เข้ามาใกล้ขึ้นทุกวันแล้ว สำหรับการใช้รถยนต์ EV สะท้อนผ่านยอดขายรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส การขยายฐานการผลิตเข้าประเทศไทยของ BYD รวมไปถึง Tesla จดทะเบียนบริษัทในไทย นอกจากนี้รัฐบาลทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทยก็มีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ EV อีกด้วย
การเติบโตเช่นนี้ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีความน่าสนใจลงทุน บทความนี้จะพาทุกคนไปส่องหุ้นรถยนต์ EV ระดับโลกที่สามารถลงทุนได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การเติบโตของหุ้น EV และทิศทางในอนาคต
การใช้งานรถ EV ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ เช่น นโยบายลดการปล่อย CO2 ของรถยนต์ใหม่ที่ขายในยุโรปให้ได้ 55% ภายในปี 2030 ด้านประเทศไทยก็สนับสนุนด้วยนโยบาย 30@30 คือ การตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2030 ส่วนประเทศจีนที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านรถยนต์ EV ของโลก ได้อุดหนุนเงินให้ผู้ซื้อรถ EV ตั้งแต่ปี 2020 ด้านสหรัฐฯ เริ่มอนุมัติงบประมาณสนับสนุนด้านพลังงานสะอาดแข่งกับประเทศจีนแล้ว
เมื่อความต้องการรถ EV มีทิศทางเติบโต ความต้องการแบตเตอรี่ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญย่อมเพิ่มขึ้นตาม การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานทั้งแบตเตอรี่และชิปเซมิคอนดัคเตอร์เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ EV นอกจากนั้นในปัจจุบันหลายบริษัทกำลังแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ให้มีความจุมากขึ้น ลดความร้อน และปลอดภัยมากขึ้น
หุ้น EV ที่ดีควรเป็นอย่างไร
เข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย
การเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์แสดงว่าบริษัทดังกล่าวเริ่มสร้างรายได้มีกระแสเงินสดเข้าบริษัท และการใช้งานอย่างแพร่หลายยิ่งช่วยให้บริษัทมีข้อมูลการขับขี่มากขึ้น ซึ่งสำคัญต่อเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Drive) ที่ทุกบริษัทกำลังแข่งขันกันอย่างหนัก สามารถนำไปต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีและธุรกิจ
การจัดการปัญหาห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนวัตถุดิบ
ตั้งแต่ปลายปี 2021 บริษัทรถยนต์ EV และรถยนต์ใช้น้ำมันเผชิญปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดัคเตอร์ซึ่งยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อจากนั้นช่วงไตรมาส 2 ปี 2022 ประเทศจีน lockdown ครั้งใหญ่ ทำให้บริษัท EV ที่มีฐานผลิตในจีนลดกำลังการผลิตอย่างชัดเจน ในทางกลับกันก็จะเห็นว่ามีบางบริษัทที่จัดการปัญหานี้ได้ดีกว่าบริษัทอื่น ซึ่งอนาคตมีโอกาสเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อีก ดังนั้นบริษัทรถยนต์ EV ที่ดี ควรมีโครงสร้างธุรกิจพร้อมรับปัญหาลักษณะเช่นนี้
ด้านตันทุนวัตถุดิบก็เป็นอีกปัญหาในปี 2022 ซึ่งบริษัทที่ดีควรมีความสามารถต่อรองราคาวัตถุดิบหรือส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภคได้เพื่อรักษาอัตรากำไร
มีสภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง
อุตสาหกรรมรถยนต์ EV ยังอยู่ในยุคเริ่มต้น การแข่งขันยังเข้มข้นขึ้นได้อีกและอาจกลายเป็น red ocean ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ยังไม่มีกำไร ดังนั้นควรเลือกหาบริษัทที่มีสภาพการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดเป็นบวกหรือมีแนวโน้มติดลบน้อยลง มีเงินสดสูงกว่าหนี้ระยะสั้น ยอดส่งมอบรถ EV เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
หุ้น EV ต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยที่น่าสนใจ
ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ซื้อขายได้เหมือนหุ้น เรียกว่า DR (Depositary Receipt) ช่วยในการลงทุนหลักทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศ ธนาคารกรุงไทยออก DR อ้างอิงบริษัท BYD ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
BYD ผู้นำด้านรถยนต์ EV จากจีน ครึ่งแรกของปี 2022 ส่งมอบรถ 646,399 คัน ส่วนปี 2021 ส่งมอบรถ 740,131 คัน รายได้เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี เติบโตต่อเนื่องที่ประมาณ 17% ต่อปี ปี 2021 มีรายได้ทั้งหมด 211,300 ล้านหยวน จากปี 2012 ซึ่งอยู่ที่ 44,400 ล้านหยวน ที่สำคัญคือบริษัทมีกำไรแล้ว โดยปี 2021 มีกำไรสุทธิที่ 4,000 ล้านหยวน
ที่ผ่าน BYD มีรายได้ส่วนใหญ่ 85-90% ของรายได้ทั้งมด จากจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน แต่ปี 2021 รายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมามีสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมด ที่สำคัญ BYD ควบคุมสายการผลิตทั้งหมด เพราะมีเหมืองลิเธียม สามารถผลิตแบตเตอรี่ ชิปและแผงวงจร และรถ EV ได้เอง จึงลดปัญหาห่วงโซ่อุปทานได้ชัดเจนกว่าบริษัทอื่น
ล่าสุดมีผลิตภัณฑ์ชื่อว่า DRx ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีรายละเอียดต่างจาก DR เช่น ต้องเปิดบัญชี DRx ซึ่งเป็นบัญชีเติมเงินเข้าไปเพื่อซื้อหุ้น ไม่มีขั้นต่ำการซื้อ ธนาคารกรุงไทยออก DRx อ้างอิงบริษัท Tesla ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในดัชนี Nasdaq สหรัฐฯ
Tesla เป็นผู้นำด้านรถยนต์ EV ของโลก และเป็นคู่แข่งสำคัญของ BYD รายได้เติบโตต่อเนื่องมาที่ 53,820 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 จาก 4,050 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2015 และเมื่อปี 2020 Tesla พลิกจากขาดทุนมามีกำไรสุทธิที่ 690 ล้านดอลลาร์ ส่วนปี 2021 กำไรสุทธิเพิ่มมาที่ 5,520 ล้านดอลลาร์
การส่งมอบรถยนต์ EV ซึ่งมากที่สุดและมีผู้ขับขี่ทั่วโลกสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในแง่ข้อมูลการขับขี่ที่นำมาพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้การขยายโรงงานผลิตและการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก็สร้างความมั่นคงต่อห่วงโซ่อุปทานและการต่อรองต้นทุนวัตถุดิบ
โดยสรุปแล้วการเติบโตของบริษัทรถยนต์ EV มีความโดดเด่นไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่น เหมาะกับนักลงทุนที่มองว่าท้องถนนจะเต็มไปด้วยรถยนต์ EV อย่างไรก็ตามแม้ภาพในอนาคตจะสดใสมากแค่ไหนก็อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้กับทั้งบริษัทและอุตสาหกรรม ดังนั้นนักลงทุนต้องไม่ลืมที่จะกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้อยู่เสมอนะครับ