ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ การเงินและการลงทุน ร่วมวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนมุมมองในกิจกรรมสัมมนาออนไลน์ THE WISDOM Investment Forum : Wealth in Challenging World เดินหน้าฝ่ามรสุม คว้าความมั่งคั่ง คาดการณ์ปีหน้า 2566 ทั่วโลกยังต้องเจอกับปัจจัยกดดันฉุดรั้งเศรษฐกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ ความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจโลก, สถานการณ์ยืดเยื้อสงครามรัสเซีย-ยูเครน, การปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเงินเฟ้อ, ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบพุ่งสูง ขณะประเทศมหาอำนาจโลกทั้งจีน สหรัฐอเมริกา ยุโรป ยังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยถึงแม้จะมีนโยบายเศรษฐกิจเชิงรุกออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ในเอเชียกลับฟื้นตัว โดย IMF คาดเศรษฐกิจโลกโตไม่เกิน 2.7% แนะโอกาสลงทุนสร้างผลตอบแทนในสินทรัพย์กลุ่มหุ้น – ทองคำ และบิตคอยน์ (Bitcoin)
นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลและกระทบต่อเศรษฐกิจในปี 2566 เป็นอย่างมากคือ ราคาพลังงานที่ไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน เงินเฟ้อที่ยังทะยานสูงขึ้นของสหรัฐอเมริกา การเดินเกมขึ้นอัตราดอกเบี้ยและประคองผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงานของยุโรป การเดินหน้านโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ของจีน ในขณะที่ประเทศไทยซึ่งเริ่มเปิดประเทศ ค่อยๆ ฟื้นตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากขึ้น แต่ประเทศไทยก็ยังต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้าด้านอื่นๆ ได้แก่ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจนถึงระดับ 38 บาทต่อ 1 ดอล์ลาร์สหรัฐ ตลอดจนต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนพลังงาน ต้นทุนค่าแรง รวมถึงต้นทุนของเงินทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 2566 เศรษฐกิจโลกอึมครึม...เอเชียสวนทางรับความสดใส
ดร. ชญาวดี ชัยอนันต์ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2566 จะขยายตัว 2.7% ปรับลดจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีที่ 3.8% ซึ่งมีโอกาส 25% ที่การขยายตัวจะไปไม่ถึง 2% สะท้อนให้เห็นถึงภาพของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าที่นำโดยกลุ่มประเทศมหาอำนาจ ซึ่งจะมีความอึมครึมเพิ่มขึ้น
หุ้นไทยยังน่าซื้อ
นายสรพล วีระเมธีกุลผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บมจ. หลักทรัพย์กสิกรไทย ชี้ว่าในแง่ของการลงทุนหุ้นให้งอกเงยในปีหน้า 2 เรื่องที่ ต้องมอง คือ เงินเฟ้อและ GDP โดยหลักสำคัญที่ต้องรู้ คือ ให้ลงทุนในประเทศที่เงินเฟ้อมาจากฝั่งซัพพลาย หลีกเลี่ยงการลงทุนในประเทศที่มีเงินเฟ้อมาจากฝั่งดีมานด์ โดยไทยคือประเทศที่น่าลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เนื่องจากเงินเฟ้อมาจากฝั่งซัพพลายและอยู่ในช่วงของ Pent Up Demand หรือความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การกลับมาใช้จ่ายมากขึ้นอีกครั้งหลังจากในช่วงที่ผ่านมาการใช้จ่ายชะลอตัว ซึ่งในสัดส่วนการลงทุน 60% ให้แบ่ง 30% เล่นหุ้นในไทย 15% ลงในอเมริกาฝั่งเทคโนโลยี และอีก 15% ลงในจีน ซึ่งควรซื้อหุ้น Domestic ฝั่ง A-share
ทองคำเดินหน้าต่อเป็น "Safe Heaven"
สำหรับการลงทุนทองคำนายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า ทองคำยังเป็น Safe Heaven หรือสินทรัพย์หลบภัยที่ดีของนักลงทุน ซึ่งควรรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นช่วงที่ควรเริ่มกลับมาสะสมทองคำเพื่อหวังผลในปีหน้า ทั้งนี้ ควรหาจังหวะเข้าซื้อสะสม โดยแบ่งเงินลงทุนเป็นหลายส่วนคือ ส่วนที่ 1 ให้เข้าซื้อบริเวณ 1,600 – 1,614 ดอลลาร์ ส่วนที่ 2 – 3 ให้เข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์ ทั้งนี้ ทองคำสามารถใช้เป็นสินทรัพย์ในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้
บิตคอยน์ ทางเลือกใหม่ของนักลงทุน
นายพิริยะ สัมพันธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฉลกดอทคอม จำกัด กล่าวว่า บิตคอยน์เป็นเทคโนโลยีที่ฆ่าไม่ตาย เป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าลงทุน ซึ่งหากอยู่ต่อได้อีก 30 หรือ 40 ปี จะเกิดอะไรขึ้นนั้น คือ สิ่งที่น่าจับตาดู โดยในปัจจุบันตัวเลขของการใช้งานยังเพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งหากจะลงทุนหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณา คือ เรื่องของ 4 Year Cycle หรือการที่ทุกๆ 4 ปี บิตคอยน์จะมีการผลิตลดลงครึ่งหนึ่งหรือ Halving ซึ่งจะช่วยให้มีความแข็งแกร่งในแง่ของการเป็นสินทรัพย์สูงขึ้น และตามมาด้วยการแห่ซื้อของตลาด สำหรับคนที่ไม่ได้คิดจะลงทุนระยะสั้นหรือเก็งกำไรระยะสั้น และมีการป้องกันความเสี่ยงของตัวเองที่ดี ช่วงนี้ถือเป็นช่วงของการเก็บสะสม แต่สำหรับคนที่ต้องการลงทุน เทรด และเก็งกำไรจริงๆ อาจจะต้องรออีกสักระยะ เพื่อให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนจากตลาดก่อน
เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้
ประเภทคุกกี้ อ่านเพิ่มเติม ที่นี่ |
ยินยอม / ไม่ยินยอม |
---|---|
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ (Strictly Necessary) |
|
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์ (Functionality) |
|
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์ (Performance & Analytics) |
|
คุกกี้เพื่อการตลาด (Marketing) |