การได้เป็นเจ้าของบ้านสักหลังคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนทำงานหลายๆ คนแต่กว่าจะเก็บเงินก้อนใหญ่เพื่อไปซื้อบ้านในฝัน อาจต้องใช้เวลาเกินครึ่งชีวิต โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ไม่มากนัก เช่น 20,000 บาท ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงต้องขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารเพื่อให้ความฝันเป็นจริงได้เร็วขึ้น แต่จะขอสินเชื่ออย่างไรให้ผ่านการพิจารณาจากธนาคาร เรามี 4 เคล็ดลับดีๆ จาก K-Expert ธนาคารกสิกรไทย มาฝากกันค่ะ
1. สร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดี
ประวัติการชำระหนี้ถือเป็นปราการด่านแรกที่ธนาคารจะทำการพิจารณา ถ้าในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติชำระหนี้ล่าช้าหรือเหนียวหนี้ไม่ยอมจ่าย ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่ถ้าเคยผิดนัดชำระหนี้ หรือจ่ายหนี้น้อยกว่าขั้นต่ำที่ระบุในสัญญา ก็ให้รีบเคลียร์หนี้ในส่วนที่ค้างอยู่ให้สถานะกลับมาเป็นปกติ ส่วนใครที่ผิดนัดชำระหนี้เกิน 3 เดือน จนทำให้เครดิตบูโรกลายเป็นหนี้เสีย หรือ NPL ก็จะต้องแก้ไขโดยชำระหนี้ให้หมด หรือเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้แล้วชำระให้เรียบร้อย จนหลุดพ้นจากการเป็นหนี้เสีย แล้วค่อยรักษาสถานะทางบัญชีให้เป็นปกติประมาณ 1-3 ปี จึงจะสามารถยื่นขอกู้บ้านได้อีกครั้ง
2. ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระหนี้
โดยทั่วไปธนาคารจะดูจากรายได้ของผู้กู้เป็นหลัก ซึ่งธนาคารจะให้เราผ่อนชำระหนี้ได้ไม่เกิน 40-60% ของรายได้ในแต่ละเดือน ถ้าเป็นรายได้พิเศษหรือโบนัส ธนาคารก็อาจจะไม่ได้นำรายได้ส่วนนี้มาคำนวณ โดยรายได้ขั้นต่ำในการขอกู้บ้านจะอยู่ที่ 10,000-15,000 บาท ก่อนจะยื่นกู้ก็ลองคำนวณคร่าวๆ ดูก่อนก็ได้ค่ะ อย่างเช่น ถ้ามีรายได้ 25,000 บาท ธนาคารอาจให้ผ่อนหนี้ทุกชนิดรวมกันไม่เกิน 40% ของรายได้ เท่ากับจะผ่อนหนี้ไม่ได้ไม่เกิน 10,000 บาท เป็นต้น ซึ่งถ้าลองยื่นกู้แล้วพบว่าวงเงินที่ธนาคารอนุมัติน้อยกว่าราคาบ้านที่ต้องการ ก็จะมีทางให้เลือก คือ 1. หาเงินดาวน์เพิ่มเพื่อขอวงเงินกู้น้อยลง 2. หาผู้กู้ร่วมที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด 3. ลดขนาดบ้านที่ต้องการ
3. คำนวณอายุ
สำหรับธนาคารแล้ว อายุไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข เพราะเวลายื่นสินเชื่อบ้าน ธนาคารจะพิจารณาจากอายุงานและอายุของผู้กู้ โดยทั่วไปผู้กู้ต้องมีอายุงานไม่น้อยกว่า 6 เดือน - 2 ปี และต้องผ่านช่วงทดลองงานก่อน สำหรับเจ้าของกิจการก็ควรประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1-2 ปี ส่วนอายุของผู้กู้นั้นก็ควรมีอายุตั้งแต่ 21 ปี ขึ้นไป ซึ่งสามารถผ่อนชำระสินเชื่อบ้านได้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี และผ่อนได้ไม่เกินอายุ 60 ปี สำหรับมนุษย์เงินเดือน และ 65 ปี สำหรับเจ้าของกิจการ เช่น ถ้ามีอายุ 40 ปี และทำงานในบริษัทเอกชน ก็จะผ่อนสินเชื่อบ้านได้สูงสุดไม่เกิน 20 ปี เป็นต้น ระยะเวลาที่ลดลงทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นต้องคำนวณดีๆ ที่สำคัญต้องชั่งใจให้ดีว่าจะจ่ายไหวหรือไม่
4. หาหลักประกัน
ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีใครเดินตัวเปล่าเข้าธนาคารไปขอสินเชื่อบ้าน แต่ต้องมีเงินดาวน์ติดกระเป๋าประมาณ 5-20% ของราคาบ้านที่จะซื้อ ซึ่งบ้านและคอนโดมิเนียมแต่ละโครงการ อาจมีเงื่อนไขจำนวนเงินดาวน์ไม่เท่ากัน ต้องตรวจสอบและคำนวณเงินในกระเป๋าให้ดี ส่วนใครที่อยากเป็นเจ้าของที่ดินเปล่า ธนาคารมักจะไม่อนุมัติวงเงินสินเชื่อ และสำหรับบ้านมือสอง ก็อาจต้องวางเงินดาวน์ประมาณ 20% ของราคาบ้าน
เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็น่าจะทำให้การขอสินเชื่อบ้านกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นนะคะ สรุปแล้วเงินเดือน 20,000 บาท ของเรา ก็มีโอกาสยื่นขอสินเชื่อบ้านได้สบายๆ เพียงแต่ต้องวางแผนทางการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ และเมื่อขอสินเชื่อบ้านผ่านแล้ว ก็สามารถหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยการโปะหนี้บ้านหรือชำระหนี้มากกว่ายอดผ่อนที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือน เพราะการโปะหนี้จะทำให้ยอดเงินต้นลดลง และประหยัดดอกเบี้ยจ่าย ดังนั้น หากได้รับโบนัสหรือเงินก้อนพิเศษเข้ามา การนำไปโปะหนี้บ้านจะช่วยให้ภาระหนี้บ้านหมดไวขึ้นค่ะ