ฝุ่นที่เกาะอยู่บนชั้นหนังสือหรือตู้หนังสือที่สูงๆ ทำความสะอาดได้ยาก นอกจากนี้ยังมีสารพิษ ไอระเหยจากสารเคมีที่มาจากหมึกพิมพ์หนังสือเก่า นอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นอับแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ ดังนั้น การทำความสะอาดชั้นวางหนังสือและตู้หนังสือ รวมทั้งตัวเล่มหนังสือ เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจอย่างยิ่งค่ะ
วิธีการดูแลรักษา
- ย้ายหนังสือออกจากชั้นวางแล้วจัดใหม่ โดยอาจเลือกเอาหนังสือที่คิดว่าไม่อ่านแล้วออกมา เพื่อนำไปขาย หรือบริจาคตามสถานที่ต่างๆ เล่มใดชำรุดนำมาซ่อมแซมแก้ไข และเก็บไว้ในกล่องที่ปิดสนิท
- การทำความสะอาดเบื้องต้นให้เช็ดฝุ่นออกด้วยผ้าชุบน้ำธรรมดา หรือน้ำเกลือบิดให้สนิท หากเป็นตู้ไม้ ควรใช้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดสำหรับเฟอร์นิเจอร์ไม้เท่านั้น จะช่วยเรื่องการเคลือบเงา ป้องกันเชื้อราจากไม้ และน้ำยาบางตัวยังช่วยป้องกันปลวกได้อีกด้วย
- ไม่ควรตั้งตำแหน่งตู้ไว้ให้แสงแดดส่อง เพราะถ้าปล่อยให้โดนแสงแดดบ่อยเกินไป นอกจากจะทำให้หนังสือแห้งกรอบแล้ว ยังทำให้ตู้หนังสือเกิดความเสียหายได้อีกด้วย
- ตู้หนังสือที่ตั้งอยู่ในห้อง ควรเปิดห้องให้มีอากาศถ่ายเทเป็นประจำ จะทำให้บรรยากาศในห้องโปร่งขึ้น เป็นการสร้างพลังงานที่ดีให้กับบ้าน สุขภาพของคนในบ้านก็จะดีตามมาด้วย
พรมปูพื้นบ้าน
พรมปูพื้นนอกจากจะทำให้เราได้สัมผัสความนุ่มสบายเวลาเดินแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศของห้องให้เปลี่ยนไปได้ แต่ถ้าหากเราใช้พรมปูพื้นโดยที่ไม่ได้ดูแลรักษาและทำความสะอาด พรมนั้นก็จะเป็นที่สะสมของไรฝุ่นและสิ่งสกปรกมากมายที่คุณมองไม่เห็น อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองและเชื้อโรคได้อย่างดีทีเดียว นานวันเข้าเมื่อพรมเสื่อมสภาพ ก็จะมีสารฟอร์มัลดีไฮด์เป็นตระกูลเดียวกับฟอร์มาลีน สารพิษที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคทางเดินหายใจ และมะเร็ง เราจึงมีวิธีจัดการดูแลรักษาพรมแบบง่ายๆ ดังนี้
วิธีการดูแลรักษา
- กำจัดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ วิธีที่กำจัดฝุ่นในพรมได้อย่างง่ายที่สุด คือ ใช้เครื่องดูดฝุ่นในการทำความสะอาดพรม บ้านไหนที่เลี้ยงแมว สุนัข หากเป็นไปได้ควรดูดฝุ่นทำความสะอาดทุกวัน หากไม่มีเวลาควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดฝุ่นสะสม
- ระวังไม่ให้พรมเปียกชื้น เพราะความชื้นเป็นบ่อเกิดของกลิ่นเหม็นอับ สำหรับพรมผืนเล็กสามารถนำไปตากแดด หรือซักอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าหากเป็นผืนใหญ่ ให้เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้ทั่วบ้าน จากนั้นนำเบกกิ้งโซดามาโรยบนพรมแล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด (หากกลิ่นติดแน่นให้โรยทิ้งไว้ข้ามคืน) เบกกิ้งโซดาจะช่วยกำจัดกลิ่นอับบนพรม หาซื้อได้ไม่ยากและราคาไม่แพงด้วยค่ะ
- เลี่ยงแสงแดดเพราะจะทำให้พรมสีซีดได้
- หากทำของเหลวหกใส่พื้นพรมให้รีบซับน้ำ หรือสิ่งสกปรกนั้นให้แห้งทันที อย่าเช็ดหรือถูเพราะจะทำให้รอยเปื้อนขยายวงกว้างขึ้น แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำยาหรือโฟมสำหรับทำความสะอาดพื้นพรมโดยเฉพาะ
- รอยกดทับบนพรมสามารถแก้ได้โดยใช้น้ำแข็งมาวางตรงจุดที่มีรอย แล้วปล่อยให้ละลาย จะปล่อยให้พรมแห้งเองหรือนำไดร์มาเป่าให้แห้งก็ได้ แล้วจึงใช้แปรงขนนุ่มมาแปรงพรมให้ฟูเหมือนเดิม
ถ้าหากใครเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย การขยับ หรือย้ายสิ่งของเพื่อให้ถูกลักษณะ ถูกตำแหน่ง จะส่งผลดีต่อทุกคนที่อยู่บ้าน ของตกแต่งภายในบ้านหากได้รับการดูแลรักษาให้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ และจัดวางอย่างเป็นที่เป็นทาง ก็จะนำสุขภาพที่ดีมาสู่ทุกคนในครอบครัว เมื่อทุกคนร่างกายแข็งแรง ก็จะมีพลังกายที่ดีในการดำเนินชีวิต จิตใจก็จะดีตามไปด้วย เหมือนอย่างคำที่ว่า ฮวงจุ้ยที่ดีก็อยู่ที่พลังสะอาดนี่แหละค่ะ