"ห้องนอน" เป็นมุมส่วนตัวที่เราใช้ชีวิตพักผ่อนมากที่สุด และแน่นอนว่าการนอนหลับพักผ่อนที่ดีนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลดีต่อตัวเราก็คือเรื่อง "ความสะอาด" ค่ะ ห้องนอนควรเป็นสถานที่ที่สะอาด ปราศจากฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรก ยิ่งห้องสกปรกและมีฝุ่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นบ้านอันแสนอบอุ่นของ "ไรฝุ่น" ศัตรูตัวร้ายที่เป็นตัวก่อโรคต่างๆ วันนี้ Checkraka.com มีเคล็ดลับง่ายๆ ในการเลือกของใช้ภายในห้องนอน รวมถึงวิธีป้องกันไรฝุ่น ตัวการที่อาศัยอยู่ในห้องนอนซึ่งก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้มาฝากกันค่ะ
ทำความสะอาดห้องนอนอย่างไร ? ให้ถูกสุขลักษณะ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าห้องนอนควรเป็นห้องที่สะอาด ปราศจากความสกปรกมากที่สุด เพราะเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของเรา การทำความสะอาดห้องนอนเป็นเรื่องสำคัญค่ะ เดี๋ยวเรามา "แบ่งช่วงเวลา" ในการทำความสะอาดห้องนอนกันดีกว่านะคะ ว่าเราควรเปลี่ยนปลอกหมอนภายในกี่วัน หรือซักผ้าม่านภายในกี่เดือนถึงจะถูกสุขลักษณะมากที่สุด
ทำความสะอาดห้องนอนอย่างไร ให้ถูกสุขลักษณะ |
ทุกเช้า | หลังจากตื่นนอน ควรเก็บที่นอนให้เรียบร้อย แล้วใช้ผ้าคุลมเตียงคลุมทับ เพื่อป้องกันฝุ่น |
ทุกวัน | ปัดกวาดอย่างน้อยวันละครั้ง เปิดม่านรับแสงแดดด เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทบ้าง |
ทุก 1-2 สัปดาห์ | เปลี่ยนผ้าปูที่นอน, ปลอกหมอน, ผ้าห่ม และผ้าคลุมเตียง ซักแล้วตากแดดจัดๆ |
ทุก 2-3 สัปดาห์ | ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเครื่องปรับอากาศ และอย่าลืมล้างแอร์ปีละ 2 ครั้ง |
ทุกเดือน | ควรถอดผ้าม่านออกมาซักทุกเดือน |
ทุก 3 เดือน | พลิกที่นอน และดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่นที่มีถุงเก็บทุก 2 ชั้นหรือถุงหนาๆ ป้องกันฝุ่นฟุ้งกระจาย |
เลือกของใช้ในห้องอย่างไร...แบบไหนดีที่สุด ?
ผ้าปูที่นอน
จริงๆ แล้วผ้าปูที่นอนมีให้เลือกหลายแบบค่ะ เช่น "ผ้าฝ้าย" เนื้อจะนุ่ม ทำความสะอาดง่าย, "ผ้าซาติน" เนื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่นิ่มเย็นสบาย หรืออาจจะเป็น "ผ้าใยไผ่" เนื้อนุ่มนวล มีลวดลายที่เกิดจากธรรมชาติของเส้นใย สามารถต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ดี เป็นต้น
อีกหนึ่งข้อควรรู้ในการเลือกผ้าปูที่นอน คือควรเลือกผ้าที่ทอแน่นๆ ค่ะ เช่น 210 เส้นด้ายขึ้นไปจะนุ่ม นอนสบายหรือ 300 เส้นด้ายขึ้นไปจะช่วยป้องกันไรฝุ่นได้
ผ้าห่ม-ผ้านวม
ควรเลือกผ้านวมแบบที่มีปลอกจะดีที่สุด เพราะถอดซักทำความสะอาดได้ง่ายกว่าแบบไม่มีปลอก อย่าลืมพิจารณาว่า "ไส้ผ้านวม" ทำมาจากวัสดุแบบไหนด้วยนะคะ ซึ่งทั่วๆ ไปมีอยู่ 2 ชนิดคือพวก " ฝ้ายหรือนุ่น" และ "ใยสังเคราะห์" สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แนะนำให้ใช้ผ้าห่มนวมที่ไส้เป็นใยสังเคราะห์ค่ะ เพราะไม่เก็บฝุ่นและซักทำความสะอาดง่าย
หมอน
หมอนต้องไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป เวลานอนศีรษะของเราต้องไม่จมบุ๋มลงไปในหมอนมาก หมอนที่ดีควรรองตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงศีรษะค่ะ และหมอนควรคืนรูปได้ทันที ไม่ยุบตัวง่าย ปัจจุบันมีหมอนให้เลือกหลายประเภทเลยค่ะ แนะนำให้เลือกตามความเหมาะสมเฉพาะบุคคลนะคะ ดังต่อไปนี้
ใยสังเคราะห์ : มีทั้งแบบนุ่มฟูและแน่นค่ะ ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามรูปศีรษะ
ยางพารา : มีความยืดหยุ่นมากกว่าหมอนประเภทอื่น อายุการใช้งานนาน ระบายอากาศดี เหมาะสำหรับผู้เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคระบบทางเดินหายใจ
ขนเป็ด : จะนุ่มฟูเป็นพิเศษ รองรับน้ำหนักศีรษะได้ตามส่วนโค้งเว้าของศีรษะและต้นคอ เหมาะกับผู้ที่ชอบหมอนนุ่มมากๆ การใช้งานต้องระวังเรื่องการเปียกน้ำนิดนึงนะคะ เพราะจะทำให้เกิดกลิ่น
นุ่น : ราคาไม่แพง แต่ข้อเสียคือทำความสะอาดยากและอาจมีเศษนุ่นหลุดออกมา จึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ค่ะ
Memory Foam : วัสดุที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการนอนค่ะ เป็นโพลียูรีเท็นโฟมชนิดยืดหยุ่นชนิดหนึ่งที่พัฒนาการใช้งานโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ช่วยรองรับแรงกดทับของศีรษะและต้นคอทุกการเคลื่อนไหว ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก ไม่เป็นเหน็บชา เนื้อค่อนข้างนุ่มเป็นพิเศษ
ผ้าม่าน
ผ้าม่านในห้องนอนนั้นควรติดตั้งประเภทที่ถอดทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ เป็นผ้าชนิดที่ไม่อมฝุ่นจะดีที่สุด อาจเลือกเป็น "มู่ลี่" แทนก็ได้ค่ะ เพราะมู่ลี่ไม่อมฝุ่น แต่จะกันแสงแดดได้ไม่ดีเท่าผ้าม่าน สำหรับผ้าม่านจริงๆ แล้วก็มีให้เลือกหลายรูปแบบหลายวัสดุค่ะ เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับผ้าม่านแต่ละประเภทใหญ่ๆ ว่ามีจุดเด่นอย่างไร เพื่อจะได้นำไปใช้กับห้องนอนของเราอย่างเหมาะสมที่สุดกันค่ะ
ม่านที่ทำจากวัสดุที่เป็นผ้า : ม่านที่ทำจากผ้ายังสามารถแบ่งได้อีกหลายรูปแบบค่ะ เช่น ผ้าม่านจีบ, ผ้าม่านหลุยส์ ฯลฯ ม่านแบบผ้านั้นเหมาะกับการตกแต่งภายในแบบบ้านทุกดีไซน์ หาซื้อได้ง่ายและกันแสงได้ดี แต่ต้องทำความสะอาดบ่อยสักหน่อย ถ้าเป็นผ้าเนื้อหนาๆ แบบผ้าฝ้ายหรือผ้าขนสัตว์แล้วจะยิ่งอมฝุ่น
ม่านที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ : ม่านสังเคราะห์ ทำจากไฟเบอร์, โพลีเอสเตอร์ ฯลฯ กันแดดได้และรับแสงได้เช่นกัน เพราะจะมีความโปร่งแสงค่ะ สามารถเลือกปรับรับแสงมากหรือแสงน้อยได้ตามความต้องการเลย บางชนิดกัน UV ได้ 100% ทำความสะอาดง่ายกว่าแบบม่านแบบผ้าค่ะ
ม่านที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ : ม่านหรือมู่ลี่ชนิดนี้จะเน้นทำจากวัสดุธรรมชาติค่ะ เช่น มู่ลี่ไม่ไผ่, ม่านม้วนไม่ไผ่ ม่านชนิดนี้มีลักษณะโปร่งแสงมากที่สุด โดยจะให้อารมณ์ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าม่านชนิดอื่นๆ ทำความสะอาดง่าย มองเห็นฝุ่นได้ง่าย
"ไรฝุ่น" ศัตรูตัวร้ายในห้องนอน
"ไรฝุ่น" เป็นสัตว์จำพวก "แมง" มี 8 ขา ลักษณะคล้ายแมงมุม, เห็บ, หมัด แต่มีความยาวเพียง 1/100 นิ้ว ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ชอบอยู่ตามเส้นใยมืดๆ อับชื้นๆ ไหนมีความชื้นเกินร้อยละ 60 ที่นั่นมีไรฝุ่นแน่นอน มักอาศัยอยู่ที่เตียงนอน, หมอน, ผ้าห่ม และเฟอร์นิเจอร์อันเป็นแหล่งสะสมของเซลล์ผิวหนังของคนที่หลุดลอกออกมา ซึ่งเป็นอาหารชั้นยอดของไรฝุ่นเลย และยิ่งน่าตกใจก็คือ ไรฝุ่นตัวเมียสามารถตั้งท้องภายใน 1 ชั่วโมงและอีก 3 วันตกไข่ จากนั้นใช้เวลาเพียง 1 เดือนก็เติบโตเป็นไรฝุ่นโตเต็มวัย "มูล" ของไรฝุ่นจะมีโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งไอ้เจ้าโปรตีนตัวนี้แหละที่จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการโรคภูมิแพ้ เช่น ไอ, จาม, คันตา ไปจนถึงระดับรุนแรงคือ หอบหืด จากสถิติพบว่าคนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นมากกว่า 10 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับวิธีการกำจัดไรฝุ่นนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้อยู่เสมอ เน้นอย่างยิ่งเลยก็คือบรรดาเครื่องนอนทั้งหลาย เพียงเท่านั้นก็กำจัดและป้องกันไรฝุ่นได้แล้ว
วิธีป้องกันไรฝุ่น ศัตรูตัวร้ายในห้องนอน
1. ใช้ใยสังเคราะห์ดีกว่า เพราะไม่อมฝุ่น ทำความสะอาดง่าย เลี่ยงขนสัตว์ นุ่น หรือฟองน้ำ
2. อย่าเสียดาย เก่าแล้วทิ้งไป เพราะเครื่องนอนเก่าๆ เป็นบ้านชั้นดีของเหล่าไรฝุ่นเลย
3. ใช้ผ้ากันไรฝุ่น หรือผ้าทอเนื้อแน่นๆ ป้องกันมูลไรฝุ่นได้
4. หมั่นซักเครื่องนอนบ่อยๆ ทำความสะอาด เพราะมูลไรฝุ่นละลายน้ำง่าย ซักแล้วตากแดดจัดๆ ประมาณ 1 ชม. ก็ฆ่าไรฝุ่นได้
5. เอาความร้อนเข้าช่วย รีดปลอกหมอนหรือผ้าปู หรือแช่น้ำร้อน 140 องศาเซลเซียส นาน 1 ชม. จะทำลายโปรตีนสารก่อภูมิแพ้ได้
6. สมุนไพรไล่ฝุ่น ใช้น้ำมันยูคาลิปตัสผสมน้ำซักผ้า หรือเคลือบผ้าด้วยสารสกัดดอกเบญจมาศ (Chrysanthemums) ทำลายโปรตีนสารก่อภูมิแพ้ได้
"ไรฝุ่น" อันตรายสำหรับคนที่มีภูมิต้านทานต่ำหรือเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วอย่างมากเลยค่ะ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากมีเจ้าสัตว์ตัวน้อยนี้อาศัยอยู่ร่วมด้วยในห้องนอน การรักษาความสะอาดเท่านั้นค่ะที่จะช่วยได้ การรักษาความสะอาดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่แบ่งเวลาเพียงน้อยนิดมาใส่ใจเท่านั้น นอกจากจะได้ห้องนอนที่สะอาด ปราศจากไรฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ แล้ว ยังได้สุขภาพดีๆ กลับคืนมาอีกด้วยนะคะ อย่าลืมนำเคล็ดลับง่ายๆ ข้างต้นไปปรับใช้กันดู รับรองว่าห้องนอนและบ้านของคุณจะสะอาดปราศจากไรฝุ่นแน่นอนค่ะ