ปัจจุบันกระแสรถยนต์ EV เข้ามาถึงชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ Tesla บริษัท EV จากสหรัฐฯ จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย คาดว่าจะเปิดตัว Flagship Store ช่วงปลายปี 2023 ส่วน BYD ยักษ์ใหญ่ EV จากจีน เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยพร้อมเปิดตัวรถ EV ที่จะเข้าไทยอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้มีผู้ผลิตยานยนต์จากจีนเข้ามาทำตลาดรถ EV ไว้บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น MG และ GWM ดังนั้นคงหลีกหนีไม่พ้นแล้วที่ยานยนต์ EV จะเข้ามาแทนที่ยานยนต์พลังงานฟอลซิลในเร็ววันนี้
ความน่าสนใจของหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า
โลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านอีกครั้ง รถยนต์ EV เป็นคลื่นลูกใหม่ที่ไล่หลังคลื่นลูกใหญ่แต่ใกล้ถึงฝั่งอย่างรถยนต์สันดาป ประเทศจีนเป็นผู้นำของโลกด้วยการสนับสนุนธุรกิจ EV เนื่องจากช่วยแก้ปัญหาการนำเข้าน้ำมัน และมลพิษ โดยจีนอุดหนุนเงินสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ EV ตั้งแต่ปี 2020 และขยายเวลาไปถึงสิ้นปี 2022 ยอดขายรถยนต์ EV รายเดือนในจีนจึงเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบเท่าตัว
ส่วนสหรัฐฯ เดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และจัดสรรเงินทุนสำหรับจัดหาแร่ธาตุจำเป็นต่อการผลิตแบตเตอรี่ และชิ้นส่วน เพื่อเป้าหมายผลิตรถ EV ให้ได้ 50% ของการผลิตรถยนต์ใหม่ ด้านสภายุโรปก็เห็นชอบร่างยกระดับมาตรฐานการปล่อย CO2 สนับสนุนให้ใช้รถ EV และกำหนดให้มีจุดชาร์จไฟฟ้าบนถนนสายหลักทุก 60 กิโลเมตร
คาดว่ายอดขายรถ EV ระหว่างปี 2022-2027 เติบโตเฉลี่ย 17.75% ต่อปี โดยเพิ่มจาก 384,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็น 869,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2027 นำโดยประเทศจีน ต่อจากนั้นคาดว่าสหรัฐฯ และยุโรปจะเติบโตตามจีน
4 เหตุผลที่หุ้นรถยนต์ไฟฟ้าน่าลงทุน
1. นโยบายภาครัฐสนับสนุน จะเห็นว่าจีน ยุโรป และสหรัฐฯ แสดงออกชัดว่าสนับสนุนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยรถ EV ที่มีจุดเด่นด้าน Zero Emission นอกจากจีนที่อุดหนุนเงินแล้ว ยุโรปก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนโดยปี 2020 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสวนทิศทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ด้านประเทศไทยมีนโยบาย 30@30 ตั้งเป้าผลิตรถ EV ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2030
2. ประหยัดในยุคน้ำมันแพง ตัวอย่างเช่น KIA Soul EV ชาร์จไฟฟ้าจนเต็ม จะมีอัตราค่าใช้จ่ายในการเดินทางประมาณ 1.98 บาท/กิโลเมตร ส่วนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2-3 บาท/กิโลเมตร
3. บำรุงรักษาง่าย
รถยนต์ EV มีชิ้นส่วนหลักเพียงมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และแผงวงจร จำนวนชิ้นส่วนจึงน้อยกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน การดูแล และซ่อมจึงง่ายกว่ามาก
4. แหล่งเทคโนโลยีใหม่ รถ EV มีภาพลักษณ์ที่เหมาะกับการติดตั้งแผงวงจรและเซนเซอร์ระบบขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถอัปเดตข้อมูลการขับขี่อัตโนมัติทุกครั้งที่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์เหมือนสมาร์ทโฟน ดึงดูดกำลังซื้อจากผู้บริโภครุ่นใหม่
ในรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน มีหุ้นอะไรอยู่บ้าง
รถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนประกอบสำคัญ 7 ส่วน ได้แก่ มอเตอร์ (Motor), รีดิวเซอร์ (Reducer), แบตเตอรี่ (Battery), ระบบการจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System), ระบบควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ (Battery heating System), ระบบชาร์จไฟฟ้าแบบออนบอร์ด (on-board charger), ชุดควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าในรถยนต์ (EPCU)
ในระดับโลกนักลงทุนจะสนใจหุ้นของบริษัทผลิตรถยนต์ EV บริษัทผลิตแบตเตอรี่ และบริษัทผลิตชิ้นส่วนโดยเฉพาะผู้ผลิตชิปและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ควบคุมระบบในรถยนต์ EV
ตัวอย่างบริษัทรถยนต์ EV ที่นักลงทุนต่างสนใจ เช่น BYD, Nio, Tesla, Li Auto ส่วนบริษัทผลิตแบตเตอรี่ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น CATL, SAMSUNG SDI, LG CHEM, ALBEMARLE, GANFENG LITHIUM ขณะที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนก็มีที่น่าสนใจ เช่น ON Semiconductor, Schneider Electric, NXP Semiconductors
หุ้นรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในกองทุนอะไรบ้าง
ASP-POWER : ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศหรือ ETF ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนไปใช้ Clean Energy โดยจะมีสัดส่วนในทั้งหุ้นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม แบตเตอรี่ และรถยนต์ EV ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป จีน และทั่วโลก
UEV : ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศหรือ ETF บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ EV ทั้งชิป แบตเตอรี่ สารเคมี ระบบเซนเซอร์และแผงวงจรในรถยนต์ EV จากทั่วโลก
P-CGREEN : ลงทุนผ่าน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF ที่เน้นบริษัทสัญชาติจีนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ซึ่งก็มีหุ้นแบตเตอรี่ รถยนต์ EV และพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม
รถยนต์ EV นับเป็นกระแสใหม่ที่แท้จริง มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งเปลี่ยนจากโรงไฟฟ้าพลังงานฟอลซิลไปสู่พลังงานแสงอาทิตย์ รถยนต์ใช้น้ำมันไปสูงรถยนต์ EV พร้อมสถานีชาร์จไฟฟ้ามากมาย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าอนาคตจะดูสดใสมากแค่ไหน ความไม่แน่นอนก็เกิดขึ้นได้เสมอ นักลงทุนควรศึกษาแนวโน้มในอนาคตอย่างสม่ำเสมอ และกระจายสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้นะครับ