ในการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านซักหลังนั้น มีตัวเลือกอยู่มากมายให้เราต้องมานั่งวางแผนกันก่อน และหนึ่งในตัวเลือกสำคัญก่อนการจะตัดสินใจซื้อบ้านนั้น อาจจะมีคำถามที่ว่า จะซื้อ "ทาวน์เฮ้าส์" หรือ "บ้านเดี่ยว" ดีล่ะ ? เป็นคำถามโลกแตกที่ชวนทำให้ปวดหัวทีเดียว วันนี้ Checkraka.com ได้รวบรวมข้อมูล และไอเดียให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ "ทาวน์เฮ้าส์" หรือ "บ้านเดี่ยว" แต่ยังลังเลเลือกไม่ถูก มาเป็นตัวช่วยให้ตัวเลือกนี้ง่ายขึ้น และทำให้ตัดสินใจที่จะซื้อบ้านซักหลัง ได้อย่างเหมาะสมค่ะ
ทาวน์เฮ้าส์ (Townhouse)
ทาวน์เฮ้าส์ คือ บ้านที่สร้างติดกันเป็นแนวยาว โดยมีพื้นที่กำแพงที่ใช้ร่วมกัน ตัวบ้านมีลักษณะเป็นตึก ส่วนใหญ่จะมีความสูงประมาณ 2-3 ชั้น หน้าบ้านกว้าง 4 เมตรขึ้นไป พื้นที่จากรั้วหน้าบ้านมาจนถึงตัวบ้านจะมีความยาวไม่ต่ำกว่า 6 เมตร โดยส่วนมากจะสามารถจอดรถได้ 1-2 คัน ส่วนด้านหลังบ้านจะมีความยาวจากหลังบ้านถึงรั้วไม่ต่ำกว่า 3 เมตร สำหรับบ้านแปลงมุมจะมีเนื้อที่บ้านด้านข้างเพิ่มขึ้นได้ไม่เกินด้านละ 2 เมตร ซึ่งจะมีราคาจะสูงกว่าบ้านที่อยู่หลังตรงกลาง
ข้อดี
ราคาไม่สูงมาก: หากเปรียบเทียบกับราคาบ้านเดี่ยวในทำเลใกล้เคียงกันแล้ว ทาวน์เฮ้าส์จะมีราคาที่ถูกกว่า หากเป็นทาวน์เฮ้าส์ไม่ไกลจากเมือง จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3-15 ล้านบาท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเดี่ยวในทำเลใกล้กันอาจจะราคาถึง 5-50 ล้านบาท ยกตัวอย่างโครงการ ทาวน์โฮม
ศุภาลัย สวนหลวง ราคาเริ่มต้นที่ 3.46 ล้านบาท เทียบกับโครงการ บ้านเดี่ยวในทำเลเดียวกัน
ศุภาลัย วิลล์ อ่อนนุช-สวนหลวง จะเริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท และถ้าหากเป็นทาวน์เฮ้าส์ชานเมืองจะยิ่งถูกลง เริ่มต้นประมาณ 1-3 ล้านบาท ในขณะที่ราคาบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 3-15 ล้านบาท เป็นต้น
ดูแลรักษาง่าย: ทาวน์เฮ้าส์สามารถดูแลรักษาได้ง่ายและทั่วถึง เนื่องจากพื้นที่บ้านที่เล็กกว่า ทำให้การทำความสะอาดบ้านนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น และใช้ค่าจ่ายน้อยลงตามไปด้วย
ทำเลในเมืองพอหาได้: ที่ตั้งทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่จะทำเลใกล้ใจกลางเมืองมากกว่าบ้านเดี่ยว เนื่องด้วยทาวน์เฮ้าส์ไม่ต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่โตมากนัก บางโครงการสามารถสร้างในเมืองได้ โดยใช้พื้นที่ดินประมาณไม่ถึง 10 ไร่ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการเดินทางเข้าเมือง
ค่าส่วนกลางไม่แพง: หมู่บ้านทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่ ไม่ได้เน้นในเรื่องของสาธารณูปโภคส่วนกลางมากนัก ในที่นี้หมายถึง อาจจะไม่มีคลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ หรือฟิตเนสเป็นต้น ซึ่งเป็นข้อดีในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่สามารถประหยัดลงไปได้อีกค่ะ
ทำเป็นโฮมออฟฟิศได้: ทาวน์เฮ้าส์ออกแบบมาให้เป็นลักษณะเหมือนกับตึกแถว ซึ่งแปลนบ้านนั้นสามารถดัดแปลงทำเป็นโฮมออฟฟิศได้ ซึ่งใครที่มีกิจการเป็นของตัวเองสามารถใช้ทาวน์เฮ้าส์เป็นโฮมออฟฟิศขนาดย่อมได้ นอกจากนี้ยังมีหลายๆโครงการที่ตั้งใจสร้างเป็นโฮมออฟฟิศเลยก็มีค่ะ ซึ่งลักษณะไม่แตกต่างจากทาวน์เฮ้าส์มากนัก โดยส่วนมากแล้วจะมี 4 ชั้นขึ้นไป และมีเนื้อที่บ้านโดยรอบเยอะกว่าค่ะ
ข้อด้อย
ความเป็นส่วนตัวน้อย: การใช้กำแพงร่วมกันของบ้านแต่ละหลังทำให้ความเป็นส่วนตัวลดน้อยลงไปด้วยค่ะ เพราะจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจเพื่อนบ้าน หรือกรณีที่เพื่อนบ้านไม่เกรงใจเรา ก็อาจจะทำให้เราเกิดความรำคาญได้ เช่น ถ้าหากเพื่อนบ้านมีการต่อเติมบ้าน หรือแม้แต่ทะเลาะกันเอง เสียงอึกทึกครึกโครม ก็จะมีเสียงดังมาที่บ้านเราได้
เนื้อที่บ้านน้อย: กฎหมายกำหนดให้ทาวน์เฮ้าส์มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 16 ตร.ว. ส่วนใหญ่จะมีที่ดินตั้งแต่ 16 - 25 ตร.ว. และมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 90 - 120 ตร.ม. โดยที่ดินแต่ละแปลงต้องมีความกว้างด้านหน้า 4 เมตรขึ้นไปและลึกไม่ต่ำกว่า 16 เมตร สำหรับทาวน์เฮ้าส์แปลงมุมจะมีเนื้อที่ข้างบ้านอีกไม่เกิน 2 เมตร แต่ถ้าเป็นแปลงตรงกลางที่มีกำแพงติดกับบ้านอื่นทั้งสองด้าน จะมีเนื้อที่บ้านแค่ส่วนหน้าบ้านกับหลังบ้านเท่านั้น
ที่จอดรถน้อย: ทาวน์เฮ้าส์จะมีที่จอดรถอยู่หน้าบ้านพอดี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีที่จอดรถให้ 1-2 คัน ถ้าหากแบบบ้านไหนที่จอดได้ 2 คัน หรือมีพื้นที่ด้านกว้างมากกว่า 5-6 เมตร ราคาของบ้านก็จะสูงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ต้องดูดีๆ ด้วยว่า ความลึกของรั้วไปจนถึงตัวบ้านนั้นได้มาตรฐานที่ 6 เมตรหรือไม่ ถ้าต่ำกว่า 6 เมตร ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาจอดรถกระบะไม่ได้ เพราะรถกระบะมีความยาวของรถส่วนใหญ่ที่ประมาณ 5.5 เมตรค่ะ
เพื่อนบ้านจอดรถขวางหน้าบ้าน: ปัญหาที่เป็นข้อเสียระดับชาติเลยก็คือเรื่องการจอดรถไว้นอกรั้วบริเวณหน้าบ้านของตนเองที่เป็นถนนซอยของหมู่บ้าน ซึ่งอาจจะสะดวกต่อเจ้าของบ้าน แต่อาจจะเป็นการทำความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ค่ะ นอกจากจะขวางทางการจราจร เข้า-ออกยากแล้ว ยังทำให้รู้สึกไม่ดีต่อเพื่อนบ้าน อาจเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
ทำกิจกรรมกลางแจ้งไม่สะดวก: เนื่องจากเนื้อที่บ้านน้อย ทำให้การทำกิจกรรมกลางแจ้งของสมาชิกในบ้านนั้นสามารถทำได้น้อยลงไปด้วย อาทิ ปิกนิกนอกบ้านร่วมกับสมาชิกในครอบครัว ทำได้ยากกว่าการอยู่บ้านเดี่ยวทั้งในเรื่องเสียง กลิ่น และความเป็นส่วนตัว
ไม่เหมาะเลี้ยงสัตว์ใหญ่: ในที่นี้หมายถึงสัตว์พันธุ์ใหญ่ อาทิ สุนัขพันธุ์ใหญ่ที่ต้องการเนื้อที่เยอะๆ ในการวิ่งเล่น เป็นต้น นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงอาจจะไปส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านได้ค่ะ ถ้าหากไม่สามารถตัดใจจากเรื่องนี้ได้จริงๆ อาจจะต้องมีการฝึกอบรมสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้มีวินัยกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ
ถนนหน้าบ้านมักจะแคบทำให้กลับรถลำบาก: เนื่องจากทาวน์เฮ้าส์เป็นบ้านติดกันเป็นแนวยาว แต่ตามกฏหมายความยาวนั้นต้องไม่เกิน 40 เมตร หลังจากนั้น โครงการก็จะคั่นด้วยช่องเล็กๆ บ้างก็ทำเป็นสวนสีเขียวเล็กๆ ปลูกต้นไม้ขนาดกลาง หรือทำเป็นที่กลับรถไว้ให้ ซึ่งบางครั้งก็ใช้งานได้จริง บางครั้งก็แคบเกินไปจะกลับรถได้ ก็เป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควรเลยค่ะ
บ้านเดี่ยว (Single House)
บ้านเดี่ยว คือ บ้านที่สร้างเป็นหลังๆ โดยกำแพงไม่ติดกับบ้านหลังอื่น มีเนื้อที่รอบบ้านชัดเจน สำหรับโครงการหมู่บ้านจัดสรร ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินกำหนดให้ที่ดินของบ้านเดี่ยวเพื่อการจำหน่าย ต้องมีขนาดความกว้าง หรือความยาวไม่ต่ำกว่า 12 เมตร และมีเนื้อที่ 50 ตร.ว. ขึ้นไป หากความกว้างหรือความยาวไม่ได้ขนาดดังกล่าว ต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 60 ตร.ว.
ข้อดี
เป็นส่วนตัว: แน่นอนว่าเมื่อไม่ต้องแชร์ผนังร่วมกับบ้านหลังอื่นๆ แถมยังมีรั้วรอบขอบชิดชัดเจน ทำให้ความเป็นอยู่ของบ้านเดี่ยวนั้นมีความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องทำเสียงดังผ่านกำแพงอีกต่อไป
มีเนื้อที่บ้านกว้างขวาง: สำหรับบ้านเดี่ยวจะมีเนื้อที่รอบบ้านชัดเจนทั้ง 4 ด้านของตัวบ้าน สามารถประกอบกิจกรรมร่วมกับครอบครัวบนเนื้อที่รอบๆ บ้านได้อย่างสะดวก ซึ่งตามกฏหมาย บ้านเดี่ยวสำหรับขายนั้นจะต้องมีเนื้อที่ 50 ตร.ว. ขึ้นไป ซึ่งมากกว่าทาวน์เฮ้าส์ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว หากบ้านหลังไหนที่เนื้อที่เยอะหน่อย สามารถต่อเติมสระว่ายน้ำได้อีกด้วย ซึ่งโครงการบ้านหรูๆ หลายที่ก็ทำบ้านเดี่ยวแบบมีสระว่ายน้ำในตัวหลายโครงการอยู่เหมือนกัน ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านนั้นโดยส่วนมากจะมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 100-400 ตร.ม.
ประกอบกิจกรรมกลางแจ้ง และเลี้ยงสัตว์ใหญ่ได้สะดวก: พื้นที่รอบบ้านนอกจากใช้ประกอบกิจกรรมภายในครอบครัวแล้ว ยังสามารถให้สัตว์เลี้ยงได้ออกมาวิ่งเล่นได้อย่างสะดวกอีกเช่นกัน และสามารถเลี้ยงสัตว์ได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
ที่จอดรถเพียงพอ: โดยส่วนมาก บ้านเดี่ยวจะสร้างให้มีที่จอดรถได้อย่างน้อย 2 คันเสมอ ที่ดินหน้ากว้างตั้งแต่ 8 เมตรขึ้นไป และสามารถจอดรถกระบะได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องความยาวของตัวรถด้วยค่ะ และถ้าเป็นบ้านเดี่ยวที่ราคาแพงๆ หน่อย อาจจอดรถได้มากถึง 3-5 คัน
หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับเพื่อนบ้านได้: ถึงแม้ว่าเราจะมีปัญหากับเพื่อนบ้าน เราสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกันซึ่งๆ หน้าได้อย่างสะดวก ไม่เหมือนกับทาวน์เฮ้าส์ที่เพียงแค่เปิดประตูหน้าบ้านออกมาก็เจอเพื่อนบ้านแล้ว สำหรับบ้านเดี่ยวเปิดประตูมาเจอที่จอดรถ และมีพื้นที่กว้างพอที่จะปลูกต้นไม้ขึ้นมาเป็นรั้วธรรมชาติได้
ข้อด้อย
ราคาโดยรวมสูงกว่าทาวน์เฮ้าส์: องค์ประกอบหลายๆ อย่างทำให้บ้านเดี่ยวนั้นมีราคาที่สูงกว่าทาวน์เฮ้าส์ ทั้งในเรื่องของเนื้อที่บ้านที่เยอะกว่า พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า ซึ่งถ้าหากต้องการราคาที่ไม่สูงมากก็อาจจะต้องแลกกับทำเลที่ตั้งที่ไกลออกไปจากตัวเมือง
บ้านใหญ่และไม่แพง ทำเลอาจไกลนิดนึง: ถ้าหากเทียบกับราคาที่เท่ากันกับทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวนั้นจะมีทำเลที่ไกลตัวเมืองมากกว่า ซึ่งอาจจะมีปัญหาในเรื่องการเดินทางที่ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเข้ามาในเมืองได้ บางโครงการอาจไม่ใกล้รถไฟฟ้า แต่ถ้าอยากได้โครงการบ้านเดี่ยวในเมืองก็ต้องแลกมากับราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ดูแลรักษาจุกจิกกว่า: เนื่องจากบ้านเดี่ยวนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีพื้นที่รอบบ้านกว้างขวางกว่าทาวน์เฮ้าส์ ทำให้การดูแลรักษาบ้านนั้นยุ่งยากมากกว่า และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าด้วย ทั้งในเรื่องของความสะอาดในบ้าน และสวนต้นไม้รอบบ้าน
ค่าส่วนกลางมักแพงกว่า: ค่าส่วนกลางมักจะคิดตามเนื้อที่บ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อที่บ้านเดี่ยวนั้นใหญ่กว่า ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากกว่า และบ้านเดี่ยวบางโครงการ มีสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส คลับเฮ้าส์ ก็จะยิ่งทำให้ต้องจ่ายค่าส่วนกลางมากขึ้นตามไปด้วย
เลือก "ทาวน์เฮ้าส์" หรือ "บ้านเดี่ยว" ดี?
จากข้อมูล ข้อดี-ข้อด้อย ข้างต้น ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานส่วนตัวของแต่ละคนว่ามีความชอบไปในแนวทางไหนค่ะ ไม่มีคำตอบตายตัวสำหรับทุกคนเพราะบางครั้งความชอบคนเราก็ไม่สามารถนำมาตัดสินทุกอย่างในชีวิตได้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือเราต้องเลือกหาความเหมาะสมกับตัวเราเป็นหลัก ซึ่งเราสามารถนำข้อดี-ข้อด้อย มาประกอบการตัดสินใจในเรื่องของความเหมาะสมได้ดังต่อไปนี้
ทาวน์เฮ้าส์เหมาะกับใคร ? | บ้านเดี่ยวเหมาะกับใคร ? |
- อยู่กันกี่คน ? ครอบครัวที่มีสมาชิกไม่มากประมาณ 2-4 คน เพราะมีเนื้อที่เหมาะสม ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป ซึ่งทาวน์เฮ้าส์ปัจจุบัน มีตั้งแต่ 2-3 ชั้น ถ้าเป็น 2 ชั้นก็จะรองรับ 2-3 ห้องนอน และถ้าเป็นทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ก็จะรองรับสูงสุดได้ถึง 5 ห้องนอนเลยทีเดียว
- ฐานะการเงินเป็นอย่างไร ? สำหรับคนเพิ่งสร้างครอบครัวเริ่มต้น มีฐานะทางการเงินที่ไม่สูงมาก และต้องการจะมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเองในราคาที่พอเอื้อมไหว การเลือกทาวน์เฮ้าส์อาจจะตอบโจทย์กับชีวิตคุณมากกว่า เพราะไม่ใช่แค่จะมีค่าผ่อนบ้านเท่านั้น ยังต้องรับผิดชอบไปถึงเรื่องค่าซ่อมบำรุง ค่าดูแลรักษา ค่าตกแต่งบ้าน และค่าส่วนกลางอีกด้วย
- มีรถกี่คัน ? สำหรับครอบครัวที่มีรถยนต์ไม่เกิน 2 คัน เนื่องจากทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่จะมีที่จอดรถไม่เกิน 2 คัน และบางโครงการไม่สามารถจอดรถกระบะได้ หากท่านใดมีรถกระบะ ควรสอบถามกับทางโครงการก่อนค่ะว่า ความลึกบริเวณหน้าบ้านนั้นเกิน 6 เมตรหรือไม่
- LIFESTYLE แบบไหน ? สำหรับคนที่ไม่รักสันโดษจนเกินไป และไม่ขี้รำคาญ เพราะต้องแชร์ผนังใช้ร่วมกับผู้อื่นที่เพื่อนบ้านอาจจะก่อความรำคาญให้กับเราได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเจอเพื่อนบ้านที่ดี ก็จะทำให้มีคนช่วยสอดส่องดูแลบ้านเราได้ หรือคอยช่วยเหลือกันในยามเดือดร้อนได้ ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องเสี่ยงดวงนิดนึง
- ส่วนกลางใช้มั้ย ? สำหรับผู้ที่ไม่เน้นสาธารณูปโภค อย่างสระว่ายน้ำ หรือฟิตเนส เพราะทาวน์เฮ้าส์หลายๆ โครงการอาจจะไม่ได้มีส่วนนี้ไว้รองรับ หรือบางโครงการอาจจะมี แต่ก็จะทำให้เสียค่าส่วนกลางที่สูงขึ้น และราคาของตัวบ้านอาจจะแพงขึ้นด้วยเช่นกัน
- ทำงานแถวไหน ? สำหรับผู้ที่ทำงานในตัวเมืองหรือใช้ชีวิตในตัวเมืองเป็นส่วนใหญ่ เพราะที่อยู่อาศัยควรจะเลือกให้ใกล้กับที่ทำงาน เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางในตัวเมืองที่มักจะรถติดอยู่เสมอ จะได้มีเวลาเอามาทำอย่างอื่นหลังจากกลับมาบ้านแล้ว เช่น ทำอาหาร, ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว, มีเวลาเจอหน้าคนในครอบครัว สำหรับครอบครัวที่มีลูกแล้ว จะทำให้มีเวลาให้ลูกๆ มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
- เลี้ยงสัตว์ และปลูกต้มไม้ ? สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการเลี้ยงสัตว์ใหญ่ หรือทำสวนหน้าบ้าน ซึ่งการมีเนื้อที่บ้านโดยรอบเยอะๆ นั้นคงไม่จำเป็นซักเท่าไหร่
| - อยู่กันกี่คน ? ครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่จะมี 3 ห้องนอนขึ้นไป รองรับสมาชิกภายในครอบครัวได้เพียงพอ และมีเนื้อที่ของแต่ละห้องกว้างขวาง ไม่แออัด สามารถอยู่อย่างเป็นส่วนตัวได้ทุกคน นอกจากนี้ยังรองรับเพื่อนๆ หรือญาติๆ ที่มาพักอาศัยชั่วคราวได้อีกด้วย
- ฐานะการเงินเป็นอย่างไร ? สำหรับผู้ที่มีความมั่นคงในชีวิตพอสมควร และมีรายได้มากพอกับมูลค่าของบ้านเดี่ยว รวมไปถึงการซ่อมบำรุง, การดูแลรักษา และการตกแต่งเพิ่มเติมของบ้านเดี่ยวที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าทาวน์เฮ้าส์ และถ้าหากอยู่บ้านจัดสรรก็จะเสียค่าส่วนกลางที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน
- มีรถกี่คัน ? มีรถยนต์หลายคัน การมีรถยนต์ส่วนตัวเยอะ ย่อมเป็นปัญหาแน่นอนถ้าหากไปอยู่ทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ ถ้าหากคุณมีรถยนต์เกิน 2 คันควรเลือกอยู่บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่รองรับที่จอดรถมากกว่า 2 คันด้วยเช่นกันค่ะ การนำรถไปจอดบริเวณซอยย่อยหน้าบ้านของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้านและสุดท้ายก็จะทำให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันได้
- ความเป็นส่วนตัว ? ต้องการความเป็นอยู่ที่เป็นส่วนตัว และไม่อยากเสี่ยงดวงว่าจะเจอเพื่อนบ้านที่ดีหรือแย่ บ้านเดี่ยวจะทำให้คุณไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนบ้านมากนัก และสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกันอยู่เสมอได้ อย่างไรก็ตาม การมีสัมพันธไมตรีกับเพื่อนบ้านก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันนะคะ
- เลี้ยงสัตว์ และ ปลูกต้นไม้ ? สำหรับผู้ที่อยากเลี้ยงสัตว์หลายตัว หรือสุนัขพันธุ์ตัวใหญ่ หรือต้องการปลูกต้นไม้ ทำสวนเล็กๆ น้อย บริเวณรอบๆ บ้าน ก็เหมาะจะอยู่บ้านมากกว่า
|
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้ทุกท่านได้ตัดสินใจในการเลือกซื้อ บ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮ้าส์ ได้ง่ายขึ้น แล้วพบกันใหม่คราวหน้ากับบทความดีๆ จาก Checkraka.com ค่ะ